“ไปเข้าคอร์สเทรด ติดดอยหุ้น -90% ตอนนี้ยังไม่ได้ขาย”
- คุณฟรัง นรีกุล และคุณวัชรินทร์ ผู้อำนวยการ จาก KSAM ในหัวข้อ “Work - Invest Balance” ทำงานยุ่ง ๆ ลงทุนอย่างไร ?

เริ่มกันที่ คุณฟรังแชร์ว่า ปัจจุบันมีรายได้จากหลายทาง
- รายได้ประจำ จากแพทย์
- ทำหลายธุรกิจ ร้านน้ำปั่น ร้านสูธ และกำลังจะเปิดคลินิก

ปัจจุบันได้เงิน ต่อเดือนมาเท่าไร ก็จะเก็บออมไว้ราวครึ่งหนึ่ง และมีเป้าหมายว่า อยากมีเงินเก็บ ไม่อยากทำงานหนักไปทั้งชีวิต ศึกษาลงทุนเรื่อย ๆ มีประสบการณ์มาบ้าง แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุน

ตัวอย่างประสบการณ์ลงทุนไม่สำเร็จที่ผ่านมา คือ
- ลงทุนในตลาดคริปโท -70%
- ไปลงเรียนคอร์สเทรด ลงทุนในหุ้นรายตัว -90%

ซึ่งภายหลัง ก็มาพบว่าที่ขาดทุนหนัก ก็เพราะว่าบางครั้ง
เรามีความโลภ มีอีโก้ และสำคัญสุดเลย คือ ไม่มีเวลาติดตาม..

โดยคุณก้อง วัชรินทร์ ผู้อำนวยการ จาก KSAM ก็ได้นำเคสการลงทุนของคุณฟรัง มาเป็นกรณีศึกษาบนเวที แบ่งเป็นข้อ ๆ ได้เป็น

- “ระดับการออม”
ระดับการออม 50% ของเงินได้ ถือว่าอยู่ในระดับสูง และได้ให้คำแนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น การออม 20% ถือว่าเหมาะสม และใครยังไม่เคยออมเลย หรือมีภาระค่าใช้จ่ายมาก การเริ่มต้นที่ 10% ก็ถือว่าเป็นระดับที่ใช้ได้

- “ไม่มีสินทรัพย์ไหน ผลตอบแทนดีสุด สม่ำเสมอทุกปี”
หากเราลงทุนหุ้นไทย ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เราจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 1% ต่อปี

ในขณะที่ตลาดหุ้นอื่น ๆ ทั่วโลก เช่น
Nasdaq ตลาดหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐอเมริกา ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 14% ต่อปี
Nikkei ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8% ต่อปี

ซึ่งถ้าหากว่าเรา ไม่ได้มีเวลาติดตามจริง ๆ เราสามารถเดินตรงกลาง โดยเลือกที่จะกระจายไปยังสินทรัพย์คุณภาพหลายประเภทได้ และจะเป็นท่าที่ดีกว่าการไปวางเงินเดิมพันไว้กับสินทรัพย์ใด สินทรัพย์หนึ่ง

อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญในการลงทุนคือ “การคาดหวังผลตอบแทนที่เป็นไปได้”
ซึ่งถ้าหากเราอยากจะได้ผลตอบแทนเพิ่ม ก็ต้องเพิ่มสินทรัพย์เสี่ยงเข้าไปในพอร์ต

ซึ่งก็แน่นอนว่าหากอยากได้ผลตอบแทนมากขึ้นเท่าไร
เราก็จะเสี่ยงมากขึ้นไปด้วยเท่านั้น

- “กองทุน เป็นตัวช่วยสร้างผลตอบแทนให้คนไม่มีเวลาได้”
เราก็ต้องรู้ข้อจำกัดตัวเองด้วย เพราะการลงทุนหุ้นรายตัวไม่ได้เหมาะกับเราทุกคน

หากใครไม่มีเวลาจริง ๆ ทางเลือกการลงทุน ที่เป็นกองทุน หรือ ระบบการลงทุนอัตโนมัติ ที่จะคอยปรับพอร์ตการลงทุนให้เรา จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การลงทุนเป็นเรื่องของเราทุกคน
เราสามารถเรียนรู้ ลองผิด ลองถูก ไปได้เรื่อย ๆ แบบไม่มีถูกมีผิด
แต่สิ่งสำคัญสุด ก็คือต้องไม่หยุดลงทุน และพยายามหาการลงทุนที่ใช่สำหรับตัวเอง ให้เจอ..