กำแพงเมืองจีนยุคใหม่ เมื่อแบรนด์ตะวันตก สั่นคลอน เพราะคนจีน “ชาตินิยม” มากขึ้น

กำแพงเมืองจีนยุคใหม่ เมื่อแบรนด์ตะวันตก สั่นคลอน เพราะคนจีน “ชาตินิยม” มากขึ้น

กำแพงเมืองจีนยุคใหม่ เมื่อแบรนด์ตะวันตก สั่นคลอน เพราะคนจีน “ชาตินิยม” มากขึ้น /โดย ลงทุนแมน
รู้หรือไม่ ในไตรมาสที่ผ่านมา
Tesla ยอดขายในจีน -19% เพราะ BYD และค่ายรถจีนต่าง ๆ
Starbucks ยอดขายในจีน -14% เพราะ Luckin Coffee และสารพัดร้านกาแฟท้องถิ่น
Apple ยอดขายในจีน -7% เพราะ Huawei, Xiaomi และ Honor
นี่เป็นเพียงไม่กี่ตัวอย่างของบริษัทข้ามชาติ ที่ตอนนี้กำลังสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในจีน
ตลาดที่เป็นเหมือนขุมทรัพย์ขนาดใหญ่ ที่หลายแบรนด์ดังทั่วโลกต่างพากันเข้าไปกอบโกยรายได้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ทำไมในวันนี้ จีน ไม่ใช่ “ของหวาน” ของเหล่าบริษัทข้ามชาติอีกต่อไป
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
นับตั้งแต่ช่วงปี 2000 เป็นต้นมา เราได้เห็นหลายบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก ต่างรุกตลาดจีนเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็รวมถึง Tesla, Starbucks และ Apple ที่กล่าวไปข้างต้น
โดยเหตุผลก็อย่างที่รู้กันดีว่า เพราะจีนเป็นหนึ่งในตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่สุดในโลก ด้วยประชากรกว่า 1.4 พันล้านคน และเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
และก็มีหลายบริษัทที่สามารถเจาะตลาดจีนได้สำเร็จ จนสามารถกอบโกยรายได้จากจีน ได้เป็นกอบเป็นกำ
อย่างในปีที่ผ่านมา
- Apple มีรายได้จากจีน 2.6 ล้านล้านบาท คิดเป็น 19% ของยอดขายรวม โดยจีนเป็นตลาดใหญ่อันดับ 3 ของ Apple รองจากสหรัฐฯ และยุโรป
- Tesla มีรายได้จากจีน 7.8 แสนล้านบาท คิดเป็น 22% ของยอดขายรวม โดยจีนเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ Tesla นอกสหรัฐฯ
- Starbucks มีรายได้จากจีน 1.1 แสนล้านบาท คิดเป็น 9% ของยอดขายรวม โดยจีนเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ Starbucks นอกสหรัฐฯ
นอกจาก 3 บริษัทนี้ ก็ยังมี Adidas, Nike, Estée Lauder และอีกหลายบริษัทจากตะวันตก ที่ก็มีรายได้จากจีนเป็นจำนวนมากเช่นกัน
จากตัวเลขเหล่านี้ ถ้าจะบอกว่าตอนนี้ จีนเป็นอีกหนึ่งแหล่งรายได้หลักของเหล่าบริษัทข้ามชาติทั่วโลก ก็คงจะไม่เกินจริงนัก
อย่างไรก็ตาม ขุมสมบัตินี้ อาจไม่ใช่ที่ที่เหล่าบริษัทข้ามชาติ จะเข้าไปขุดค้นได้อย่างง่ายดายอีกต่อไป..
ก่อนที่จะพูดถึงเหตุผลว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น เราลองมาดูสถานการณ์ ณ ตอนนี้ ของบรรดาบริษัทข้ามชาติในตลาดจีนกันก่อน โดยขอยกตัวอย่างเริ่มต้นที่ Apple
เมื่อเราลองดูส่วนแบ่งตลาดสมาร์ตโฟนของ Apple ในจีน พบว่า
ณ ไตรมาส 1 ปี 2023 อยู่ที่ 20%
ณ ไตรมาส 1 ปี 2024 อยู่ที่ 16%
หรือหายไป 4%
โดยแบรนด์ที่ครองส่วนแบ่งตลาดได้มากขึ้น ได้แก่
Huawei จาก 11% เป็น 15%
Xiaomi จาก 14% เป็น 15%
Honor จาก 15% เป็น 16%
จะเห็นได้ว่าแบรนด์ที่มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น ล้วนแต่เป็นแบรนด์ท้องถิ่นของจีนทั้งสิ้น
ด้วยส่วนแบ่งตลาดที่ลดลง ทำให้ Apple ร่วงจากการเป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนอันดับ 1 ในจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยกลายเป็นเบอร์ 3 รองจาก Vivo และ Honor ตามลำดับ
และตัวเลขส่วนแบ่งตลาดที่ลดลงนี้ ก็สอดคล้องกับที่ Apple รายงานไว้ในรายงานประจำปี ว่าในปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายในจีนลดลงไปประมาณ 59,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการลดลงของยอดขาย Mac และ iPhone เป็นหลัก
และตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ยอดขายของ Apple ในประเทศจีน ก็ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง
ไตรมาส 1 ลดลง 8%
ไตรมาส 2 ลดลง 7%
ทีนี้เราลองมาดูทางฝั่งของ Starbucks กันบ้าง
โดยเมื่อดูรายได้และจำนวนสาขาของ Starbucks ในจีน
ปี 2021 รายได้ 132,000 ล้านบาท มี 5,358 สาขา
ปี 2022 รายได้ 108,000 ล้านบาท มี 6,019 สาขา
ปี 2023 รายได้ 111,000 ล้านบาท มี 6,804 สาขา
แม้ Starbucks จะมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง แต่รายได้กลับไม่เติบโตเหมือนกับจำนวนสาขาที่ขยายเพิ่มขึ้นเลย
ซึ่งต่างจาก Luckin Coffee ที่รายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปี 2021 รายได้ 45,000 ล้านบาท มี 6,024 สาขา
ปี 2022 รายได้ 69,000 ล้านบาท มี 8,214 สาขา
ปี 2023 รายได้ 126,000 ล้านบาท มี 16,248 สาขา
รายได้ของ Luckin Coffee เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนในปีล่าสุด มากกว่ารายได้ของ Starbucks เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มาดูกันที่ Tesla
เมื่อดูยอดขายรถยนต์ของ Tesla ในจีน พบว่าในช่วง 6 เดือนนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา Tesla ขายรถยนต์ในจีนได้ทั้งหมด 278,317 คัน ซึ่งลดลง 5.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
สอดคล้องกับในรายงานประจำไตรมาสของ Tesla ที่ระบุรายได้จากจีนไว้ที่
6 เดือนแรก ปี 2023 รายได้ 382,000 ล้านบาท
6 เดือนแรก ปี 2024 รายได้ 332,000 ล้านบาท
เมื่อคำนวณแล้วจะพบว่ารายได้จากจีนของ Tesla หายไปถึง 13%
สวนทางกับยอดขายรถยนต์ EV ในจีน ที่เพิ่มขึ้น 12% และ BYD แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าของจีน ก็มียอดขายที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
จากที่ยกตัวอย่างมา สรุปได้ว่า บริษัทเหล่านี้กำลังตกที่นั่งลำบากในจีนไม่ใช่น้อย

แล้วทำไมแบรนด์ต่างชาติ ถึงเริ่มสูญเสียพื้นที่ในตลาดจีน ?
เรื่องนี้ก็มีหลายสาเหตุ เริ่มตั้งแต่ในด้านของคุณภาพ ที่ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทจีนหลายแห่งได้ลงทุนอย่างมหาศาลในการวิจัยและพัฒนา
จนทำให้มีนวัตกรรมที่สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ และทำให้ภาพลักษณ์ของสินค้าจีน ที่มักถูกมองว่ามีคุณภาพต่ำ เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ในด้านของราคา การเป็นผู้ครอบครองวัตถุดิบ มีซัปพลายเชนในประเทศที่แข็งแกร่ง และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้บริษัทจีน มีต้นทุนที่ต่ำกว่า และสามารถกดราคาขายให้ต่ำกว่าบรรดาบริษัทข้ามชาติได้
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของนโยบายและกฎระเบียบของรัฐบาลจีนที่เข้มงวดกับบริษัทข้ามชาติมากขึ้น ซึ่งก็เป็นสิ่งที่กระทบต่อความสามารถในการแข่งขันและทำกำไรของบริษัทต่างชาติในจีน
อย่างไรก็ตาม ทุกเหตุผลที่กล่าวมา ก็เป็นสิ่งที่บริษัทข้ามชาติต่าง ๆ อาจยังหาทางแก้ไข และเอาชนะบริษัทท้องถิ่นของจีนได้อยู่ เช่น การลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมให้เหนือกว่า การหาทางลดต้นทุนให้ต่ำลง หรืออาจให้รัฐบาลประเทศตนช่วยสนับสนุน
อย่างไรก็ตาม มีหนึ่งสิ่ง ที่ดูแล้วก็ไม่รู้ว่า บริษัทข้ามชาติต่าง ๆ จะหาทางเอาชนะบริษัทท้องถิ่นของจีนได้อย่างไร
นั่นก็คือ “กระแสชาตินิยม” ที่กำลังมาแรงในหมู่ชาวจีนมากขึ้นเรื่อย ๆ
โดยมีการเรียกร้องจากทั้งรัฐบาลและกลุ่มประชาชน ให้ผู้คนในประเทศ สนับสนุนสินค้าของชาติตนเองมากขึ้น
ยิ่งประกอบกับสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่มีความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ยิ่งทำให้ผู้บริโภคชาวจีน มีมุมมองต่อแบรนด์สหรัฐฯ ที่แย่ลง
เมื่อมีแบรนด์ท้องถิ่นที่คุณภาพไม่แพ้ของนำเข้า และยังมีราคาถูกกว่า ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่ชาวจีน จะหันไปใช้แบรนด์ในประเทศมากขึ้น
และผลลัพธ์ของกระแสชาตินิยมนี้ ก็ได้ปรากฏแล้ว จากตัวเลขส่วนแบ่งตลาดและรายได้ในจีน ของหลายบริษัทข้ามชาติ ที่ลดลง สวนทางกับยอดขายของบริษัทท้องถิ่นจีน ที่เพิ่มขึ้น
ซึ่งนี่ก็อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น และคงไม่มีใครรู้ว่าเรื่องนี้จะดำเนินต่อไปอย่างไร หรือขยายผลมากแค่ไหน
แต่ที่แน่ ๆ ในวันนี้ ความชาตินิยมของคนจีน กำลังเป็นเหมือน กำแพงเมืองจีนยุคใหม่ ที่ทำให้เหล่าบรรดาบริษัทข้ามชาติ จะไม่สามารถเข้าไปหาสมบัติในประเทศแห่งนี้ได้อย่างง่ายดาย เหมือนที่เคยทำได้อีกต่อไป..
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon