การให้ช็อกโกแลต วันวาเลนไทน์ เกิดจาก การตลาดของ Cadbury

การให้ช็อกโกแลต วันวาเลนไทน์ เกิดจาก การตลาดของ Cadbury

การให้ช็อกโกแลต วันวาเลนไทน์ เกิดจาก การตลาดของ Cadbury /โดย ลงทุนแมน
นอกจากดอกกุหลาบแล้ว หนึ่งในของขวัญยอดนิยมในวันวาเลนไทน์ ก็คงหนีไม่พ้น “ช็อกโกแลต”
แต่เชื่อไหมว่า การให้ช็อกโกแลตในวันวาเลนไทน์
เริ่มต้นเมื่อ 156 ปีก่อน ซึ่งเกิดขึ้นจากการตลาดของแบรนด์ช็อกโกแลตเจ้าดัง ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ ๆ ก็เป็นธรรมเนียมเกิดขึ้นมาเอง
เรื่องนี้เป็นมาอย่างไร
ทำไมช็อกโกแลตถึงเกี่ยวข้องกับวาเลนไทน์ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 2,000 ปีก่อน ที่ทวีปอเมริกาใต้
ชนเผ่ามายา หรือมายัน ได้ค้นพบต้นกาเกา และเริ่มนำเมล็ดกาเกามาสกัดเป็นเครื่องดื่ม
ในช่วงแรก เครื่องดื่มที่สกัดออกมายังมีความขม ไม่ได้มีรสชาติที่หวานเหมือนในปัจจุบัน อีกทั้งเครื่องดื่มนี้ยังถือว่าเป็นเครื่องดื่มสำหรับชนชั้นสูง
จนกระทั่งเข้าสู่ยุคล่าอาณานิคม ช็อกโกแลตได้ถูกนำเข้ามาในยุโรปเป็นครั้งแรกโดยชาวสเปน และถูกนำมาดัดแปลง โดยการเติมน้ำตาลและวานิลลาเข้าไป ให้กลายเป็นเครื่องดื่มที่มีรสชาติหวาน และอร่อยมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้การดื่มช็อกโกแลต จะเริ่มแพร่หลายไปทั่วยุโรป แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น อัตราภาษีนำเข้าที่ค่อนข้างสูง
ทำให้ช็อกโกแลต เป็นเครื่องดื่มที่ค่อนข้างมีราคาแพง ซึ่งลูกค้าก็หนีไม่พ้น กลุ่มคนรวยเท่านั้นที่สามารถซื้อได้
อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้เอง ที่เริ่มมีบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับช็อกโกแลตเกิดขึ้นมากมาย
โดยหนึ่งในนั้นคือ “Cadbury” แบรนด์ช็อกโกแลตซองสีม่วงที่ใครหลายคนน่าจะคุ้นเคยกัน
ซึ่ง Cadbury ถูกก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1824 โดยคุณ John Cadbury
คุณ John เกิดในครอบครัวที่เคร่งศาสนา
จึงเริ่มต้นขายทั้งกาแฟ ชา และเครื่องดื่มช็อกโกแลต เพราะเป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ทำให้ไม่ขัดต่อหลักศาสนาคริสต์ที่เขานับถืออยู่
ซึ่งด้วยราคาของเครื่องดื่ม โดยเฉพาะช็อกโกแลตที่มีราคาแพงมาก ทำให้กลุ่มลูกค้าในช่วงแรกของเขา ยังเป็นคนที่มีฐานะเท่านั้น
ไม่นานหลังจากนั้น จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของวงการช็อกโกแลตก็เกิดขึ้น
เมื่อ J. S. Fry & Sons หนึ่งในคู่แข่งของ Cadbury ได้เริ่มทำ “ช็อกโกแลตแท่ง” ขึ้นมาเป็นครั้งแรก
ในตอนนั้นเอง เรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติวงการช็อกโกแลตเลยทีเดียว เพราะเป็นการเปลี่ยนจากเครื่องดื่ม กลายมาเป็นของกินเล่น
จุดนี้เองที่ทำให้บริษัทอื่น ๆ รวมถึง Cadbury เริ่มหันมาผลิตช็อกโกแลตแท่งตาม
และในปี ค.ศ. 1850 ซึ่งเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกัน รัฐบาลอังกฤษประกาศลดภาษีนำเข้าช็อกโกแลต
เรื่องนี้ส่งผลให้ ต้นทุนในการผลิต รวมไปถึงราคาของช็อกโกแลตปรับลดลง จนทำให้คนทั่วไป เริ่มเข้าถึงช็อกโกแลตได้
อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่ฝั่งของลูกค้าเท่านั้นที่เพิ่มขึ้น ในฝั่งของคนขายเอง ก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
ส่งผลให้การแข่งขันดุเดือดขึ้นไปอีก
เรื่องนี้ทำให้หัวเรือใหญ่ของ Cadbury ในตอนนั้น
อย่างคุณ Richard และคุณ George ทายาทรุ่นที่ 2 ของตระกูล Cadbury ตัดสินใจหันมาโฟกัสที่ธุรกิจช็อกโกแลตเพียงอย่างเดียว
เพราะเห็นถึงโอกาสในตลาดที่มหาศาล และต้องการชิงความเป็นผู้นำในตลาดนี้
เมื่อบริษัทมีทิศทางที่ชัดเจน
ผลลัพธ์ที่ตามมาก็เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ
โดยทั้งสองคนเริ่มนำเทคนิคการสกัดไขมันโกโก้ หรือเนยโกโก้ ที่แยกส่วนจากการผลิตช็อกโกแลต กลับมาผลิตเป็นช็อกโกแลตเพิ่มเติม
เพราะในตอนนั้น ไขมันโกโก้หรือเนยโกโก้ เป็นเพียงของเหลือ หรือส่วนที่ไม่จำเป็นจากเมล็ดกาเกา ก่อนสกัดออกมาเป็นช็อกโกแลต
หรือพูดง่าย ๆ คือ นำของเหลือที่ปกติต้องทิ้ง มาแปรเป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ขายได้
เท่านั้นยังไม่พอ ทั้งคู่ยังได้เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า
ด้วยการออกแบบกล่อง ให้มีการตกแต่งที่สวยงาม เพื่อให้ลูกค้าสามารถนำไปเป็นของขวัญให้กับคนอื่น ตามโอกาสต่าง ๆ
มาถึงคำถามสำคัญของเรื่องนี้ แล้ว Cadbury ไปเกี่ยวอะไรกับของขวัญวันวาเลนไทน์ ?
