DELTA ดิ่งติด FLOOR -30% ตลาดกังวลค่าลิขสิทธิ์จากบริษัทแม่ที่ไต้หวัน ส่วน SET ร่วง 34 จุด เช้านี้ /โดย ลงทุนแมน
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อเย็นวันศุกร์สัปดาห์ที่แล้ว
บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA บริษัทที่ใหญ่สุดในตลาดหุ้นไทย
ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2567 และประจำปี 2567

ไตรมาส 4 ปี 2567 บริษัทมี
- รายได้ 41,832 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.8% จากปีก่อน
- กำไร 2,155 ล้านบาท ลดลง 54.3% จากปีก่อน

ทั้งปี 2567
- รายได้ 166,737 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.5% จากปีก่อน
- กำไร 18,939 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% จากปีก่อน

การเติบโตของรายได้ ส่วนใหญ่เกิดจากการเติบโตของกลุ่มธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์กำลังไฟฟ้า โดยได้รับแรงหนุนจากโซลูชันการจัดการพลังงานสำหรับ Data Center และ DC-DC คอนเวอร์เตอร์ สำหรับไมโครโปรเซสเซอร์ ที่มีความต้องการสูง ตามเทรนด์การใช้งานเทคโนโลยี AI

ในขณะที่กำไรนั้น ต้องบอกว่า นอกจากไตรมาสล่าสุด กำไรจะลดลงแล้ว
ทั้งปี 2567 กำไรที่ DELTA ทำได้ ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่า จะอยู่ที่ราว ๆ 22,000 - 23,000 ล้านบาท..

ซึ่งในปีที่แล้ว DELTA มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 22,637 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นมา 7,154 ล้านบาท หรือ 46.2% จากปีก่อนหน้า
หลัก ๆ แล้วเป็นค่าใช้จ่ายในการขายและจัดจำหน่าย รวมถึงค่าใช้จ่ายในการบริหาร ที่บวมขึ้นมา

บริษัทบอกว่า เป็นเพราะการเพิ่มขึ้นของค่าลิขสิทธิ์ที่ถูก Delta Electronics Inc. (บริษัทแม่ที่ไต้หวัน) เรียกเก็บ พร้อมกับค่าธรรมเนียมการสนับสนุนทางเทคนิคที่เกี่ยวกับ AI เพื่อรองรับความต้องการตลาดที่เพิ่มขึ้นในแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI

อย่างไรก็ตาม DELTA เป็นหุ้นที่ความคาดหวังสูง สะท้อนจากค่า P/E ที่สูงกว่า 65 เท่า

อีกทั้งยังเป็นหุ้นที่มี Free Float หรือ % การถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย อยู่เพียง 23%

ดังนั้นเวลามีข่าวอะไรมากระทบ ไม่ว่าเชิงบวก หรือเชิงลบ
ราคาหุ้นก็จะเคลื่อนไหวค่อนข้างรุนแรง

และกรณีนี้ ที่ผลประกอบการออกมาเซอร์ไพรส์ แย่กว่าที่ตลาดมองไว้
เมื่อความคาดหวังสูง แต่ผลลัพธ์กลับทำให้นักลงทุนผิดหวัง

รวมไปถึงค่าลิขสิทธิ์ จากบริษัทแม่ที่ไต้หวัน ที่เป็นเรื่องสงสัยว่าจะมีมากขนาดไหน

หุ้นตัวใหญ่อย่าง DELTA พอสะดุดที ก็จะล้มแรงและดัง..

ซึ่งช่วงเช้านี้ เปิดตลาดมา ราคาหุ้น DELTA ตอบสนองด้วยการดิ่งลง -30% ทันที
คิดเป็นมูลค่าบริษัทที่มลายหายไปกว่า 420,000 ล้านบาท

และเนื่องจากเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากสุดในตลาดหุ้นไทย
จึงลาก SET ร่วงลงไปด้วยกันที่ 34 จุด..