จับตา MG กับการลุยตลาดรถไฟฟ้า หลังเปิดเซ็กเมนต์ใหม่ด้วย e-MPV สุดหรู NEW MG MAXUS 9 ราคาเริ่มต้น 2.499 ล้านบาท
จับตา MG กับการลุยตลาดรถไฟฟ้า หลังเปิดเซ็กเมนต์ใหม่ด้วย e-MPV สุดหรู NEW MG MAXUS 9 ราคาเริ่มต้น 2.499 ล้านบาท
MG X ลงทุนแมน
MG X ลงทุนแมน
9,234 คัน คือยอดจอง EV Car ในงานมอเตอร์โชว์ 2023 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
หรือคิดเป็นราว ๆ 20% จากยอดจองรถยนต์ทั้งหมด 45,983 คัน
เรื่องนี้หากย้อนกลับไป 3-4 ปีที่แล้ว ยอดจอง EV Car ในงานมอเตอร์โชว์อยู่ที่ราว ๆ 6,000 กว่าคัน เท่านั้นเอง
หรือคิดเป็นราว ๆ 20% จากยอดจองรถยนต์ทั้งหมด 45,983 คัน
เรื่องนี้หากย้อนกลับไป 3-4 ปีที่แล้ว ยอดจอง EV Car ในงานมอเตอร์โชว์อยู่ที่ราว ๆ 6,000 กว่าคัน เท่านั้นเอง
ปรากฏการณ์โตแบบก้าวกระโดดนี้เป็นเสมือน “ไฟเขียว” ส่งสัญญาณว่า EV Car กำลังค่อย ๆ เข้ามาเปลี่ยนถ่ายอุตสาหกรรมรถยนต์เมืองไทย จาก เครื่องยนต์สันดาป มาสู่ มอเตอร์ไฟฟ้า
หนึ่งแบรนด์ที่เปรียบเสมือน ผู้เปลี่ยนเกมนี้ ก็คือ MG
เพราะนอกจากการเป็น “แบรนด์แรก ๆ” ที่บุกเบิกตลาด EV Car หรือรถไฟฟ้า 100% ในเมืองไทยอย่างจริงจัง
ปัจจุบัน MG จำหน่าย EV Car มากถึง 5 รุ่น สนองความต้องการของลูกค้าคนไทย
หลากหลายรูปแบบการใช้งาน ตั้งแต่ NEW MG ZS EV, NEW MG EP,
NEW MG4 ELECTRIC และ NEW MG ES
หลากหลายรูปแบบการใช้งาน ตั้งแต่ NEW MG ZS EV, NEW MG EP,
NEW MG4 ELECTRIC และ NEW MG ES
จนมาถึงปรากฏการณ์ล่าสุด เมื่อ MG ยกระดับตลาด EV ขั้นสุด
ด้วยการนำรถไฟฟ้า Luxury เข้าสู่เมืองไทยครั้งแรก
ด้วยการเปิดตัว NEW MG MAXUS 9 รถสไตล์ MPV แบบ 7 ที่นั่ง
เสนอขายในราคาเริ่มต้น 2.499 ล้านบาท
ด้วยการนำรถไฟฟ้า Luxury เข้าสู่เมืองไทยครั้งแรก
ด้วยการเปิดตัว NEW MG MAXUS 9 รถสไตล์ MPV แบบ 7 ที่นั่ง
เสนอขายในราคาเริ่มต้น 2.499 ล้านบาท
และในเวลาไล่เลี่ยกัน MG ก็ประกาศกร้าวเตรียมสร้าง NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK
มูลค่าการลงทุนกว่า 500 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนสำหรับประกอบ EV Car
มูลค่าการลงทุนกว่า 500 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนสำหรับประกอบ EV Car
แล้ว 2 เรื่องนี้เป็นปรากฏการณ์อุตสาหกรรมรถไฟฟ้าในเมืองไทย อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
นับตั้งแต่ MG เข้ามาทำธุรกิจในเมืองไทยเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
จนมาถึงปัจจุบัน ประเทศไทยมีรถไฟฟ้า MG วิ่งอยู่บนท้องถนนรวมกว่า 10,000 คัน
ครองตำแหน่งเจ้าตลาดรถไฟฟ้าหลายปีต่อเนื่อง
จนมาถึงปัจจุบัน ประเทศไทยมีรถไฟฟ้า MG วิ่งอยู่บนท้องถนนรวมกว่า 10,000 คัน
ครองตำแหน่งเจ้าตลาดรถไฟฟ้าหลายปีต่อเนื่อง
ทีนี้ ถ้าถามว่าอะไรที่ทำให้ MG ประสบความสำเร็จด้านยอดขาย EV Car
คำตอบคือ การที่คนไทยเข้าถึงรถไฟฟ้าได้จริง รถทุกรุ่นมาพร้อมกับเทคโนโลยียานยนต์ใหม่ๆ ที่ล้ำสมัย และสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเกินราคาขาย
คำตอบคือ การที่คนไทยเข้าถึงรถไฟฟ้าได้จริง รถทุกรุ่นมาพร้อมกับเทคโนโลยียานยนต์ใหม่ๆ ที่ล้ำสมัย และสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเกินราคาขาย
เป้าหมายสำคัญที่ต้องทำให้คนไทยเข้าถึงรถไฟฟ้าได้ง่ายที่สุด..
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา MG ทยอยส่ง EV Car เข้าสู่ตลาดหลายรุ่น หลายสไตล์
และเสนอขายในราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ยิ่งมีส่วนลดจากมาตรการส่งเสริมของภาครัฐ ก็ดูจะดึงดูดกลุ่มลูกค้าอินเทรนด์ ที่เริ่มสนใจ
และอยากเป็นเจ้าของรถไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา MG ทยอยส่ง EV Car เข้าสู่ตลาดหลายรุ่น หลายสไตล์
และเสนอขายในราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ยิ่งมีส่วนลดจากมาตรการส่งเสริมของภาครัฐ ก็ดูจะดึงดูดกลุ่มลูกค้าอินเทรนด์ ที่เริ่มสนใจ
และอยากเป็นเจ้าของรถไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี
สำหรับ NEW MG MAXUS 9 ถือเป็นครั้งแรกของ MG ที่กระโดดลงมาเล่นในตลาดรถระดับพรีเมียม
ชูจุดแข็งด้าน EV Car และเปิดน่านน้ำใหม่ด้วยการเป็นรถ MPV ขนาด 7 ที่นั่ง คันแรกในเมืองไทย
โดยการวางราคาเริ่มต้น 2.499 ล้านบาท ก็อยู่ในทฤษฎีนี้เช่นกัน
ชูจุดแข็งด้าน EV Car และเปิดน่านน้ำใหม่ด้วยการเป็นรถ MPV ขนาด 7 ที่นั่ง คันแรกในเมืองไทย
โดยการวางราคาเริ่มต้น 2.499 ล้านบาท ก็อยู่ในทฤษฎีนี้เช่นกัน
การเปิดตลาดด้วยโมเดลใหม่ก็จะยิ่งเพิ่มประสบการณ์ Know-how การผลิต
ควบคู่ไปกับการทำความเข้าใจลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ มากขึ้น
ควบคู่ไปกับการทำความเข้าใจลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ มากขึ้น
โดยเมื่อเห็น NEW MG MAXUS 9 อันดับแรกที่สะกดสายตาทันที
คือ ดีไซน์ที่ดูเรียบหรู มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
คือ ดีไซน์ที่ดูเรียบหรู มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
กระจังหน้าจะเป็น Grille Less Design ไร้ช่องระบายอากาศ สะท้อนการเป็นรถไฟฟ้า
ส่วนประตูทั้ง 2 ฝั่ง จะเป็นแบบสไลด์ด้วยไฟฟ้า รวมถึงฝากระโปรงท้ายด้วย
ส่วนประตูทั้ง 2 ฝั่ง จะเป็นแบบสไลด์ด้วยไฟฟ้า รวมถึงฝากระโปรงท้ายด้วย
ยิ่งเมื่อเข้าไปนั่งภายในรถ จะพบวัสดุ และการตกแต่งภายในที่หรูหรา ดูล้ำสมัย
มีดีไซน์ที่โปร่งโล่งด้วย Dual Panoramic Sunroof พร้อมกับมี Ambient Light ช่วยเปลี่ยนบรรยากาศภายในรถได้ 64 เฉดสี เพิ่มความสุนทรีย์ให้กับผู้โดยสาร
มีดีไซน์ที่โปร่งโล่งด้วย Dual Panoramic Sunroof พร้อมกับมี Ambient Light ช่วยเปลี่ยนบรรยากาศภายในรถได้ 64 เฉดสี เพิ่มความสุนทรีย์ให้กับผู้โดยสาร
อีกทั้งเบาะนั่งแถวที่สองถูกออกแบบให้เป็น VIP Captain Seat
เสมือนเป็นที่นั่ง First Class บนเครื่องบิน พร้อมกับระบบบันทึกตำแหน่งการนั่ง ระบบนวด
ปรับระดับอุณหภูมิได้ตามความต้องการ พร้อมโต๊ะพับเก็บได้
เสมือนเป็นที่นั่ง First Class บนเครื่องบิน พร้อมกับระบบบันทึกตำแหน่งการนั่ง ระบบนวด
ปรับระดับอุณหภูมิได้ตามความต้องการ พร้อมโต๊ะพับเก็บได้
อีกทั้งยังมีจอกลางระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay
และสมาร์ตโฟนระบบ Android ที่มีลำโพง 12 จุด ช่อง USB มากถึง 9 ตำแหน่งมีช่องจ่ายไฟ AC Adaptor 220V สะดวกต่อการนั่งทำงานบนรถ
และสมาร์ตโฟนระบบ Android ที่มีลำโพง 12 จุด ช่อง USB มากถึง 9 ตำแหน่งมีช่องจ่ายไฟ AC Adaptor 220V สะดวกต่อการนั่งทำงานบนรถ
อีกทั้งทุกที่นั่งถูกคิดและออกแบบมาอย่างดีไม่เว้นแม้กระทั่งตำแหน่งคนขับ
เช่น เบาะคนขับปรับได้ 8 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง
โดยทุก ๆ การปรับทิศทางจะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามารถปรับได้ 4 ทิศทาง กระจกมองหลังผ่านกล้อง Streaming Media Rearview Mirror ที่แสดงภาพจริงแบบ Real time
เช่น เบาะคนขับปรับได้ 8 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง
โดยทุก ๆ การปรับทิศทางจะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามารถปรับได้ 4 ทิศทาง กระจกมองหลังผ่านกล้อง Streaming Media Rearview Mirror ที่แสดงภาพจริงแบบ Real time
ทีนี้เรามาดูสมรรถนะการขับขี่ พูดสั้น ๆ ได้เลยว่า
สมฐานะกับการเป็นรถไฟฟ้า 7 ที่นั่ง ระดับ Luxury เมืองไทย
สมฐานะกับการเป็นรถไฟฟ้า 7 ที่นั่ง ระดับ Luxury เมืองไทย
โดย NEW MG MAXUS 9 มีกำลังสูงสุด 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร
ใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน จัดวางแบบ Cell-To-Pack ขนาดความจุ 90 kWh
ใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน จัดวางแบบ Cell-To-Pack ขนาดความจุ 90 kWh
สามารถวิ่งได้สูงสุด 540 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
ชาร์จแบบเร็ว DC Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 30% - 80% ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
ที่ความเร็วสูงสุด 120 kWh
ชาร์จแบบเร็ว DC Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 30% - 80% ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
ที่ความเร็วสูงสุด 120 kWh
ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 5% – 100%
ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง 30 นาที รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 11 kWh
ซึ่งระยะเวลาในการชาร์จ ขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่คงเหลือและกำลังของเครื่องอัดประจุไฟฟ้า
และอีกหนึ่งจุดเด่นของรถ MG ทุกรุ่น คือ เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นเทพ
รถคันนี้ก็เรียกว่า “จัดเต็ม” เรื่องนี้เลยทีเดียว
ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง 30 นาที รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 11 kWh
ซึ่งระยะเวลาในการชาร์จ ขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่คงเหลือและกำลังของเครื่องอัดประจุไฟฟ้า
และอีกหนึ่งจุดเด่นของรถ MG ทุกรุ่น คือ เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นเทพ
รถคันนี้ก็เรียกว่า “จัดเต็ม” เรื่องนี้เลยทีเดียว
เช่น โครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบ Full Space Frame, ถุงลมนิรภัยรอบคัน, ระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับสูงอย่าง ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM พร้อมระบบ ADAS รวมมากถึง 25 ระบบ และระบบอื่น ๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึงในที่นี้
เลยเป็นเหตุผลให้ NEW MG MAXUS 9 ได้รับมาตรฐาน 5 ดาว ด้านความปลอดภัย
จาก EURO NCAP และ AUSTRALIAN NCAP
จาก EURO NCAP และ AUSTRALIAN NCAP
ที่สำคัญ หากเราตัดสินใจซื้อ NEW MG MAXUS 9 จะมี MG SUPER CHARGE STATION
จำนวน กว่า 130 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศไทย
จำนวน กว่า 130 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศไทย
พูดง่าย ๆ คนที่ซื้อ EV Car ของ MG จะได้เปรียบด้านความสะดวกสบายในเรื่องสถานีชาร์จ
มากกว่าซื้อรถค่ายอื่นๆ นั้นเอง
มากกว่าซื้อรถค่ายอื่นๆ นั้นเอง
NEW MG MAXUS 9 มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่
รุ่น X – LUXURY มีให้เลือก 2 สี คือ สีดำ และสีขาว ราคา 2.499 ล้านบาท
รุ่น V – SUPER LUXURY มีให้เลือก 3 สี คือ สีดำ สีขาว และสีเทาหลังคาดำ ราคา 2.699 ล้านบาท
รุ่น V – SUPER LUXURY มีให้เลือก 3 สี คือ สีดำ สีขาว และสีเทาหลังคาดำ ราคา 2.699 ล้านบาท
และอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น MG กำลังขยายสายการผลิตรถไฟฟ้าอย่างจริงจัง
โดยล่าสุด โรงงานผลิตรถในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 2 จังหวัดชลบุรี
มีพื้นที่ 437.5 ไร่ ที่ผลิตรถได้สูงสุด 100,000 คันต่อปี
โดยล่าสุด โรงงานผลิตรถในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 2 จังหวัดชลบุรี
มีพื้นที่ 437.5 ไร่ ที่ผลิตรถได้สูงสุด 100,000 คันต่อปี
ในพื้นที่โรงงานแห่งนี้ ได้ถูกแบ่งออกมา 137.5 ไร่
พัฒนาเป็นพื้นที่ NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK ด้วยเงินลงทุนอีก 500 ล้านบาท
เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ที่จะมีทั้ง โรงงานพัฒนาชิ้นส่วนมอดูลแบตเตอรี่, ไลน์การผลิตแบตเตอรี่
และยังพัฒนาชิ้นส่วนอื่น ๆ สำหรับการประกอบ EV Car
พัฒนาเป็นพื้นที่ NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK ด้วยเงินลงทุนอีก 500 ล้านบาท
เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ที่จะมีทั้ง โรงงานพัฒนาชิ้นส่วนมอดูลแบตเตอรี่, ไลน์การผลิตแบตเตอรี่
และยังพัฒนาชิ้นส่วนอื่น ๆ สำหรับการประกอบ EV Car
ในอนาคตอันใกล้ เมื่อ MG สามารถผลิต EV Car ในประเทศไทยได้
นอกจากจะทำให้ราคาขายจากเดิมที่เข้าถึงง่ายอยู่แล้ว ก็จะง่ายขึ้นกว่าเดิม
พร้อมมีบริการอะไหล่ที่รวดเร็ว ราคาเข้าถึงง่าย ซึ่งเป็นไปตามทฤษฎี Economies of Scale
นอกจากจะทำให้ราคาขายจากเดิมที่เข้าถึงง่ายอยู่แล้ว ก็จะง่ายขึ้นกว่าเดิม
พร้อมมีบริการอะไหล่ที่รวดเร็ว ราคาเข้าถึงง่าย ซึ่งเป็นไปตามทฤษฎี Economies of Scale
เมื่อถึงวันนั้น ยนตรกรรมไฟฟ้า ก็จะใกล้ตัวคนไทย เข้าถึงได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
References
-https://www.prachachat.net/motoring/news-1251993
-https://www.auto-thailand.com/hotnews/MotorShow-Booking-2019.html
-ข่าวประชาสัมพันธ์ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
-https://www.prachachat.net/motoring/news-1251993
-https://www.auto-thailand.com/hotnews/MotorShow-Booking-2019.html
-ข่าวประชาสัมพันธ์ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด