Tupperware เจ้าของแบรนด์กล่องข้าว จะล้มละลายแล้ว ใครลงทุนด้วยเงิน 100 บาท มาวันนี้เหลือบาทเดียว.. /โดย ลงทุนแมน
Tupperware กล่องใส่อาหาร ที่ประสบความสำเร็จมาจากกลยุทธ์ปาร์ตีขายของ วันนี้ประกาศล้มละลายแล้ว

10 ปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นของบริษัท -99% เรียกได้ว่าถ้าเราลงทุนด้วยเงิน 100 บาท มาวันนี้จะเหลือแค่บาทเดียว..

แล้วกลยุทธ์ปาร์ตีขายของ คืออะไร
ทำไมถึงทำให้ Tupperware ทั้งสำเร็จ และเจ๊ง ได้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

เรื่องราวของกล่อง Tupperware เกิดขึ้นเมื่อ 78 ปีที่แล้ว โดยคุณ Earl Tupper นักเคมีชาวอเมริกัน ที่อยากทำกล่องใส่ของที่ปิดได้แน่น เหมือนกับกระป๋องสี

ในที่สุดคุณ Tupper ก็ทำได้สำเร็จ ผ่านสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่า ฝาสุญญากาศ

ที่ช่วยปกป้องของที่ใส่ลงไป จากแบคทีเรียและเชื้อรา ช่วยให้อาหารที่ถูกเก็บในภาชนะเน่าเสียได้ยาก ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ชื่อคุ้นหูว่า Tupperware

แม้จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ขึ้นมาได้สำเร็จ แต่ปัญหาก็คือ คนสมัยก่อน ไม่รู้วิธีใช้ฝาสุญญากาศ ในช่วงแรก Tupperware จึงขายไม่ดี

แต่สถานการณ์ก็เปลี่ยนไป เมื่อคุณ Tupper ได้เจอกับคุณ Brownie Wise เซลส์ขายของใช้ภายในบ้าน ที่คิดไอเดียสุดเจ๋งออกมาได้

นั่นก็คือ กลยุทธ์ “Party Plan” หรือ ปาร์ตีขายของ

รูปแบบของมันก็คือ การชวนคนมาที่บ้าน แล้วสาธิตการใช้ผลิตภัณฑ์ให้ดู

ถ้าคนเห็นแล้วชอบ ซื้อไปใช้ คนจัดปาร์ตีก็จะได้ค่าคอมมิชชันตอบแทน

นอกจากนั้น ธุรกิจนี้คนที่เป็นแม่งานยังชวนคนอื่นให้มาเป็นลูกข่ายได้อีกด้วย ซึ่งมันก็ทำให้เครือข่ายขยายออกไปได้เรื่อย ๆ

สรุปเป็นโมเดลธุรกิจ ที่เรารู้จักกันในยุคนี้ว่า ขายตรง นั่นเอง..

กลยุทธ์ขายตรง ทำให้ Tupperware โด่งดัง และเติบโตระเบิด จนทำเงินได้มากถึง 2,300 ล้านบาท ในปี 1987 หรือ พ.ศ. 2530 หรือตีเป็นมูลค่าราว 6,000 ล้านบาทในปัจจุบัน

เส้นทางของ Tupperware อาจจะฟังดูสวยหรู ประสบความสำเร็จจากผลิตภัณฑ์แชมเปียน และมีกลยุทธ์การตลาดที่แตกต่าง

แต่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน หากเราลองมาดูผลประกอบการของ Tupperware ก็อาจจะเรียกได้ว่า เป็นหนังคนละม้วน

ปี 2013 รายได้ 93,000 ล้านบาท กำไร 13,000 ล้านบาท
ปี 2022 (ปีล่าสุดที่มีการเปิดเผยข้อมูล) รายได้ 46,000 ล้านบาท ขาดทุน 500 ล้านบาท

ในช่วงที่ผ่านมานี้ รายได้ลดลงเป็นเท่าตัว
แถมจากที่เคยทำกำไรดี ก็กลับกลายมาเป็นขาดทุน

โดยเหตุผลที่เป็นแบบนี้ ก็เพราะบริษัทยังยึดติดกับโมเดลธุรกิจขายตรงของตัวเอง..

การขายตรงของ Tupperware สวนทางกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในตอนนี้ ที่มีทางเลือกมากขึ้น เช่น
- การซื้อของผ่านอีคอมเมิร์ซที่ทำได้ง่ายกว่า
- มีรีวิว วิธีการใช้ ให้ดูได้เหมือนกับ ปาร์ตีขายของไม่มีผิด ทำให้การเข้าใจสินค้าไม่ยากอีกต่อไป

นอกจากนั้นก็ยังมีช่องทางอื่น ๆ ที่ให้คนเข้ามาหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าเพิ่มได้ อย่างเช่น YouTube และ Google โมเดลปาร์ตีขายของก็เลยมาถึงจุดจบ

ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เรื่องฐานะการเงินของบริษัท

ถึงแม้บริษัทจะยังมีกำไรมาโดยตลอด และเพิ่งขาดทุนในปีล่าสุด แต่บริษัทก็กู้ยืมและบริหารหนี้สินได้ไม่ดี

โดย ณ สิ้นปี 2022 บริษัทเหลือเงินสดอยู่ 4,100 ล้านบาท แต่มีหนี้ใกล้ครบกำหนดชำระพร้อมดอกเบี้ยถึง 12,000 ล้านบาท

พูดง่าย ๆ ก็คือ เงินสด ไม่เพียงพอต่อการจ่ายดอกเบี้ยและเงินกู้ ด้วยซ้ำ
แถมยังถูกซ้ำเติมด้วยผลขาดทุนอีก

นั่นก็เลยตามมาด้วยการประกาศยื่นล้มละลาย เพื่อเจรจากับผู้ปล่อยกู้ ที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้

Tupperware จากที่เคยเป็นผู้คิดค้นหนึ่งในนวัตกรรมของโลก เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ประสบความสำเร็จด้วยโมเดลธุรกิจที่แตกต่าง

ท้ายที่สุดก็ต้องมาตกม้าตาย เพราะบริหารเงินได้ไม่ดี และปรับตัวไม่ทันต่อพฤติกรรมของผู้คนที่เปลี่ยนไปแล้ว..

References
-https://companiesmarketcap.com/tupperware/earnings/
-https://simplywall.st/stocks/us/consumer-durables/nyse-tup/tupperware-brands/health#:~:text=Tupperware%20Brands%20has%20a%20total,M%20and%20%241.1B%20respectively.
-https://stockanalysis.com/stocks/tup/revenue/
-https://www.afr.com/politics/partys-far-from-over-for-tupperware-19880921-k30fg
-https://www.dailymail.co.uk/news/article-11960521/The-Tupperware-party-iconic-brand-faces-collapse-77-years.html
-https://www.prnewswire.com/news-releases/tupperware-brands-announces-debt-restructuring-301893197.html