โลกของเรา กำลังมี เศรษฐกิจคู่ขนาน ที่ขาดกันไม่ได้

โลกของเรา กำลังมี เศรษฐกิจคู่ขนาน ที่ขาดกันไม่ได้

โลกของเรา กำลังมี เศรษฐกิจคู่ขนาน ที่ขาดกันไม่ได้ /โดย ลงทุนแมน
ในวันที่ Microsoft ขึ้นหน้าจอสีฟ้า ใช้งานไม่ได้
ในวันที่ CrowdStrike ระบบ Cybersecurity มีปัญหา
ในวันที่ธุรกิจทั่วโลก เช่น สายการบิน สนามบิน โรงพยาบาล โรงงาน ได้รับผลกระทบตามไปด้วย
สามเหตุการณ์นี้กำลังเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน
นี้คืออีกหนึ่งปรากฏการณ์สำคัญของโลก เพราะธุรกิจในโลกเสมือน ที่ไม่เคยเห็นหน้าตาของสินค้าเหล่านั้น จับต้องทางกายภาพไม่ได้
กลับมาสร้างความเสียหายในให้ธุรกิจโลกจริง มหาศาล
นั่นเท่ากับว่า โลกของเรากำลังมีระบบเศรษฐกิจ
คู่ขนาน ที่กำลังเกี่ยวข้องอย่างแยกกันไม่ขาด โดยที่เราเองอาจไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
โลกของเรา เริ่มมีเศรษฐกิจคู่ขนานตอนไหน
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
3,500 ปีที่แล้ว มนุษย์เริ่มต้นสร้างหมู่บ้าน
มีการแบ่งงานกันทำ และลงมือปลูกพืช ผัก เลี้ยงหมู ไก่ เป็ด เอาไว้เป็นอาหารในชุมชน
ระบบเศรษฐกิจตอนนั้นเรียบง่าย ใครปลูกอะไร ใครผลิตอะไร ก็แลกเปลี่ยนระหว่างกัน ตามสัดส่วนแลกเปลี่ยนที่ตกลงกันไว้
หมู 1 ตัว แลกกับเสื้อผ้า 5 ตัว
ไก่ 3 ตัว แลกกับถ่านไม้
แต่เมื่อจำนวนคนมากขึ้น อาชีพที่หลากหลายขึ้น
การมาเทียบว่า อะไรเท่าไรถึงจะแลกเปลี่ยนได้เท่าเทียม ก็เริ่มทำได้ยากขึ้น
มนุษย์ก็แก้ปัญหาตรงนี้ ด้วยนวัตกรรมที่เรียกว่า
“เงินตรา” เริ่มตั้งแต่เปลือกหอย พดด้วง จนมาถึงเงินเหรียญกษาปณ์ ธนบัตร และเงินรูปดิจิทัลในปัจจุบัน
พอมีระบบเงินตรา ระบบเศรษฐกิจก็เริ่มพัฒนาซับซ้อนมากขึ้น จากที่เคยค้าขายแค่ในชุมชนและหมู่บ้านใกล้เคียง ก็เริ่มแสวงหาทางไปไกล ๆ แทน
จากยุคสำรวจทางทะเลในศตวรรษที่ 15 บรรดานักเดินเรือจากสเปนและโปรตุเกส ก็ได้บุกเบิกให้การค้า เชื่อมต่อกันระหว่างส่วนต่าง ๆ ของโลกมากขึ้น
แต่แม้เศรษฐกิจโลกจะซับซ้อนมากแค่ไหน ระบบเศรษฐกิจโลกก็ยังมีแค่ระบบเดียว นั่นคือ ซื้อขายสินค้าและบริการที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้น
เราซื้ออาหาร ตามที่เราอยากกิน
เราซื้อเสื้อผ้า ตามที่เราอยากใส่
เราซื้อบริการ ตามที่ตัวเองอยากได้รับ
ซึ่งเป็นสิ่งที่เรามองเห็นด้วยตาเปล่า จนตัดสินใจควักเงินตัวเองออกมา และจ่ายให้เจ้าของธุรกิจเหล่านั้น
อย่างไรก็ตาม การมาของโลกอินเทอร์เน็ตในปี 1980 จากนักวิทยาศาสตร์อเมริกัน 2 คน โดย Robert Kahn และ Vinton Cerf ได้เปลี่ยนโลกไปตลอดกาล
เพราะหลังจากอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้น ก็ได้ให้กำเนิดธุรกิจที่เกี่ยวข้องมากมาย ตัวอย่างเช่น
- Google ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1994
- Amazon ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1994
- Facebook ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2004
จากธุรกิจเล็ก ๆ ที่ค่อย ๆ สร้างพื้นที่บนโลกออนไลน์ของตัวเอง ก็ค่อย ๆ กลายเป็นธุรกิจยักษ์ใหญ่ ที่กุมอำนาจและยึดครองดินแดงใหม่แห่งนี้
และไม่ใช่การสร้างพื้นที่ธุรกิจของตัวเองเท่านั้น แต่ยังสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ใหม่ ให้กลายเป็นระบบเศรษฐกิจคู่ขนานของโลกนี้
ปัจจุบัน Alphabet บริษัทแม่ของ Google กลายเป็นผู้นำในระบบเสิร์ชเอนจิน, เจ้าของ YouTube, Android และ Gemini
ซึ่งมีรายได้ในปีที่ผ่านมากว่า 11 ล้านล้านบาท
โดยในจำนวนนี้ เป็นเม็ดเงินจากรายได้ค่าโฆษณา มากถึง 77% เลยทีเดียว
นอกจาก Alphabet แล้ว บรรดาบริษัทเทคฯ ก็มีรายได้หลักล้านล้านเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Microsoft ที่มีรายได้ในปีที่ผ่านมา 7.6 ล้านล้านบาท
META เจ้าของ Facebook, Instagram, WhatsApp มีรายได้ปีที่ผ่านมา 4.8 ล้านล้านบาท ซึ่งมาจากรายได้ค่าโฆษณามากถึง 98%
พอเป็นแบบนี้ ทำให้โลกเสมือนจริงที่เกิดขึ้นใหม่ อาจมีเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่าหลาย ๆ ประเทศเสียอีก
และเศรษฐกิจระบบใหม่นี้ ก็ได้คัดลอกหน้าตาของเศรษฐกิจในโลกจริงไปด้วยเช่นกัน แต่เปลี่ยนให้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเอกชนแค่อย่างเดียว โดยที่รัฐมีบทบาทน้อยลง..
ตัวอย่างเช่น
- ระบบรักษาความปลอดภัย จากเดิมที่อาจเป็นทหาร ตำรวจ ก็แทนที่ด้วยบริษัทซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัย เช่น CrowdStrike หรือ McAfee แทน
- ระบบการจัดเก็บและจัดการข้อมูลออนไลน์ ก็มีบริษัทให้บริการ เช่น AWS ของ Amazon, Microsoft Azure, Google Cloud
ซึ่งหลายครั้ง ก็ไปซ้อนทับกับธุรกิจในโลกจริง
เพราะบริการเหล่านี้ ก็ถูกใช้กับธุรกิจสนามบิน สายการบิน โรงแรม ร้านอาหาร และอะไรต่าง ๆ อีกมากมาย
หรือเป็นระบบที่เม็ดเงินไหลผ่านเศรษฐกิจเสมือนจริง ก่อนกลับไปหาเศรษฐกิจในโลกจริงอีกครั้ง โดยเฉพาะธุรกิจตัวกลางหรือแพลตฟอร์ม
ตัวอย่างเช่น VISA และ Mastercard บริการตัวกลางรับชำระเงิน ที่ร้านค้าและธนาคารใช้กันทั่วโลก
Airbnb แพลตฟอร์มหาที่พักท้องถิ่น ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างเจ้าของที่พัก กับคนที่ต้องการหาห้องพัก
สุดท้ายแล้ว เศรษฐกิจคู่ขนาน ก็เป็นเรื่องที่ดี
เพราะทำให้เศรษฐกิจโลก เติบโตขึ้น ขยายใหญ่ขึ้น แถมช่วยให้เศรษฐกิจโลกจริง ทำลายข้อจำกัดการโตแบบเดิม ๆ
แต่การซ้อนทับของโลก 2 ใบที่เกิดขึ้น ในวันใดที่ระบบเศรษฐกิจฝั่งใดฝั่งหนึ่งมีปัญหา ก็อาจทำร้ายและทำให้เกิดความเสียหายแบบคาดไม่ถึง
เหมือนในวันนี้ ที่เราเห็นหน้าจอสีฟ้าของ Microsoft ไปทั่วโลก ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เห็นได้ยากพอสมควร..
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon