
Lindt ตำนานช็อกโกแลต 180 ปี จากสวิตเซอร์แลนด์ ที่ธุรกิจยังโตอยู่
Lindt ตำนานช็อกโกแลต 180 ปี จากสวิตเซอร์แลนด์ ที่ธุรกิจยังโตอยู่ /โดย ลงทุนแมน
ในโลกธุรกิจ ผู้เล่นที่สามารถอยู่มาได้เกินกว่า 100 ปี มีจำนวนเพียงหยิบมือ
และยิ่งเป็นธุรกิจที่สามารถเติบโตได้อยู่นั้น ยิ่งมีจำนวนน้อยลงไปอีก
ในโลกธุรกิจ ผู้เล่นที่สามารถอยู่มาได้เกินกว่า 100 ปี มีจำนวนเพียงหยิบมือ
และยิ่งเป็นธุรกิจที่สามารถเติบโตได้อยู่นั้น ยิ่งมีจำนวนน้อยลงไปอีก
แต่ Lindt คือหนึ่งในนั้น
และแบรนด์แบรนด์นี้ ก็มีกลยุทธ์ที่น่าสนใจหลายอย่าง ที่พอผสมผสานกัน กลายเป็นสูตรสำเร็จของธุรกิจ
รู้ไหมว่า Lindt ถือกำเนิดมาแล้วกว่า 180 ปี
และเป็นผู้ค้นพบสูตรช็อกโกแลตละลายในปาก
ที่ทำให้มนุษย์ได้ลิ้มรสความหวานอร่อย มาจนถึงทุกวันนี้
และแบรนด์แบรนด์นี้ ก็มีกลยุทธ์ที่น่าสนใจหลายอย่าง ที่พอผสมผสานกัน กลายเป็นสูตรสำเร็จของธุรกิจ
รู้ไหมว่า Lindt ถือกำเนิดมาแล้วกว่า 180 ปี
และเป็นผู้ค้นพบสูตรช็อกโกแลตละลายในปาก
ที่ทำให้มนุษย์ได้ลิ้มรสความหวานอร่อย มาจนถึงทุกวันนี้
เรื่องราวตำนานของช็อกโกแลต Lindt เป็นอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1845
คุณ David Sprüngli เชฟขนมหวานชาวสวิส
ได้ก่อตั้งธุรกิจร้านขายขนมช็อกโกแลต เจ้าแรกของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ขึ้น
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1845
คุณ David Sprüngli เชฟขนมหวานชาวสวิส
ได้ก่อตั้งธุรกิจร้านขายขนมช็อกโกแลต เจ้าแรกของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ขึ้น
ต่อมาในปี 1899 บริษัทของครอบครัว Sprüngli ซึ่งขณะนั้นบริหารโดยรุ่นลูก
ได้เข้าซื้อกิจการโรงงานช็อกโกแลตของคุณ “Rodolphe Lindt” ด้วยเงิน 1.5 ล้านโกลด์ฟรังก์ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าเงินในปัจจุบัน ประมาณ 100 ล้านฟรังก์สวิส หรือ 3,700 ล้านบาท
ได้เข้าซื้อกิจการโรงงานช็อกโกแลตของคุณ “Rodolphe Lindt” ด้วยเงิน 1.5 ล้านโกลด์ฟรังก์ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าเงินในปัจจุบัน ประมาณ 100 ล้านฟรังก์สวิส หรือ 3,700 ล้านบาท
คุณ Lindt นั้นถือเป็นบุคคลสำคัญ ที่ปฏิวัติอุตสาหกรรมช็อกโกแลตโลก ก็ว่าได้
เพราะในสมัยก่อน ผลิตภัณฑ์ขนมช็อกโกแลตยังมีลักษณะเป็นแท่งแข็ง ๆ และรสชาติค่อนข้างขม ทำให้ไม่ค่อยได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากนัก
เพราะในสมัยก่อน ผลิตภัณฑ์ขนมช็อกโกแลตยังมีลักษณะเป็นแท่งแข็ง ๆ และรสชาติค่อนข้างขม ทำให้ไม่ค่อยได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากนัก
ด้วยเหตุนี้ คุณ Lindt จึงพยายามคิดค้นเครื่องทำช็อกโกแลต และทดลองหาสูตรส่วนผสม เพื่อให้ได้ช็อกโกแลตที่กินง่าย และอร่อยถูกปาก
หลังจากที่ล้มเหลวอยู่หลายครั้ง ในวันหนึ่ง เขาบังเอิญเปิดเครื่องทำช็อกโกแลตทิ้งเอาไว้
แต่กลับมาพบว่า การนวดส่วนผสมเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้ช็อกโกแลตมีเนื้อเนียนละเอียด พอกินแล้วสามารถละลายได้ในปาก แถมยังมีกลิ่นหอมของโกโก้ และรสหวานกลมกล่อมอีกด้วย
แต่กลับมาพบว่า การนวดส่วนผสมเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้ช็อกโกแลตมีเนื้อเนียนละเอียด พอกินแล้วสามารถละลายได้ในปาก แถมยังมีกลิ่นหอมของโกโก้ และรสหวานกลมกล่อมอีกด้วย
เมื่อบริษัท Sprüngli เห็นถึงศักยภาพของช็อกโกแลต Lindt จึงตัดสินใจขอซื้อกิจการทันที
และเปลี่ยนชื่อเป็น Lindt & Sprüngli เพื่อใช้ความแข็งแกร่งของแบรนด์ “Lindt” ทำตลาดต่อไป
และเปลี่ยนชื่อเป็น Lindt & Sprüngli เพื่อใช้ความแข็งแกร่งของแบรนด์ “Lindt” ทำตลาดต่อไป
หลังจากนั้น ยอดขายช็อกโกแลต Lindt ก็เติบโตอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่บริษัทเริ่มส่งออกสินค้าไปทำตลาดในต่างประเทศมากขึ้น
โดยเฉพาะช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่บริษัทเริ่มส่งออกสินค้าไปทำตลาดในต่างประเทศมากขึ้น
โดยบริษัทได้มีการพัฒนาขนมช็อกโกแลต ในรูปแบบแพ็กเกจต่าง ๆ และรสชาติที่หลากหลาย มีผลิตภัณฑ์ที่หลายคนคุ้นเคยกัน เช่น Lindt Lindor ช็อกโกแลตแบบเม็ดกลม และ Lindt Excellence ช็อกโกแลตแบบแท่ง
นอกจากนั้น Lindt & Sprüngli ยังได้เข้าซื้อกิจการช็อกโกแลตและขนมหวาน แบรนด์อื่น ๆ ด้วย เช่น Caffarel, Ghirardelli, Russell Stover Chocolates และ Whitman's
แล้วปัจจุบัน Lindt ขายดีแค่ไหน ?
โดยผลประกอบการของ Lindt & Sprüngli ที่ผ่านมา
ปี 2021 รายได้ 170,500 ล้านบาท กำไร 18,240 ล้านบาท
ปี 2022 รายได้ 184,800 ล้านบาท กำไร 21,190 ล้านบาท
ปี 2023 รายได้ 193,400 ล้านบาท กำไร 24,970 ล้านบาท
ปี 2021 รายได้ 170,500 ล้านบาท กำไร 18,240 ล้านบาท
ปี 2022 รายได้ 184,800 ล้านบาท กำไร 21,190 ล้านบาท
ปี 2023 รายได้ 193,400 ล้านบาท กำไร 24,970 ล้านบาท
6 เดือนแรกของปี 2024
รายได้ 80,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5%
กำไร 8,110 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.6%
รายได้ 80,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5%
กำไร 8,110 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.6%
ซึ่งสัดส่วนรายได้มาจากทวีปยุโรป 50%
ทวีปอเมริกา 37% และอื่น ๆ อีก 13%
ทวีปอเมริกา 37% และอื่น ๆ อีก 13%
ที่น่าสนใจคือ
แม้จะเป็นแบรนด์เก่าแก่ มีอายุเกินร้อยปี แต่ปัจจุบันธุรกิจก็ยังสามารถเติบโตได้อยู่
แม้จะเป็นแบรนด์เก่าแก่ มีอายุเกินร้อยปี แต่ปัจจุบันธุรกิจก็ยังสามารถเติบโตได้อยู่
ที่ผ่านมา กลยุทธ์หลักที่ Lindt & Sprüngli ใช้เพื่อสร้างความแข็งแรงให้ธุรกิจ ก็มีหลายอย่าง ตั้งแต่
- วางตำแหน่งเป็นแบรนด์ช็อกโกแลต ระดับพรีเมียม
ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ซึ่งบริษัทมีนโยบาย Bean-to-Bar คือการควบคุมกระบวนการผลิต ตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดโกโก้ ไปจนถึงการผลิตช็อกโกแลตในโรงงานของตัวเอง สิ่งนี้ช่วยให้ Lindt สามารถรักษาคุณภาพของช็อกโกแลตได้
ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ซึ่งบริษัทมีนโยบาย Bean-to-Bar คือการควบคุมกระบวนการผลิต ตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดโกโก้ ไปจนถึงการผลิตช็อกโกแลตในโรงงานของตัวเอง สิ่งนี้ช่วยให้ Lindt สามารถรักษาคุณภาพของช็อกโกแลตได้
อีกทั้งบริษัทมักใช้กลยุทธ์การตลาดที่เน้นความหรูหราและคุณภาพ เช่น การใช้พรีเซนเตอร์ที่มีภาพลักษณ์พรีเมียม และการสร้างประสบการณ์การซื้อที่หรูหราในร้านค้าของตนเอง
- มีเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นเอกลักษณ์
หนึ่งในจุดแข็งของ Lindt คือเทคนิค “Conching Process” ที่คุณ Rodolphe Lindt คิดค้นขึ้น กระบวนการนี้ช่วยทำให้ช็อกโกแลตมีความเนียน ละลายในปาก และมีรสชาติที่สมดุล ถือเป็นนวัตกรรมที่ช่วยพลิกโฉมอุตสาหกรรมช็อกโกแลต
หนึ่งในจุดแข็งของ Lindt คือเทคนิค “Conching Process” ที่คุณ Rodolphe Lindt คิดค้นขึ้น กระบวนการนี้ช่วยทำให้ช็อกโกแลตมีความเนียน ละลายในปาก และมีรสชาติที่สมดุล ถือเป็นนวัตกรรมที่ช่วยพลิกโฉมอุตสาหกรรมช็อกโกแลต
ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทก็ได้มีการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น เช่น
Lindt มีสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น Lindt Excellence (ดาร์กช็อกโกแลตคุณภาพสูง), Lindt Lindor (ทรัฟเฟิลช็อกโกแลตที่มีไส้ละลายในปาก)
Lindt มีสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น Lindt Excellence (ดาร์กช็อกโกแลตคุณภาพสูง), Lindt Lindor (ทรัฟเฟิลช็อกโกแลตที่มีไส้ละลายในปาก)
และช็อกโกแลตตามเทศกาล เช่น Lindt Gold Bunny สำหรับอีสเตอร์ ซึ่งช่วยให้แบรนด์เป็นที่จดจำ และสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง
- การขยายตลาดไปทั่วโลก
บริษัทได้ลงทุนเปิดร้านขายปลีกขนมช็อกโกแลตของตัวเอง ไปกว่า 520 สาขาทั่วโลก ทำให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคหลากหลายกลุ่ม
บริษัทได้ลงทุนเปิดร้านขายปลีกขนมช็อกโกแลตของตัวเอง ไปกว่า 520 สาขาทั่วโลก ทำให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคหลากหลายกลุ่ม
และมีโรงงานผลิตในหลายประเทศ เช่น สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี อิตาลี และสหรัฐฯ
ทั้งนี้ บริษัท Lindt & Sprüngli จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
และปัจจุบันมีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ประมาณ 877,600 ล้านบาท
และปัจจุบันมีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ประมาณ 877,600 ล้านบาท
ซึ่งถ้านับตั้งแต่ปี 1995 หรือ 30 ปีก่อน
ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาแล้ว 3,300% หรือก็คือเป็นหุ้น 34 เด้ง
ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาแล้ว 3,300% หรือก็คือเป็นหุ้น 34 เด้ง
ก็ไม่น่าเชื่อว่า บริษัทขนมช็อกโกแลต จะสร้างรายได้และมูลค่าธุรกิจ สูงถึงระดับหลายแสนล้านบาท และยังสามารถเติบโตได้เรื่อย ๆ
ซึ่งเรื่องนี้คงเป็นตัวอย่างที่ดีว่า
สินค้าที่ดูเรียบง่าย ก็สร้างมูลค่าเพิ่มและจุดขายที่ทำให้ผู้บริโภคทั่วโลกชื่นชอบได้เช่นกัน
เหมือนกับช็อกโกแลตละลายในปากของ Lindt
สินค้าที่ดูเรียบง่าย ก็สร้างมูลค่าเพิ่มและจุดขายที่ทำให้ผู้บริโภคทั่วโลกชื่นชอบได้เช่นกัน
เหมือนกับช็อกโกแลตละลายในปากของ Lindt
และในอนาคตอีก 100 ปีต่อจากนี้
แม้เทคโนโลยี จะเข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตมนุษย์ไปจากเดิม
ผู้คนตื่นเต้นกับสิ่งประดิษฐ์ ที่จะพลิกโฉมโลก เช่น AI
แม้เทคโนโลยี จะเข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตมนุษย์ไปจากเดิม
ผู้คนตื่นเต้นกับสิ่งประดิษฐ์ ที่จะพลิกโฉมโลก เช่น AI
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
หลาย ๆ คน ก็คงจะยังชื่นชอบการกินช็อกโกแลต อยู่เหมือนเดิม..
หลาย ๆ คน ก็คงจะยังชื่นชอบการกินช็อกโกแลต อยู่เหมือนเดิม..