ธุรกิจเสือนอนกิน agoda
สมัยนี้ไปเที่ยวต่างประเทศ เรามักจะจองโรงแรมผ่าน Agoda รู้ไหมว่าบริษัทนี้มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพ ถือว่าเป็น startup ที่ประสบความสำเร็จเป็นรายแรกๆที่ตั้งอยู่ในไทย บริษัทนี้ทำไมถึงเป็นเสือนอนกิน จะเล่าให้ฟัง
Agoda และ Booking มีเจ้าของเดียวกันคือ บริษัท Priceline จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์อเมริกา ธุรกิจนี้เขาเรียกกันว่า OTA หรือ Online Travel Agency ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นมาแทนการจองผ่าน Agent ทัวร์แบบดั้งเดิม และ บริษัท Priceline ถือว่าเป็นบริษัท OTA ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
Agoda และ Booking มีเจ้าของเดียวกันคือ บริษัท Priceline จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์อเมริกา ธุรกิจนี้เขาเรียกกันว่า OTA หรือ Online Travel Agency ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นมาแทนการจองผ่าน Agent ทัวร์แบบดั้งเดิม และ บริษัท Priceline ถือว่าเป็นบริษัท OTA ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
จริงๆแล้ว Agoda จะนิยมกันในเฉพาะเอเชีย ส่วนระดับโลกจะเป็น Booking โดยบริษัทมีคู่แข่งที่สำคัญคือ Expedia ที่กำลังรุกตลาดอย่างหนัก แต่ยังมีสเกลที่เล็กกว่า Priceline
ส่วนอีกบริษัทคู่แข่งที่กำลังมาแรงคือ AirBnb ซึ่งรุกตลาดการแปลงบ้านหรือคอนโดของเราให้เป็นโรงแรมได้
ตอนนี้เราจะมาพูดถึงบริษัท Priceline บริษัทเดียวก่อน
ในปีที่แล้วมีการจองโรงแรมผ่านบริษัท Priceline เป็นยอดเงินมากถึง 2.4 ล้านล้านบาท!
ตัวเลข 2.4 ล้านล้านบาท มากขนาดไหน ตัวเลขนี้ คืองบลงทุนเกือบสิบปีของประเทศไทยที่จะสร้าง รถไฟฟ้าสิบสาย รถไฟทางคู่ และรถไฟความเร็วสูง
โมเดลธุรกิจนี้น่าสนใจตรงที่ ทุกครั้งที่คนจองผ่านบริษัท บริษัทจะได้รับส่วนแบ่งค่าคอมมิชชั่นจากโรงแรม โดยที่บริษัทไม่ต้องมีโรงแรมเป็นของตัวเอง
ในปีที่แล้วบริษัทได้มีรายได้มากถึง 376,005 ล้านบาท หรือคิดเป็น 16% ของยอดจอง 2.4 ล้านล้านบาท แต่ด้วยข้อดีคือบริษัทไม่ต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สินอะไรเลย สิ่งที่บริษัทต้องทำคือพัฒนาระบบการจอง และโฆษณาให้คนมาจองผ่านระบบเท่านั้น
ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า กำไรขั้นต้น Gross Profit ของบริษัทจะมีมากถึง 96% บริษัทมีต้นทุนขายเพียงแค่ 4% ของรายได้ หรือเรียกได้ว่าเกือบทั้งหมดของรายได้คือ กำไรล้วนๆ
ค่าใช้จ่ายของบริษัทที่ต้องเสียมากที่สุดคือ ค่าโฆษณา ค่าบริหาร ค่าพนักงาน คิดเป็น 56% ของยอดขาย และเมื่อหักภาษีต่างๆแล้วจะเหลืออัตรากำไรสุทธิที่ 20% ถือว่าเป็นธุรกิจที่มีอัตรากำไรที่ดีมาก
บริษัทมีกำไรแค่ไหนเมื่อเทียบกับเจ้าของโรงแรมเอง?
เรามาดูเชนโรงแรมใหญ่ที่สุดในโลกว่าเขามีกำไรเท่าไหนกัน
บริษัท Marriott
เจ้าของแบรนด์ Ritz-Carlton, JW Marriott, St. Regis, Westin, Renaissance, W Hotel, Sheraton
มี 5,974 โรงแรม 1,170,367 ห้องพัก
มีกำไร 27,300 ล้านบาท
เจ้าของแบรนด์ Ritz-Carlton, JW Marriott, St. Regis, Westin, Renaissance, W Hotel, Sheraton
มี 5,974 โรงแรม 1,170,367 ห้องพัก
มีกำไร 27,300 ล้านบาท
บริษัท InterContinental
เจ้าของแบรนด์ InterContinental, Crowne Plaza, Holiday Inn
มี 5,070 โรงแรม 749,721 ห้องพัก
มีกำไร 14,490 ล้านบาท
เจ้าของแบรนด์ InterContinental, Crowne Plaza, Holiday Inn
มี 5,070 โรงแรม 749,721 ห้องพัก
มีกำไร 14,490 ล้านบาท
บริษัท Hilton
เจ้าของแบรนด์ Conrad, Hilton
มี 4,727 โรงแรม 775,866 ห้องพัก
มีกำไร 12,180 ล้านบาท
เจ้าของแบรนด์ Conrad, Hilton
มี 4,727 โรงแรม 775,866 ห้องพัก
มีกำไร 12,180 ล้านบาท
บริษัท Accor
เจ้าของแบรนด์ Sofitel, Pullman, Swissotel, Mercure, Novotel
มี 4200 โรงแรม 524,955 ห้องพัก
มีกำไร 8,476 ล้านบาท
เจ้าของแบรนด์ Sofitel, Pullman, Swissotel, Mercure, Novotel
มี 4200 โรงแรม 524,955 ห้องพัก
มีกำไร 8,476 ล้านบาท
เมื่อนำตัวเลขทั้ง 4 บริษัทเชนโรงแรมชั้นนำ มาบวกกันจะได้ 19,971 โรงแรมทั่วโลก มีจำนวนห้องรวมกัน 3,220,909 ห้อง และมีกำไรรวมกัน 62,446 ล้านบาท
น้อยกว่าบริษัท Priceline ที่มีกำไร 75,000 ล้านบาท
โดยที่บริษัท Priceline ไม่ได้เป็นเจ้าของโรงแรมเลย และไม่มีห้องพักซักห้องเดียว..