ผิดที่ ผิดเวลา ปัจจัยที่ทำให้สินค้าดับได้ แม้ไอเดียจะเวิร์ก

ผิดที่ ผิดเวลา ปัจจัยที่ทำให้สินค้าดับได้ แม้ไอเดียจะเวิร์ก

ผิดที่ ผิดเวลา ปัจจัยที่ทำให้สินค้าดับได้ แม้ไอเดียจะเวิร์ก /โดย ลงทุนแมน
ถ้าลองนึกภาพว่า เราดูหนังดูซีรีส์ ผ่าน Netflix แต่เป็นในช่วงปี 2000 ซึ่งเป็นยุคที่อินเทอร์เน็ตยังไม่เร็ว
ภาพจากจอคอมพิวเตอร์ที่ได้ก็ยังไม่ชัด หรือกว่าจะดาวน์โหลดหนังได้แต่ละเรื่อง ก็คงจะกินเวลาอย่างน้อย ๆ ก็ครึ่งวัน
ในตอนนั้น เราก็คงเช่า CD หรือเทป VDO มานั่งดูอยู่บ้านน่าจะชัด รวดเร็ว และสะดวกสบายกว่า
จะเห็นว่าการที่ Netflix
สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดจนมีวันนี้ได้ ส่วนหนึ่งมาจาก “การอยู่ถูกที่ ถูกเวลา”
ไม่ว่าจะเป็น อินเทอร์เน็ตที่เร็ว
สมาร์ตโฟน ที่เล่นแอปฯ ต่าง ๆ ได้
ฐานผู้ใช้งานที่พร้อมและเข้าใจในเทคโนโลยี รวมถึงเริ่มคุ้นชินกับการจ่ายเงินแบบ Subscription
ทำไมการอยู่ถูกที่ ถูกเวลานั้น ถึงมีความสำคัญมากต่อธุรกิจ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ลงทุนนอก 5 ต.ค. งานรวมความรู้ ลงทุนต่างประเทศ ดูรายละเอียด และจองบัตรได้ที่ https://www.zipeventapp.com/e/longtunnork2024
╚═══════════╝
เคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางธุรกิจที่มีสินค้าที่ดูล้ำสมัย หรือมีนวัตกรรมอันน่าทึ่ง ถึงไปไม่รอด ทั้ง ๆ ที่มี Know-how หรือเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง ซึ่งดูอย่างไรก็น่าจะเป็นเทรนด์ใหม่ของโลกได้ไม่ยาก
แต่สุดท้าย สินค้านั้น ๆ ก็ไม่ได้ปังตามที่คิด และถึงขั้นต้องหยุดการพัฒนาไปโดยปริยาย..
คำตอบก็คือ เพราะสินค้าเหล่านั้น
อาจอยู่ผิดที่ ผิดเวลา นั่นเอง
แล้วปัจจัยใดบ้าง ที่สะท้อนการอยู่อย่างถูกที่ ถูกเวลาของสินค้า ?
จริง ๆ แล้ว แต่ละผลิตภัณฑ์ก็จะมีปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จหรือการอยู่รอดแตกต่างกันไป อย่างไรก็ตาม ปัจจัยร่วมที่หลาย ๆ ผลิตภัณฑ์มีตรงกัน ได้แก่
- โครงสร้างต้นทุน
- เทคโนโลยี
- โครงสร้างพื้นฐาน
- กระแสตอบรับ
เพื่อให้ง่ายต่อการอธิบาย จะขอยกตัวอย่างผ่านเคสของสินค้าที่เข้าข่าย “มาเร็วเกินไป” อย่าง Apple Newton ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์แบบพกพาคล้าย ๆ กับ iPad ที่เปิดตัวในปี 1993
มาเริ่มกันที่ปัจจัยแรก.. โครงสร้างต้นทุน
สินค้าบางอย่างนั้น เกิดขึ้นในยุคที่ต้นทุนการผลิตสินค้าเหล่านั้น ยังมีราคาแพง ซึ่งอาจเป็นเพราะใช้วัตถุดิบที่หายากหรือผลิตได้ยาก หรือมีต้นทุนแฝงอื่น ๆ ที่ควบคุมยาก
ทำให้สินค้าเหล่านั้นก็ต้องขายในราคาที่สูง เพื่อให้คุ้มกับต้นทุนที่จ่ายไป
สุดท้ายแล้วสินค้าที่ทำขายออกมา ก็ไม่สามารถแข่งขันได้ เพราะมีราคาสูงเกินไป คนไม่กล้าจ่าย จนสินค้าต้องหายไปจากตลาดในที่สุด
อย่างกรณีของ Apple Newton นั้น มีต้นทุนรวมทั้งโครงการสูงถึง 32,000 ล้านบาท
ทำให้ต้องตั้งราคาขายที่ราว 23,000 บาทต่อเครื่อง ซึ่งถือว่าเป็นเงินจำนวนที่มีมูลค่ามากในสมัยนั้น
ผลก็คือ 5 ปีผ่านไป ทำยอดขายได้เพียง 2 แสนเครื่อง คิดเป็นรายได้เพียง 4,600 ล้านบาท เรียกได้ว่าขาดทุนยับเยิน
ปัจจัยที่สอง.. เทคโนโลยี
สินค้าบางอย่างแม้ไอเดียตั้งต้นจะดี แต่ก็ต้องอาศัยเทคโนโลยีที่ซับซ้อน เพื่อให้ไอเดียนั้นสามารถแสดงศักยภาพออกมาได้มากที่สุด
ซึ่งในยุคก่อน สินค้าที่ผลิตออกมา อาจยังไม่มีเทคโนโลยีรองรับ หรือแม้แต่ยังไม่เสถียรมากนัก
ทำให้สินค้าเหล่านั้น ให้ประสบการณ์ที่ไม่ดี หรือไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ตามความต้องการของลูกค้า
อย่างกรณีของ Apple Newton ที่มีอายุการใช้งานของแบตเตอรี่สั้นเกินไป รวมถึงระบบประมวลผลที่ทำให้เครื่องช้า และฟังก์ชันการจดบันทึกที่เป็นจุดขายของสินค้า ก็ยังไม่ค่อยเสถียร
ผลก็คือ เมื่อลูกค้าได้ลองใช้ ก็ต้องผิดหวัง เพราะเมื่อใช้งานจริงแล้ว กลับไม่ตอบสนองความคาดหวังของผู้บริโภคได้ดีพอ
ปัจจัยที่สาม.. โครงสร้างพื้นฐาน
สินค้าบางชนิด ต้องพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เพื่อที่จะได้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เช่น รถยนต์ ที่ต้องพึ่งพาถนนหรือปั๊มน้ำมัน
รถยนต์ไฟฟ้า ที่ต้องมีสถานีชาร์จแบตเตอรี่
โทรศัพท์มือถือ ที่ต้องพึ่งพาคลื่นสัญญาณ
ซึ่งถ้าผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวมา ไม่ได้คำนึงถึงโครงสร้างพื้นฐาน ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการใช้งาน ก็อาจส่งผลต่อยอดขายของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ
อย่างกรณีของ Apple Newton ที่ต้องพึ่งพาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi หรือคลื่น 2G ซึ่งในเวลานั้น โครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ ยังไม่เสถียรและครอบคลุมเพียงพอ
ทำให้ผู้ที่ใช้งานเจ้าเครื่อง Apple Newton นี้ ไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่
มาถึงปัจจัยสุดท้าย.. กระแสตอบรับจากลูกค้า
ซึ่งข้อนี้ ถือเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้
เพราะเป็นการวัดผลโดยตรงว่าผลิตภัณฑ์ที่ออกมานั้น เป็นที่ต้องการของลูกค้าจริงหรือเปล่า และยังเป็นเงาสะท้อนของ 3 ปัจจัยแรกอีกด้วย
ซึ่งในบางครั้งธุรกิจอาจคิดเองเออเองว่า สินค้านี้น่าจะขายดี ทั้งไอเดียดูดี ควบคุมต้นทุนได้ มีเทคโนโลยีรองรับที่พร้อม รวมถึงมีโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการใช้งานรองรับ
แต่เมื่อวางขายจริง ๆ และลูกค้าได้ลองใช้งานแล้ว ผลที่ได้กลับไม่เป็นไปตามที่หวังไว้
ซึ่งอาจเป็นเพราะปัจจัยด้านราคา หรือเพราะการใช้งานจริงอันน่าผิดหวัง
หรือรู้สึกว่า มันไม่ได้มาช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้ดีกว่าผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในตลาดอยู่แล้ว ลูกค้าจึงไม่บอกต่อ
ยอดขายสินค้าจึงหยุดอยู่แค่ระดับหนึ่ง เพราะเป็นการซื้อเพื่อการทดลองใช้เท่านั้น ไม่มีการซื้อซ้ำ และไม่สามารถครองใจผู้บริโภคได้
สุดท้ายแล้ว ผลิตภัณฑ์เหล่านั้น ก็ไปต่อไม่รอด
อย่างกรณีของ Apple Newton นั้น ด้วยราคาที่แพง เทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่ดีพอ
ประกอบกับจุดเด่นด้านการจดบันทึก ที่ยังไม่สามารถเปลี่ยนใจลูกค้าที่ยังคงนิยมใช้สมุดจดธรรมดา ที่มีราคาถูกกว่าได้
ทำให้ท้ายที่สุด Apple Newton ก็ถูกยกเลิกการผลิต และหายจากตลาดไปโดยปริยาย
กรณีของ Apple Newton นั้น ทำให้เห็นเหตุผลชัดเจนถึงการที่ธุรกิจใด ๆ จะออกผลิตภัณฑ์ออกมา ต้องคำนึงถึงเรื่องของการอยู่ถูกที่ ถูกเวลาให้มาก ๆ เพื่อที่จะได้ตอบโจทย์ลูกค้าและสร้างผลกำไรให้แก่บริษัทได้
โดยเราเห็นได้จาก iPhone และ iPad ซึ่งเป็นสินค้าของ Apple ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ปัจจัยด้านต่าง ๆ นั้น มีความพร้อมแล้วนั่นเอง
ซึ่งก็คงน่าเศร้าไม่น้อย ถ้าไอเดียหรือผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพพอที่จะพลิกโฉมวงการ หรือเปลี่ยนโลกได้
กลับต้องดับไปอย่างน่าเสียดาย เพราะการอยู่ผิดที่ ผิดเวลา..
ปิดท้ายด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ
รู้หรือไม่ว่า ร้านกาแฟ Starbucks ซึ่งประสบความสำเร็จไปทั่วโลกนั้น ครั้งหนึ่งกลับเคยล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ในประเทศออสเตรเลีย
ทั้ง ๆ ที่ออสเตรเลีย ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีตลาดกาแฟใหญ่ที่สุดในโลก
ซึ่งถ้าจะให้สรุปเหตุผลสั้น ๆ ก็คือการที่ Starbucks ไม่สามารถตอบโจทย์คนออสเตรเลียได้มากนัก ทั้งเรื่องรสชาติ และราคาที่แพงเกินไป
ทำให้ Starbucks ไม่ได้รับการยอมรับจากคนออสเตรเลีย และเจาะตลาดไม่สำเร็จ
ซึ่งเราก็สามารถมองสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Starbucks ในออสเตรเลีย ได้ว่า เป็นการอยู่ถูกเวลา “แต่ผิดที่” ก็ได้เช่นกัน..
╔═══════════╗
ลงทุนนอก 5 ต.ค. งานรวมความรู้ ลงทุนต่างประเทศ ดูรายละเอียด และจองบัตรได้ที่ https://www.zipeventapp.com/e/longtunnork2024
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.blockdit.com/posts/5c3ee638ac12a44ee5ed28c2
-https://www.blockdit.com/posts/5b924f7316860d16d3418e0b
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon