เศรษฐีรวยสุด ในสิงคโปร์ เป็นคนจีน ที่ขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ /โดย ลงทุนแมน
ถ้าพูดถึงคนรวยอันดับต้น ๆ ของสิงคโปร์ หลายคนอาจนึกถึงคุณ Forrest Li ผู้ก่อตั้งบริษัท Sea Limited เจ้าของแพลตฟอร์ม Shopee และ Garena

หรือไม่ก็คุณ Zhang Yong ผู้ก่อตั้งเชนร้านหม้อไฟ Haidilao

แต่ความจริงแล้ว ในตอนนี้คนที่รวยกว่าพวกเขา และรวยสุดในสิงคโปร์ คือคุณ Li Xiting ที่มั่งคั่งจากธุรกิจผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์

แล้วเรื่องราวของคุณ Li Xiting เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

คุณ Li Xiting เกิดที่มณฑลอานฮุย ประเทศจีน เมื่อปี 1951 ในครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวย แต่คุณ Li เรียนดีมาตั้งแต่เด็ก

หลังเรียนจบสาขาฟิสิกส์จาก University of Science and Technology of China คุณ Li ก็ไปทำงานเป็นนักวิจัย
แล้วก็ได้ทุนวิจัยจากสถาบันต่าง ๆ ทั้งในจีน และฝรั่งเศส รวมเป็นระยะเวลานานกว่า 10 ปี

ต่อมาคุณ Li ได้ไปทำงานที่บริษัทผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ทางตอนใต้ของจีน และเกิดไอเดียอยากทำธุรกิจของตัวเอง

จนเมื่อปี 1991 คุณ Li เลยชวนเพื่อนสองคน มาร่วมกันก่อตั้งบริษัทผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ชื่อว่า Shenzhen Mindray Bio-Medical Electronics ขึ้นในเมืองเซินเจิ้น

โดย Mindray มาจากคำว่า Mind ที่หมายถึง จิตใจ และ Ray ที่หมายถึง รังสี

ในตอนแรก Mindray ยังมีเงินทุนไม่มาก เลยเริ่มต้นจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ของบริษัทต่างประเทศ

พอเริ่มระดมทุนได้ คุณ Li ที่มีพื้นฐานทางเทคนิคในการผลิตอุปกรณ์ ตัดสินใจเปลี่ยนมาเป็นบริษัท R&D ออกแบบและผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์เอง

แต่เมื่อเวลาผ่านไป Mindray เจอกับปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน เพราะบริษัทต้องใช้เงินทุนช่วงเริ่มต้นธุรกิจจำนวนมาก

ในปี 1994 คุณ Li เลยตัดสินใจไปขอเงินระดมทุนจาก VC ในสหรัฐอเมริกา และได้เงินก้อนใหญ่มาประมาณ 73.5 ล้านบาท

นั่นเลยทำให้ Mindray มีทุนเพื่อเป็นสายป่าน ในการออกแบบและผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ออกมามากมาย เช่น เครื่องตรวจวัดผู้ป่วย เครื่องให้ยาสลบ เครื่องให้สารเข้าสู่ระบบไหลเวียนเลือด

Mindray ของคุณ Li เติบโตต่อเนื่อง เรียกได้ว่ามีสินค้าของ Mindray อยู่ในโรงพยาบาลทั่วประเทศจีน

ต่อมา Mindray ก็ได้ขยายสาขาไปต่างประเทศครั้งแรก คือประเทศอังกฤษ หลังจากนั้นก็ส่งไปยังประเทศอื่น ๆ

และปี 2006 Mindray ก็ได้จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก
(แต่ได้เพิกถอนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไปตอนปี 2016 และกลับเข้าตลาดหุ้นเซินเจิ้น ปี 2018)

ส่วนคุณ Li นั้น ก็ได้ย้ายถิ่นฐานจากจีน มาอยู่ที่สิงคโปร์ ตั้งแต่ปี 2012 และได้รับสัญชาติสิงคโปร์ ปี 2018

ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ Mindray ได้จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้นนั่นเอง โดยตอนนั้นมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 634,000 ล้านบาท

ปัจจุบันมูลค่าบริษัทของ Mindray อยู่ที่ 1.8 ล้านล้านบาท

แต่รู้หรือไม่ว่า มูลค่าบริษัทของ Mindray เคยสูงสุดอยู่ที่ 3.4 ล้านล้านบาท ในปี 2021 ซึ่งหลัก ๆ มาจากผลประกอบการที่เติบโตในช่วงวิกฤติล็อกดาวน์นั่นเอง

และนี่คือผลประกอบการของ Mindray ในช่วงที่ผ่านมา

ปี 2019
รายได้ 58,700 ล้านบาท กำไร 14,100 ล้านบาท

ปี 2020
รายได้ 106,400 ล้านบาท กำไร 33,700 ล้านบาท

ปี 2021
รายได้ 127,900 ล้านบาท กำไร 40,500 ล้านบาท

ปี 2022
รายได้ 153,600 ล้านบาท กำไร 48,600 ล้านบาท

ปี 2023
รายได้ 176,800 ล้านบาท กำไร 58,600 ล้านบาท

รายได้และกำไรของ Mindray เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี 2020 ที่ทั้งรายได้และกำไร เติบโตเป็นเท่าตัวกันเลยทีเดียว

ถ้าใครยังจำกันได้ ตอนนั้นสถานการณ์ต่าง ๆ เลวร้ายมาก สิ่งที่หลายประเทศขาดแคลน และมีความต้องการเป็นอย่างหนัก คือ “เครื่องช่วยหายใจ” สำหรับผู้ป่วยวิกฤติ

ตอนนั้น คำสั่งซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ของ Mindray เช่น เครื่องช่วยหายใจและเครื่องตรวจวัดอาการผู้ป่วย เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

ที่น่าสนใจก็คือ แม้จะผ่านวิกฤติล็อกดาวน์ไปแล้ว ผลประกอบการของ Mindray ก็ยังเติบโตต่อเนื่อง

ซึ่งหลัก ๆ มาจากความต้องการในอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์สำหรับการวินิจฉัยภายนอกร่างกาย (IVD) และเครื่องมือตรวจทางรังสีวิทยาในต่างประเทศ

อีกเรื่องก็คือ อัตรากำไรสุทธิของ Mindray สูงถึงเกือบ 34% ซึ่งน่าจะมาจากทั้งดีมานด์ในตัวสินค้า สิทธิบัตร รวมถึงความจำเป็นทางการแพทย์ ทำให้บริษัทมีความสามารถในการกำหนดราคามาก

ขณะที่ค่าใช้จ่ายหลักของบริษัทก็มาจาก R&D โดยสัดส่วนงบ R&D ต่อรายได้อยู่ที่ประมาณ 10%

และการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัท Mindray
ทำให้ความมั่งคั่งของคุณ Li เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว

คุณ Li ในฐานะผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Mindray ได้ค่าตอบแทนจากบริษัทอยู่ที่ปีละ 128 ล้านบาท หรือเดือนละ 10.7 ล้านบาท

แต่ความมั่งคั่งหลักของคุณ Li มาจากการถือหุ้นใน Mindray ทั้งทางตรง และผ่านบริษัทอื่น ๆ ที่สัดส่วนประมาณ 28%

โดยตอนนี้ ความมั่งคั่งของคุณ Li อยู่ที่ 550,000 ล้านบาท

เราปฏิเสธไม่ได้ว่าในวิกฤติครั้งนั้น มีหลายคนที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่ก็มีคนที่ได้รับประโยชน์ไปเต็ม ๆ เช่นเดียวกัน

และเรื่องราวนั้นทำให้คุณ Li Xiting ชาวจีนโพ้นทะเล กลายมาเป็นคนรวยสุดของสิงคโปร์ นั่นเอง..