Hitachi x ลงทุนแมน

Hitachi เกิดขึ้นในปี 1910 โดยวิศวกรไฟฟ้าชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า นามิเฮอิ โอไดระ
ชายหนุ่มที่ผลิตมอเตอร์เหนี่ยวนำขนาด 5 แรงม้า (5HP Motor) สำเร็จเป็นครั้งแรกในเอเชีย

จากนั้น Hitachi ก็ค่อย ๆ พัฒนานวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใกล้ตัวเรามากขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่ว่าจะเป็น ทรานซิสเตอร์, ตู้เย็น, เครื่องซักผ้า, เครื่องปรับอากาศ, เครื่องดูดฝุ่น ฯลฯ

สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ Hitachi ถูกนำออกไปขายทั่วโลก รวมทั้งภูมิภาคอาเซียน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ประเทศไทย

โดยในปี 1958 Hitachi ก่อตั้งสำนักงานตัวแทนแห่งแรกในประเทศไทย
ในปี 1989 ก่อตั้งโรงงานแห่งแรกในจังหวัดสมุทรปราการ และในปี 1996 ย้ายโรงงานไปยังกบินทร์บุรี ปราจีนบุรี ที่ปัจจุบันนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในฐานการผลิตโลกที่ส่งออกสินค้าไปขายกว่า 65 ประเทศทั่วโลก

อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่เกิดขึ้นในปี 2021 ที่สร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจมากขึ้นไปอีก
เมื่อ Hitachi ในประเทศไทยอยู่ภายใต้บริษัท Arçelik Hitachi Home Appliances
ที่เกิดจากการร่วมทุนของ Arçelik A.Ş. สัดส่วน 60% และ Hitachi Global Life Solutions สัดส่วน 40%

ภายใต้ความเชี่ยวชาญของ 2 ธุรกิจ
นอกจากการขยายตลาดต่างประเทศแล้ว ยังเกิดการพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

แล้วเบื้องหลังความสำเร็จของ Hitachi ในไทยคืออะไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

ถ้าพูดถึง Arçelik A.Ş. จริง ๆ แล้วเขาคือผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่มีแบรนด์ในเครือกว่า 22 แบรนด์ เช่น Arçelik, Grundig, Blomberg, Arctic ฯลฯ

ความเชี่ยวชาญและสเกลของเขาไม่ใช่แค่การมีบริษัทในเครือกว่า 55 ประเทศ มีพนักงานกว่า 50,000 คน
และโรงงานผลิต 45 แห่งใน 13 ประเทศ

แต่ยังมีศูนย์วิจัยและพัฒนา R&D และ Design Center กว่า 30 แห่ง
ที่มีนักวิจัยมากกว่า 2,300 คน และมีสิทธิบัตรสินค้ากว่า 3,500 รายการ

จึงไม่น่าแปลกใจ เมื่อ Arçelik A.Ş. ร่วมทุนกับ Hitachi Global Life Solutions ทำให้โอกาสทางธุรกิจของเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ Hitachi ขยายตัวมากขึ้น ทั้งในไทยและตลาดโลก

แล้ว Hitachi ครองใจผู้บริโภค จนสร้างการเติบโตได้อย่างไร ?

1. การรักษาคุณภาพพรีเมียม มาตรฐานญี่ปุ่น

Hitachi ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อด้านคุณภาพมายาวนาน
สิ่งที่หลายคนสัมผัสได้คือ ความคงทน และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

รู้หรือไม่ว่า Hitachi มีหลักคิดการออกแบบที่เน้น User-Oriented Products

อธิบายง่าย ๆ ก็คือ การคำนึงถึงความสะดวกในการใช้งานจริง
โดยไม่จำเป็นที่จะต้องมีเทคโนโลยีหวือหวา แต่เน้นจุดขายไปที่ฟังก์ชันและดิไซน์ ที่ผ่านการคิดมาแล้วว่า ตอบโจทย์ลูกค้าจริง ๆ

ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็เช่น ตู้เย็นบางรุ่น ที่ถูกออกแบบให้มีหน้าแคบกว่าตู้เย็นทั่วไป แต่เน้นความสูงแนวตั้งมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์การพักอาศัยในคอนโดมิเนียมที่มีพื้นที่จำกัด

2. การรักษามาตรฐานการผลิตในประเทศไทย

Hitachi นอกจากจะเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อด้านคุณภาพ
ยังมีฐานการผลิตที่โรงงานในกบินทร์บุรี ปราจีนบุรี ที่เน้นความใส่ใจทุกขั้นตอนในการผลิต ภายใต้ทีมผู้ผลิตสัญชาติไทยและนานาชาติ

แม้จะมีความเป็น Multinational แต่ยังคงมาตรฐาน และความละเอียดใส่ใจตามแบบฉบับญี่ปุ่น

ที่สำคัญ ฐานการผลิตด้วยฝีมือคนไทย ยังเป็นหนึ่งในฐานการผลิตที่สำคัญของ Hitachi ที่ส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าไปขายกว่า 65 ประเทศทั่วโลกอีกด้วย

3. การขยายสำนักงานขาย Hitachi อย่างต่อเนื่อง

หากย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษ 1970 เป็นต้นมา จะพบว่า Hitachi ขยายสำนักงานขายอย่างต่อเนื่อง

ปี 1964 สำนักงานขาย Hong Kong
ปี 1968 สำนักงานขาย Thailand
ปี 1971 สำนักงานขาย Malaysia
ปี 1990 สำนักงานขาย Taiwan
ปี 1994 สำนักงานขาย Shanghai
ปี 1995 สำนักงานขาย Singapore
ปี 2007 สำนักงานขาย Indonesia
ปี 2013 สำนักงานขาย UAE
ปี 2014 สำนักงานขาย Vietnam

โดยเชื่อว่าเวียดนามเป็นหนึ่งในตลาดที่กำลังเติบโตในอาเซียน
ส่วน UAE ก็เป็น Hub ที่สำคัญในการส่งสินค้าไปยังประเทศตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดีอาระเบีย และอิรัก ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน สำหรับในประเทศไทยพบว่า ปี 2024 ตู้เย็น Hitachi มีส่วนแบ่งทางการตลาดติด Top 3
ส่วน Market Share ของเครื่องดูดฝุ่น Hitachi เติบโตจาก Top 5 ในปี 2023 สู่ Top 3 ในปี 2024

4. ปรับตัวตามความต้องการของผู้บริโภค

ก่อนหน้านี้ Hitachi ไม่ค่อยได้ทำการตลาดหวือหวามากนัก แต่หากสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจากการร่วมทุนเป็นต้นมา

จะพบว่า Hitachi พยายามปรับตัวและสื่อสารไปยังผู้บริโภคมากขึ้น
ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็เช่น การเปิดตัว New Global Brand Campaign หรือแบรนด์แคมเปญระดับโลกที่มีชื่อว่า “The Art of Ease” หรือ “ศิลปะแห่งความเรียบง่าย” เพื่อให้สอดคล้องกับการเสพสื่อของผู้บริโภคยุคนี้มากขึ้น

รวมทั้งการสื่อสารที่เน้นในด้าน Sentiment Value
เพราะ Hitachi เชื่อว่า Tactical Benefit ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องของความรู้สึก ที่หลัก ๆ เกิดจากการที่ลูกค้าเชื่อมั่นในตัวแบรนด์ นั่นเอง

นอกจากนี้ Hitachi ยังเน้นกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เช่น หม้อหุงข้าว ไมโครเวฟ เพราะมองว่าเป็นสินค้าจำเป็นสำหรับคนรุ่นใหม่ยุคนี้

สะท้อนได้ว่า Hitachi กำลังให้ความสำคัญในด้านการขยาย Product Categories ให้ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคยิ่งขึ้น

5. กลยุทธ์ทางการตลาด

แม้ว่ายอดขายจากช่องทางออนไลน์จะเป็นสิ่งสำคัญ
แต่ก็คงน่าเสียดาย หากหักลบกับยอดขายออฟไลน์ที่หายไป

Hitachi จึงมองหาทางออกที่จะเกิดประโยชน์ ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ที่สำคัญต้องตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างถูกกลุ่มเป้าหมายด้วย

ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่ต้องการอ่านรีวิว ค้นหาข้อมูล แล้วกดซื้อจากช่องทางออนไลน์ หรือลูกค้าที่ชื่นชอบและถนัดช่องทางออฟไลน์มากกว่า เพราะต้องการสัมผัสสินค้าจริง และพูดคุยกับพนักงานขายก่อนตัดสินใจ

ซึ่งถ้าใครอยากสัมผัสสินค้า Hitachi ในแบบที่สามารถเข้าใจรายละเอียดจริง ๆ
สามารถสอบถามได้ที่โชว์รูมครบวงจรแห่งแรกในไทยกลิ่นอาย Young Japanese Brand บนถนนบางนา-ตราด

ทั้งหมดนี้ คือตัวอย่างของการทำธุรกิจที่เรียบง่ายสไตล์ญี่ปุ่น
ภายใต้คุณภาพสินค้าญี่ปุ่นที่ได้รับการเชื่อถือมายาวนานที่มีชื่อว่า Hitachi นั่นเอง..

References
-https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1137002
-https://www.prachachat.net/marketing/news-1788241
-https://www.hitachi-homeappliances.com/th-th/
-https://www.prachachat.net/marketing/news-1529318
-https://www.ryt9.com/s/anpi/3236138
-https://www.brandage.com/article/30657
-https://www.prachachat.net/marketing/news-1403491
-https://social-innovation.hitachi/th-th/innovationhub/business-of-improving-lives/
-https://www.hitachi.com/en/about/history/
-https://www.hitachi-hitt.com/?module=view&pages=aboutus2
-https://www.thansettakij.com/business/marketing/611373