จากไอเดีย การตกแต่งกล่องช็อกโกแลตนี่เอง
ทำให้ทั้งคู่ลองออกแบบ กล่องช็อกโกแลตรูปหัวใจ เพื่อวางขายในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์โดยเฉพาะ
ซึ่ง Cadbury ได้เริ่มทำกล่องช็อกโกแลตรูปหัวใจ ขึ้นเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1868
ปรากฏว่าเจ้ากล่องช็อกโกแลตรูปหัวใจ ได้กระแสตอบรับ และขายดีเป็นอย่างมาก
จนการให้ช็อกโกแลต ถูกแทรกซึมไปกับวันวาเลนไทน์ และแพร่หลายมากขึ้นเรื่อย ๆ กลายเป็นธรรมเนียมของทุก ๆ ปี
และเรื่องนี้ก็ยังส่งผลให้ Cadbury โด่งดัง จนตอนนั้นแบรนด์ Cadbury กลายเป็น แบรนด์ขนมหวานที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกเลยทีเดียว
ซึ่งปัจจุบัน Cadbury ได้กลายมาเป็นแบรนด์ช็อกโกแลต ที่ดำเนินธุรกิจอยู่ภายใต้บริษัท Mondelez หรือบริษัทเจ้าของ Oreo นั่นเอง
แล้วเราได้ข้อคิดอะไรจากเรื่องนี้ ?
1. การโฟกัส บางครั้งอาจดีกว่าที่คิด
จากเรื่องนี้เราจะเห็นว่า ในช่วงที่ Cadbury หันมาโฟกัสธุรกิจช็อกโกแลตเพียงอย่างเดียว
ธุรกิจช็อกโกแลตก็เดินหน้าไปได้อย่างดี เพราะบริษัทสามารถทุ่มเอาทรัพยากรทั้งหมดที่มีไปใช้กับเรื่องนี้ได้ จนเกิดความเชี่ยวชาญ และมีชื่อเสียง ในสายตาของผู้บริโภค
อีกทั้งยังทำให้บริษัทค้นพบวิธีการนำไขมันโกโก้หรือเนยโกโก้ กลับมาผลิตอีกครั้ง
ซึ่งในทางธุรกิจแล้ว ถือเป็นการนำส่วนที่สูญเสีย กลับมาผลิตเป็นสินค้าที่มีมูลค่า
2. สินค้าธรรมดา อาจมีมูลค่ามากกว่าที่เราคิด
จากเรื่องนี้เราจะเห็นว่า จุดที่ทำให้ Cadbury โตระเบิด คือตอนที่ Cadbury นำผลิตภัณฑ์หลักอย่างช็อกโกแลต มาออกแบบกล่องให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าหยิบขึ้นมาซื้อเป็นของขวัญ
รวมถึงการสร้างแคมเปญการให้ช็อกโกแลตในวันวาเลนไทน์ของ Cadbury
ซึ่งต้องบอกว่า นอกจากจะทำให้ช็อกโกแลตของ Cadbury ดูแตกต่าง และสร้างยอดขายเพิ่มให้กับบริษัทแล้ว
เรื่องนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้น สำหรับการให้ช็อกโกแลตในวันวาเลนไทน์อีกด้วย..
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.cadbury.co.uk/our-story
-https://en.wikipedia.org/wiki/Cadbury
-https://www.history.com/news/valentines-day-chocolate-box-history-cadbury
-https://edition.cnn.com/2021/02/12/health/history-of-chocolate-valentines-day-wellness/index.html
-https://royalexaminer.com/how-did-chocolate-become-associated-with-valentines-day
-https://www.npr.org/sections/thesalt/2017/02/14/514565105/chocolate-love-s-sweet-but-not-necessarily-innocent-consort
-https://www.santabarbarachocolate.com/blog/why-chocolate-on-valentines-day/
-https://www.britannica.com/topic/chocolate
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon