ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) หรือ CREDIT ถือเป็นธนาคารรายแรกในรอบ 10 ปี ที่เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

โดย CREDIT เป็นธนาคารพาณิชย์ ที่เน้นให้บริการสินเชื่อนาโน และไมโครเครดิต เพื่อคนค้าขาย (Nano and Micro Finance) และสินเชื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี (Micro SME)
แก่กลุ่มที่ยังไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบ ซึ่งมีจำนวนมาก เพื่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบให้ SME ไทย

ซึ่ง CREDIT ให้บริการผ่านช่องทาง
- สาขาของธนาคารกว่า 527 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศ
- ช่องทางดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชัน

โดย ณ สิ้นปี 2566 CREDIT มียอดให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ ไปแล้วกว่า 144,157 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19%
แบ่งเป็น
- สินเชื่อไมโครเอสเอ็มอี 67%
- สินเชื่อนาโนและไมโครเครดิตเพื่อคนค้าขาย 16%
- สินเชื่อบ้าน 15%
- อื่น ๆ 2%

สำหรับผลประกอบการของ CREDIT
ปี 2564 มีรายได้จากการดำเนินงาน 8,742 ล้านบาท กำไร 1,935 ล้านบาท
ปี 2565 มีรายได้จากการดำเนินงาน 11,232 ล้านบาท กำไร 2,353 ล้านบาท
ปี 2566 มีรายได้จากการดำเนินงาน 13,461 ล้านบาท กำไร 3,557 ล้านบาท

หากเจาะรายได้ในปี 2566 จะมาจาก
รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 99%
รายได้อื่น ๆ 1%

ส่วนตัวเลขทางการเงินอื่น ๆ ของ CREDIT ณ สิ้นปี 2566
มีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ 8.2%
สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อ (%NPL Gross) 4.2%
อัตราส่วนเงินสำรองที่มีอยู่ต่อ NPL (NPL Coverage ratio) 161.4%

โดย CREDIT ได้มีการเสนอขาย หุ้น IPO ที่ราคา 29 บาทต่อหุ้น และมีหุ้นเดิมอยู่ 1,164.6 ล้านหุ้น

- ทำให้มีมูลค่า Pre-money Valuation หรือมูลค่าบริษัทก่อนเข้าตลาดหุ้น อยู่ที่ 33,773 ล้านบาท
- มี P/E อยู่ราว 9 เท่า เมื่อเทียบกับกำไรปีล่าสุดที่ 3,557 ล้านบาท

และหากรวมกับ หุ้นเพิ่มทุนหลังเสนอขาย IPO บริษัทก็จะมีหุ้นทั้งหมด 1,229.3 ล้านหุ้น
- คิดเป็นมูลค่าบริษัท ณ ราคา IPO ที่ 35,649 ล้านบาท
- มี P/E เท่ากับ 10 เท่า

แต่สำหรับวันนี้ CREDIT เข้าตลาดวันแรก และมีราคาปรับตัวลง -9.4%
- เลยทำให้มูลค่าบริษัทเหลือ 32,269 ล้านบาท
- ซึ่งแปลว่าเรา กำลังซี้อขายหุ้นตัวนี้ กันที่เพียง P/E 9 เท่า..

คำเตือน : โพสต์นี้เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูล ไม่ได้แนะนำให้ซื้อ หรือ ขาย แต่อย่างใด