Canon ขายเครื่องผลิตชิป อัตรากำไรดีกว่า กล้องและเลนส์ถ่ายรูป

Canon ขายเครื่องผลิตชิป อัตรากำไรดีกว่า กล้องและเลนส์ถ่ายรูป

Canon ขายเครื่องผลิตชิป อัตรากำไรดีกว่า กล้องและเลนส์ถ่ายรูป /โดย ลงทุนแมน
รู้ไหมว่า กล้องถ่ายรูปกับเลนส์ ที่มีราคาแพงหลักแสนบาท
ไม่ได้เป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรดำเนินงานดีที่สุดของ Canon และก็ไม่ใช่สินค้ากลุ่มเครื่องพรินต์และอุปกรณ์การแพทย์ ที่มีราคาสูงด้วย
แต่มันคือ ธุรกิจกลุ่มเครื่องผลิตชิปและอุปกรณ์ผลิตชิป ที่อยู่ในเมกะเทรนด์ของโลก โดยมีอัตรากำไรดำเนินงานสูงถึง 19%
แล้ว Canon ไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจผลิตชิปได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
จุดเริ่มต้นของ Canon ต้องย้อนกลับไปในช่วงปี 1933 หรือราว 91 ปีที่แล้ว ที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
โดยผู้ก่อตั้ง 4 คนอย่างคุณ Takeshi Mitarai, คุณ Goro Yoshida, คุณ Saburo Uchida และคุณ Takeo Maeda ที่เบื่อกับการเป็นลูกจ้างคนอื่น เลยออกมาทำธุรกิจของตัวเอง
ในตอนแรกเป็นเพียงบริษัทวิจัยกล้องถ่ายรูปคุณภาพสูง ก่อนจะออกสินค้าของบริษัทตัวแรกในปีถัดมา นั่นคือ กล้องถ่ายรูป Kwanon ขนาด 35 มม.
ซึ่งมีไอเดียต้นแบบมาจากกล้องเยอรมัน Leica ที่คุณ Goro Yoshida หนึ่งในผู้ก่อตั้งเคยทำงานที่นั่นมาก่อน
หลังจากนั้น Canon ก็ค่อย ๆ เรียนรู้การผลิตกล้องถ่ายรูปให้มีคุณภาพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุด ก็เป็นผู้นำที่มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตกล้องและเลนส์
ด้วยความเก่งในการผลิตกล้องและเลนส์นี้เอง ทำให้ Canon สามารถต่อยอดตัวเอง ไปขายสินค้าที่ต้องใช้กล้องและเลนส์คุณภาพสูงเป็นส่วนประกอบ ได้ไม่ยาก
ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์การแพทย์อย่างเครื่อง CT Scan
เครื่องเอกซเรย์ เครื่องอัลตราซาวนด์ ที่ต้องใช้เทคโนโลยีอย่างแสง เลนส์ และกล้องที่มีความคมชัดสูง
รวมทั้งธุรกิจเครื่องพรินต์ต่าง ๆ ตามออฟฟิศ ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ก็มาจากผู้ผลิตอย่าง Canon อีกด้วย
จนปัจจุบัน ทั้งธุรกิจกล้องและเลนส์ เครื่องพรินต์ และอุปกรณ์การแพทย์ กลายเป็นเครื่องจักรผลิตเงินให้กับ Canon กว่า 90% ของรายได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม แม้ทั้งสามธุรกิจจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทมากขนาดนี้ แต่ก็ไม่ใช่ธุรกิจที่มีอัตรากำไรดีที่สุด
หากไปดูอัตรากำไรดำเนินงานในแต่ละกลุ่มธุรกิจของ Canon ปีที่ผ่านมา จะพบว่า
- กลุ่มเครื่องพรินต์ 9.7%
- กลุ่มอุปกรณ์การแพทย์ 5.7%
- กลุ่มกล้องและเลนส์ 16.9%
- กลุ่มเครื่องผลิตชิปและอุปกรณ์ผลิตชิป 18.6%
เห็นได้ชัดเลยว่า จริง ๆ แล้ว ธุรกิจกลุ่มเครื่องผลิตชิปและอุปกรณ์ผลิตชิป ที่มีรายได้คิดเป็นไม่ถึง 10% ของรายได้ทั้งหมด กลับมีอัตรากำไรดำเนินงานสูงกว่าสามธุรกิจหลัก
แล้ว Canon ไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจผลิตชิปตอนไหน ?
ต้องบอกว่า ด้วยความเก่งเรื่องเลนส์ แสง และกล้อง
อยู่แล้ว เครื่องผลิตชิปที่ต้องใช้เลนส์เป็นส่วนประกอบหลัก
จึงไม่ใช่เรื่องที่ Canon ทำไม่ได้เลย
เพราะการทำงานของเครื่องผลิตชิป ต้องใช้ลำแสงยิงผ่านเลนส์ไปสร้างลวดลายบนแผ่นเวเฟอร์ จนกลายมาเป็นชิป
ที่ทำงานเบื้องหลังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้
ในช่วงปี 1970 Canon สามารถสร้างเครื่องผลิตชิปแบบ DUV โดยใช้ลำแสงความยาวคลื่น 193 นาโนเมตร
แข่งกับคู่แข่งคนสำคัญอย่าง Nikon และ ASML ได้
แต่หลังจากนั้น ASML ก็แซงหน้า Canon แบบไม่เห็นฝุ่น
ด้วยการสร้างเครื่องผลิตชิปชนิด EUV ทำให้ความยาวคลื่นแสงเหลือแค่ 13.5 นาโนเมตร
การที่คลื่นแสงสั้นลง แปลว่า ลำแสงจะมีความคมมากขึ้น
ทำให้สามารถวาดลวดลายบนชิปให้ซับซ้อนมากขึ้นได้
เหมือนเวลาที่เราอยากวาดภาพด้วยเส้นบาง ๆ ที่มีรายละเอียดเยอะ เราก็ต้องเหลาดินสอให้แหลมมากขึ้น
สุดท้าย ยิ่งเราวาดลวดลายบนชิปได้เยอะแค่ไหน ชิปนั้นก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเมื่อ ASML ทำได้ ก็กลายเป็นผู้ผูกขาดการขายเครื่องผลิตชิปไปในทันที
อย่างไรก็ตาม Canon ก็ยังสามารถขายเครื่องผลิตชิปแบบเดิมได้ต่อเนื่อง เพราะในบางอุตสาหกรรมไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องผลิตชิปที่วาดลวดลายซับซ้อนขนาดนั้น
นอกจากเครื่องผลิตชิป DUV แล้ว Canon ยังขายเครื่องผลิตชิปสำหรับจอแสดงผลบนสมาร์ตโฟนและทีวี ที่ต้องใช้ความละเอียดและแม่นยำสูงในการผลิตอีกด้วย
โดยผลประกอบการของ Canon ยังเติบโตต่อเนื่อง
ปี 2021
รายได้ 780,700 ล้านบาท
กำไร 47,700 ล้านบาท
ปี 2022
รายได้ 895,900 ล้านบาท
กำไร 54,200 ล้านบาท
ปี 2023
รายได้ 929,100 ล้านบาท
กำไร 58,800 ล้านบาท
ปัจจุบัน Canon มีมูลค่าบริษัทกว่า 1 ล้านล้านบาท
โดยราคาหุ้นนับจากต้นปี (YTD) ปรับตัวขึ้นมาแล้ว +35%
ที่น่าสนใจคือ ล่าสุด Canon ท้าชนกับ ASML อีกครั้ง
ด้วยการประกาศว่า จะสร้างเครื่องผลิตชิปแบบใหม่ที่ถูกลง
แต่ใช้งานได้ดีและถูกกว่าเครื่องจาก ASML
โดยใช้เทคโนโลยีปั๊มลายลงไปเลยบนแผ่นชิปที่วางไว้
ต่างจากเทคโนโลยีของ ASML ที่จะต้องยิงแสงผ่านแผ่นลวดลาย แล้วทำให้เกิดลายบนชิปอีกทอดหนึ่ง
ซึ่งทำให้ต้นทุนของเครื่องผลิตชิปชนิดใหม่ที่เรียกว่า Nanoimprint ของ Canon จะถูกกว่าเครื่องผลิตชิป
ของ ASML ถึง 10 เท่าเลยทีเดียว..
จากตอนนี้ที่ ASML ขายเครื่องผลิตชิปเครื่องละ 10,000
ล้านบาท Canon กลับบอกว่า จะขายเครื่องผลิตชิปคุณภาพใกล้เคียงกัน ด้วยราคา 1,000 ล้านบาท
ก็น่าติดตามกันต่อไปว่า สุดท้าย Canon จะกลับมาทวงบัลลังก์ผู้นำธุรกิจเครื่องผลิตชิปจาก ASML ได้หรือไม่
หรือจะกลับไปเพลี่ยงพล้ำรอบสองอีกเหมือนเดิม
แต่ที่เรารู้แน่ ๆ คือตอนนี้ Canon สามารถปรับตัว และเกาะขบวนเมกะเทรนด์อุตสาหกรรมชิปไปเป็นที่เรียบร้อย ด้วยการขายเครื่องผลิตชิปและอุปกรณ์ผลิตชิป
ก็ไม่แน่ว่าในอนาคตธุรกิจกลุ่มนี้ อาจกลายเป็นรายได้หลัก มีอัตรากำไรดำเนินงานสูง ที่จะเปลี่ยนภาพจำแบรนด์ของ Canon ไปตลอดกาลเลย ก็เป็นได้..
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://global.canon/en/corporate/history/01.html
-https://global.canon/en/ir/library/annual.html
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon