“อว.FAIR” จุดประกายไอเดีย เพื่อเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจไทย
“อว.FAIR” จุดประกายไอเดีย เพื่อเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจไทย
อว. X ลงทุนแมน
อว. X ลงทุนแมน
ช่วงที่ผ่านมาได้ยินอยู่บ่อย ๆ ว่า เศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงถดถอย
หลายคนอาจตั้งคำถามด้วยว่า มูลค่าเศรษฐกิจที่หายไป จะเรียกกลับคืนมาด้วยวิธีไหน
หลายคนอาจตั้งคำถามด้วยว่า มูลค่าเศรษฐกิจที่หายไป จะเรียกกลับคืนมาด้วยวิธีไหน
หนึ่งในปัญหาหลัก ๆ ที่ฝังรากลึกแอบซ่อนอยู่นั้นคือ ปัญหาด้าน “โครงสร้างของประเทศ”
เมื่อวันนี้.. ประเทศไทย อาจไม่ได้ผลิตสินค้าตรงตามความต้องการของตลาดโลกที่เปลี่ยนไป
เมื่อวันนี้.. เราอาจไม่ได้ใช้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมากพอ ในการเพิ่มมูลค่าสินค้า
เมื่อวันนี้.. ระบบการศึกษา ยังคงอยู่ในกรอบเดิม ๆ
เมื่อวันนี้.. เราอาจไม่ได้ใช้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมากพอ ในการเพิ่มมูลค่าสินค้า
เมื่อวันนี้.. ระบบการศึกษา ยังคงอยู่ในกรอบเดิม ๆ
ถ้าเปรียบเป็นบริษัทสักแห่ง
ดูเหมือนว่า ประเทศไทย คงถึงเวลา Disruption เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ ทั้งด้านการผลิตสารพัดสินค้า ไปจนถึงคุณภาพประชากร
ดูเหมือนว่า ประเทศไทย คงถึงเวลา Disruption เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ ทั้งด้านการผลิตสารพัดสินค้า ไปจนถึงคุณภาพประชากร
หนึ่งในองค์กรที่มองเห็นปัญหาเรื่องนี้ก็คือ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
หรือเรียกสั้น ๆ ว่า อว.
หรือเรียกสั้น ๆ ว่า อว.
ล่าสุดได้จัดนิทรรศการขนาดใหญ่ชื่อว่า อว.FAIR : SCI POWER FOR FUTURE THAILAND หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “อว.FAIR”
ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 22-28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 22-28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
นิทรรศการ อว.FAIR จะเป็นจิกซอว์ชิ้นเล็ก ๆ ที่จุดประกายไอเดีย
และ Passion ให้ผู้ประกอบการ นักศึกษา และคนทั่วไป เปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจไทยอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
และ Passion ให้ผู้ประกอบการ นักศึกษา และคนทั่วไป เปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจไทยอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
อว.FAIR ถือเป็นงานที่ยิ่งใหญ่เลยทีเดียว ด้วยพื้นที่กว่า 23,000 ตารางเมตร ในศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่แบ่งเป็น 6 โซนหลัก พร้อมกว่า 170 บูธหน่วยงานวิจัย
ลองมาดูกันว่า งานใหญ่ครั้งนี้ มีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง..
1. Inspired by SCIENCE วิทย์บันดาลใจ
ถ้าถามว่า ระบบการศึกษา ต้องปรับแก้ตรงไหนบ้าง
คำตอบก็คือ ตั้งแต่เริ่มต้นของการเรียนรู้จนถึงคำว่า ไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้บูธนี้ใช้เทคโนโลยีเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้
คำตอบก็คือ ตั้งแต่เริ่มต้นของการเรียนรู้จนถึงคำว่า ไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้บูธนี้ใช้เทคโนโลยีเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้
เช่น การสอนเด็กเขียน Code โปรแกรมต่าง ๆ ผ่านเกมสนุก ๆ จนถึงความรู้ทางวิทยาศาสตร์ใหม่ ๆ ผ่านเทคโนโลยี AR/VR กระตุ้นการเรียนรู้ให้เด็กไทยมีไอเดียใหม่ ๆ สู่การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด
2. SCIENCE for Exponential Growth วิทย์เสริมแกร่งธุรกิจไทย
ถ้าถามว่าในอดีต ประเทศไทยมีสินค้าอะไรที่โดดเด่นในตลาดโลก คำตอบคือ สินค้าภาคการเกษตร
เพียงแต่ที่ผ่านมา เราเน้นแต่ส่งออกและขายในประเทศที่เป็น “ผลผลิต” ไม่ค่อยมีนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มมูลค่า หรือสร้างสินค้าเกษตรที่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ
บูธนี้จึงแสดง ผลผลิตทางการเกษตรต่าง ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีผสมไอเดียเจ๋ง ๆ มาช่วยปรับกลยุทธ์ให้สินค้าเกษตรและอาหารหลุดจากกรอบเดิม ๆ
เช่น ลำไยแปรรูปเป็นของทานหลากหลายชนิดแล้วนั้น ยังใช้นวัตกรรมแปรรูปเป็น ยาทาถูนวด บรรเทาอาการอักเสบข้อเข่า
หรือมะเขือเทศและพริกพันธุ์ใหม่ ที่ตรงกับความต้องการของตลาดโลก และมีผลผลิตเพียงพอต่อการส่งออกไปยังต่างประเทศ
3. SCIENCE for All Well Be-ing วิทย์เพื่อชีวิตผาสุก
บูธนี้ใช้เทคโนโลยีล้ำ ๆ เพื่อสร้างสินค้าและบริการใหม่ ๆ ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ที่ดีของผู้บริโภค ซึ่งก็มีสินค้ามากมายที่น่าสนใจ
4. S.R.I. Startup LaunchPad วิทยาศาสตร์ เพื่อ Startup และผู้ประกอบการรุ่นใหม่
โครงการ STARTUP THAILAND LEAGUE ผลักดันให้สถาบันการศึกษาผันตัวเองไปสู่ “มหาวิทยาลัยผู้ประกอบการ”
พร้อมร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน เพื่อสอนให้นักศึกษาทุกระดับปริญญาเป็นผู้ประกอบการและเป็น Startup ตัวจริง
โดยในเวลา 7 ปี ก่อตั้งโครงการไปแล้ว 45 สถาบัน
มีนักศึกษาร่วมโครงการ 67,857 คน กว่า 3,400 ทีม
มีนักศึกษาร่วมโครงการ 67,857 คน กว่า 3,400 ทีม
แน่นอนว่าบูธนี้ เราจะเห็นตัวอย่างธุรกิจ Startup ที่มีไอเดียสดใหม่ที่มาจากโครงการดังกล่าว
พร้อมนักลงทุน VC และ CVC ที่จะเข้ามา Pitch ในรูปแบบการแข่งขันธุรกิจ Startup ที่จะทำให้นักศึกษารู้ว่าจุดอ่อน และโอกาสทางธุรกิจที่สร้างการเติบโตในอนาคต
พร้อมนักลงทุน VC และ CVC ที่จะเข้ามา Pitch ในรูปแบบการแข่งขันธุรกิจ Startup ที่จะทำให้นักศึกษารู้ว่าจุดอ่อน และโอกาสทางธุรกิจที่สร้างการเติบโตในอนาคต
5. SCIENCE for Lifelong Learning เรียนรู้ตลอดชีวิทย์
โซนนี้จะมีการจัดแสดงงานวิจัยและนวัตกรรมที่มาจากฝึมือคนไทย พร้อมถ่ายทอดในเชิงธุรกิจ
เช่น การไลฟ์สดขายสินค้า, การแสดงเครื่องจักรจากฝีมือคนไทย, การขายอาหารของไทยที่ใช้ AI ช่วยให้มีกลิ่นและรสของอาหาร, เทคโนโลยีที่เป็น Soft Power
6. SCIENCE for FUTURE THAILAND วิทย์เพื่ออนาคตประเทศไทย
ปัจจุบันประเทศต่าง ๆ กำลังใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมแข่งขันกันในเชิงเศรษฐกิจ
หากใครที่ตกขบวนหรือล้าหลัง จะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบในทันที
หากใครที่ตกขบวนหรือล้าหลัง จะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบในทันที
ทำให้ในบูธนี้แสดงว่า ประเทศไทย เองก็มีเทคโนโลยีล้ำ ๆ ที่คาดไม่ถึง
เช่น ขบวนรถไฟแห่งอนาคต, รถโดยสารไฟฟ้าที่ใช้ในมหาวิทยาลัย, ต้นแบบ Module ดาวเทียมสัญชาติไทย ที่กําลังพัฒนาก่อนปล่อยขึ้นสู่ห้วงอวกาศ เป็นต้น
เช่น ขบวนรถไฟแห่งอนาคต, รถโดยสารไฟฟ้าที่ใช้ในมหาวิทยาลัย, ต้นแบบ Module ดาวเทียมสัญชาติไทย ที่กําลังพัฒนาก่อนปล่อยขึ้นสู่ห้วงอวกาศ เป็นต้น
สุดท้ายนี้ ถ้าถามว่าเราได้อะไรจากการเดินทัวร์ 1 วันเต็ม ๆ ในงาน “อว.FAIR” ?
จริง ๆ แล้วประเทศไทยเราเอง ก็มีเทคโนโลยี และความคิดธุรกิจที่ล้ำสมัยไม่แพ้ประเทศอื่น ๆ
เพียงแต่ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ หลาย ๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่อยู่ใน Ecosystem
เพียงแต่ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ หลาย ๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่อยู่ใน Ecosystem
เช่น ผู้ประกอบการ, หน่วยงานรัฐ, บริษัทเอกชน, นักลงทุน อาจจะไม่ได้จับมือ และเดินไปพร้อมกัน
ทำให้หลายนวัตกรรมที่เกิดขึ้น ไม่สามารถสร้าง Impact ต่อการเปลี่ยนแปลงได้
ทำให้หลายนวัตกรรมที่เกิดขึ้น ไม่สามารถสร้าง Impact ต่อการเปลี่ยนแปลงได้
โดยลึก ๆ แล้ว หากทุกฝ่ายจับมือและเดินหน้าไปพร้อมกัน ประเทศไทยน่าจะมีสินค้าที่มีนวัตกรรมจนถึงเทคโนโลยีที่แข่งขันในตลาดโลกได้
โดยมีประชากรไทยที่มีคุณภาพที่มีทักษะที่ดีต่อโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เป็นฟันเฟืองชิ้นใหญ่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน
Reference
- เอกสารข้อมูลงาน SCI POWER FOR FUTURE THAILAND
- เอกสารข้อมูลงาน SCI POWER FOR FUTURE THAILAND
#อว #อวFair #futureThailand #SciPower
#กระทรวงอว #MHESI #อวforall #อวแฟร์ #กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม
#กระทรวงอว #MHESI #อวforall #อวแฟร์ #กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม
Tag: อว.FAIR