DENSO ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ใหญ่สุดในโลก เป็นผู้คิดค้น QR CODE

DENSO ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ใหญ่สุดในโลก เป็นผู้คิดค้น QR CODE

DENSO ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ใหญ่สุดในโลก เป็นผู้คิดค้น QR CODE /โดย ลงทุนแมน
หลายคนน่าจะรู้อยู่แล้วว่า ผู้ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่สุดในโลก ในแง่ของมูลค่าบริษัท ณ เวลานี้คือ Tesla
แต่ถ้าถามว่า ใครคือ ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ที่ใหญ่สุดของโลก ?
ส่วนใหญ่น่าจะนึกไม่ออกกัน
ซึ่งคำตอบคือ บริษัทญี่ปุ่นที่ชื่อว่า “DENSO”
ที่น่าสนใจคือ DENSO ยังเป็นบริษัทที่คิดค้น และเริ่มนำ QR CODE มาใช้ จนกลายเป็นสิ่งที่พวกเรา ใช้กันอย่างแพร่หลายในวันนี้ด้วย
แล้วเส้นทางของ DENSO เป็นอย่างไร
บริษัทใหญ่แค่ไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
จุดเริ่มต้นของบริษัท DENSO เกิดขึ้นในปี 1949 หรือ 75 ปีที่แล้ว โดยในตอนแรกใช้ชื่อว่า “Nippon Denso”
บริษัทแห่งนี้ แยกตัวออกมาจากบริษัท Toyota Motor ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น DENSO Corporation
โดย Toyota Motor ถือหุ้น DENSO ในสัดส่วน 25.0%
ธุรกิจหลักของ DENSO ก็คือ ผลิตชิ้นส่วนและระบบต่าง ๆ ให้กับผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลก ครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถบรรทุก รถเพื่อการพาณิชย์ ไปจนถึงรถจักรยานยนต์
ยกตัวอย่างโดยแบ่งตามระบบต่าง ๆ ในรถยนต์ได้ดังนี้
- ระบบปรับอากาศรถยนต์ เช่น คอมเพรสเซอร์, วาล์ว, คอยล์เย็น, คอยล์ร้อน, สายน้ำยา, พัดลมระบายความร้อน
- ระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เรือนไมล์และมาตราวัด, กล่องควบคุมระบบ
- ระบบการทำงานของเครื่องยนต์ เช่น ตัวกรองอากาศ, ตัวกรองน้ำมันเครื่อง, ตัวกรองเชื้อเพลิง, หัวเทียน
- ระบบไฟฟ้า เช่น มอเตอร์ปัดน้ำฝน, ไดชาร์จ, ไดสตาร์ต, ดีเลย์, แตร
- ระบบความปลอดภัย เช่น ระบบเบรก ABS และเซนเซอร์ต่าง ๆ
แล้วลูกค้าของ DENSO เป็นใครบ้าง ?
สำหรับลูกค้าของ DENSO ก็เรียกได้ว่า ล้วนแต่เป็นค่ายรถยนต์ระดับโลกทั้งนั้น เช่น Toyota, Honda, Ford, GM, Chrysler, Nissan และ Volkswagen
ทีนี้ มาถึงคำถามที่ว่า แล้วอะไรคือจุดเด่นของ DENSO
คำตอบคือ มีสินค้าใหม่ ๆ ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าได้เสมอ โดยเคล็ดลับที่ DENSO สามารถทำแบบนี้ได้ เป็นเพราะว่า บริษัทให้ความสําคัญกับการวิจัยและพัฒนาเป็นอย่างมาก
โดยตอนนี้ DENSO ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับยานยนต์แห่งอนาคต เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า, ยานยนต์ไร้คนขับ และการเชื่อมต่อรถยนต์กับอินเทอร์เน็ต
ในปี 2024 นั้น บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา 121,300 ล้านบาท คิดเป็นเกือบ 8% ของรายได้
ซึ่งถือว่าเป็นอัตราส่วนที่ค่อนข้างสูง
และเป็นระดับเดียวกับบริษัทบิ๊กเทคระดับโลกอย่าง Apple
แต่ก็เพราะสิ่งนี้เอง ที่ช่วยให้บริษัทสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้ และลูกค้ายังถามหาอยู่เสมอ
แล้วผลประกอบการของ DENSO ที่ผ่านมา เป็นอย่างไร ?
(ปิดรอบบัญชีเดือน มี.ค. ของทุกปี)
- ปี 2022 รายได้ 1,214,900 ล้านบาท กำไร 58,100 ล้านบาท
- ปี 2023 รายได้ 1,410,000 ล้านบาท กำไร 69,300 ล้านบาท
- ปี 2024 รายได้ 1,573,700 ล้านบาท กำไร 68,900 ล้านบาท
ปัจจุบัน DENSO Corporation มีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 1.4 ล้านล้านบาท เรียกได้ว่าเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วน ที่มีมูลค่ามากกว่าบริษัทรถยนต์อย่าง Hyundai, Suzuki, Nissan, Volvo, Isuzu, SAIC Motor และ Mitsubishi เสียอีก
และด้วยมูลค่าบริษัทขนาดนี้ จะถือว่า DENSO เป็นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว
ซึ่งตอนนี้ Toyota Motor ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดของ DENSO อยู่ในสัดส่วน 19.0%
และมีบริษัทอื่น ๆ ในเครือ Toyota ที่ถือหุ้นในสัดส่วนที่รองลงมา เช่น
- Toyota Industries ถือหุ้นอยู่ 5.0%
- Toyota Fudosan ถือหุ้นอยู่ 4.2%
ทีนี้ มามองที่ประเทศไทย ซึ่งมีสินค้าส่งออกหลักเป็นชิ้นส่วนรถยนต์
คำถามก็คือ แล้ว DENSO มีการลงทุนในบ้านเราไหม ?
คำตอบก็คือ มี..
สำหรับประเทศไทย ถือเป็นประเทศแรกเลย ที่ DENSO ลงทุนสร้างโรงงานผลิตในต่างประเทศ
โดย DENSO เริ่มเข้ามาก่อตั้งธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี 1972 หรือเมื่อ 52 ปีก่อน โดยลงทุนสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ เพื่อป้อนให้กับค่ายรถยนต์ที่มีฐานการผลิตในประเทศ รวมถึงต่างประเทศที่อยู่ในภูมิภาคอาเซียน
รวมถึง DENSO ได้ตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา ในประเทศไทย เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้ไหมว่า QR CODE ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1994 โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากบริษัท DENSO Wave ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ DENSO
เรื่องของเรื่องคือ สมัยนั้น พนักงานฝ่ายผลิตของ DENSO Wave บ่นกันว่า ข้อมูลที่ต้องจัดการเกี่ยวกับการผลิตและการขนส่งสินค้าล้นมือ พนักงานต้องอ่านข้อมูลจากบาร์โคดหลาย ๆ ครั้ง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน
ดังนั้น เพื่อให้เกิดความสะดวกมากขึ้น คุณมาซาฮิโระ ฮาระ ที่ตอนนั้นเป็นวิศวกรอยู่ที่ DENSO Wave จึงทำการคิดค้นโคดอันใหม่ ที่จะสามารถใส่ข้อมูลได้เยอะขึ้น
ซึ่งโคดที่เกิดจากเสียงบ่นในวันนั้น
ก็ได้กลายมาเป็น QR CODE
ที่เรานำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย ในทุกวันนี้ นั่นเอง..

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon