ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมเสนอโครงการ Jump+ ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี แก่บริษัทจดทะเบียน กระตุ้นตลาดทุน ส่งเสริมการเป็น Listing Hub ของภูมิภาค

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมเสนอโครงการ Jump+ ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี แก่บริษัทจดทะเบียน กระตุ้นตลาดทุน ส่งเสริมการเป็น Listing Hub ของภูมิภาค

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เตรียมเสนอโครงการ Jump+ ต่อกระทรวงการคลัง ภายใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อกระตุ้นการเติบโตของบริษัทจดทะเบียน และเสริมสร้างความแข็งแกร่งของตลาดทุนไทย โดยจะให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทที่เข้าร่วมโครงการ
-ยกเว้นภาษีกำไรส่วนเพิ่ม ที่เกิดขึ้นระหว่างเข้าร่วมโครงการ หากบริษัทสามารถขยายธุรกิจได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
แต่ถ้าบริษัทที่เข้าร่วมโครงการ ไม่สามารถดำเนินการได้ตามแผนที่เสนอไว้ อาจถูกระงับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ที่ได้รับจากโครงการ
-สนับสนุนการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) โดยบริษัทที่เข้าร่วมโครงการ จะได้รับการยกเว้นภาษีย้อนหลัง ในกรณีที่เข้าซื้อหรือควบรวมบริษัทนอกตลาด
นอกจากนี้ ตลท. ยังให้การสนับสนุนอื่น นอกจากเรื่องภาษี เช่น
-เทคโนโลยี AI และเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล
-ที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) เพื่อช่วยวางแผนกลยุทธ์การเติบโต
-ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าร่วมโครงการ
-การส่งเสริมการระดมทุนผ่าน Roadshow ทั้งในและต่างประเทศ
โดยบริษัทที่เข้าร่วมโครงการ Jump+ ได้ ต้องมีคุณสมบัติดังนี้
-เป็นบริษัทจดทะเบียนใน SET หรือ mai
-ไม่มีเครื่องหมาย CB, CS, CC, CF ที่แสดงถึงปัญหาทางการเงิน
-ไม่เข้าข่ายถูกเพิกถอนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ
-ไม่มีกรรมการหรือผู้บริหารที่ถูก ก.ล.ต. กล่าวโทษในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา
ซึ่งบริษัทที่เข้าร่วมโครงการ ต้องรักษาสถานะดังกล่าวตลอดระยะเวลาของโครงการ หากฝ่าฝืน อาจถูกตัดสิทธิ์ออกจากโครงการ และถูกระงับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
ตลท. วางแผนเริ่มดำเนินโครงการนี้ ในเดือนพฤษภาคม 2568 โดยตั้งเป้าหมายว่าในปีแรก จะมีบริษัทจดทะเบียนเข้าร่วมอย่างน้อย 50 บริษัท
และในอนาคตคาดหวังว่า มากกว่า 50% ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด จะเข้าร่วม
ตลท. บอกว่า โครงการ Jump+ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของมาตรการระยะยาวที่วางแผนไว้ เป้าหมายหลักคือการทำให้ไทยเป็น “Listing Hub” หรือศูนย์กลางการระดมทุน ที่สามารถดึงดูดบริษัทจากทั้งภูมิภาคและทั่วโลก
นอกจากนี้ ตลท. ยังเตรียมมาตรการส่งเสริมตลาดทุนอื่น ๆ อีก นอกจากโครงการ Jump+
1. รื้อฟื้นกองทุน LTF โดยกำลังพิจารณาย้ายกองทุนไปสู่ TESG เพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน และส่งเสริมการลงทุนในหุ้นที่มีแนวทาง ESG (Environmental, Social, Governance)
2. โครงการซื้อหุ้นคืน เพื่อการบริหารทางการเงิน (Treasury Stock)
หนึ่งกลไกที่ช่วยให้สะท้อนมูลค่าของกิจการได้อย่างเหมาะสมขึ้น
โดยกำลังหารือกับ ก.ล.ต. และกระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับการปรับปรุงเกณฑ์ระยะเวลาการถือครองหุ้น ที่บริษัทจดทะเบียนซื้อคืนมา ให้มีความคล่องตัวขึ้น เพื่อลดการซ้ำเติมตลาด จากการที่ต้องขายหุ้นภายในเวลาที่กำหนด
ตลท. มองว่า หากมาตรการเหล่านี้ประสบความสำเร็จ จะช่วยให้ตลาดทุนไทยมีเสถียรภาพมากขึ้น บริษัทมีโอกาสเติบโตและสร้างผลกำไรได้ดีขึ้น
ขณะที่ภาครัฐ ก็สามารถจัดเก็บภาษีได้มากขึ้นในระยะยาว จากบริษัทที่ขยายตัวหลังจบโครงการ..
เครดิตและที่มา : https://moneyandbanking.co.th/2025/155913/

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon