Wi-Fi ของที่โลกขาดไม่ได้แล้ว

Wi-Fi ของที่โลกขาดไม่ได้แล้ว

Wi-Fi ของที่โลกขาดไม่ได้แล้ว / โดย ลงทุนแมน
โลกทุกวันนี้ เป็นยุคแห่งอินเทอร์เน็ต
ทุกกิจกรรมในชีวิตประจำวันเรา ต้องเกี่ยวข้องกับคำว่า ออนไลน์ ทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็น
การติดต่อสื่อสาร ค้นหาข้อมูล ดูหนังฟังเพลง เล่นเกม หรือกระทั่ง ช้อปปิ้งสินค้า
แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่หากขาดหายไป จะไม่เกิดกิจกรรมเหล่านี้เลย
นั่นคือ สัญญาณเครือข่ายที่เชื่อมต่อทุกอย่างเข้าด้วยกัน
ในปัจจุบัน พฤติกรรมมนุษย์ ไม่ได้ใช้ Internet แบบอยู่กับที่ ผ่านสาย Lan ตลอดเวลาแล้ว เราเข้าถึงข้อมูลผ่านมือถือหรืออุปกรณ์ต่างๆ ตอนไหนเวลาใดก็ได้
นอกจากเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่เราคุ้นเคยกันดี
ยังมีอีกเครือข่ายหนึ่งที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้
รูปแบบของเครือข่ายที่ว่านี้ก็คือ Wi-Fi
ภายในหนึ่งวัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เราต้องเชื่อมต่อกับ Wi-Fi อย่างน้อยก็สักครั้ง จนเรียกได้ว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว
Wi-Fi มีมานานหรือยัง?
Wi-Fi ย่อมาจากคำว่า Wireless Fidelity หมายถึงชุดผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ ที่สามารถเชื่อมต่อได้กับมาตรฐานเครือข่ายแบบไร้สาย หรือที่เรียกว่า Wireless Local Area Network (WLAN)
จุดเริ่มแรกของเทคโนโลยี Wi-Fi ถูกคิดค้นขึ้นเมื่อปี 1992 หรือ 26 ปีที่แล้ว โดยทีมวิจัยจากประเทศออสเตรเลียนำโดย ดร. O’Sullivan
ในช่วงเริ่มแรก ประสิทธิภาพการใช้งานยังต่ำ โดยมีความเร็วในการใช้งาน 1-2 Mbps
ต่อมามีการพัฒนามาตรฐานขึ้นเรื่อยๆ ทั้งด้านความเร็ว รัศมีสัญญาณ และความปลอดภัย โดยถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในภาคประชาชนทั่วไป ตั้งแต่ปี 1999
ทุกวันนี้ Wi-Fi มีพัฒนาการเพิ่มขึ้นหลายเท่า เรียกได้ว่าความเร็วก้าวกระโดดขึ้นในทุกๆ ปี
ตลาดอุปกรณ์เครือข่ายไร้สาย มีมูลค่าเท่าไร?
ตลาดอุปกรณ์ สำหรับเชื่อมต่อ Wireless Local Area Network มีผู้เล่นรายใหญ่ ได้แก่ Cisco, Hewlett-Packard และ Huawei ซึ่งมีมูลค่าและส่วนแบ่ง ดังต่อไปนี้
ปี 2016 มูลค่าตลาด 76,500 ล้านบาท โดยมีส่วนแบ่ง
Cisco 43.6%
Hewlett-Packard 13.5%
Huawei 6.2%
ปี 2017 (3 ไตรมาส) มูลค่าตลาด 77,000 ล้านบาท โดยมีส่วนแบ่ง
Cisco 44.7%
Hewlett-Packard 13.7%
Huawei 5.0%
ธุรกิจเกี่ยวกับ Wi-Fi ยังมีโอกาสให้เติบโตต่อ ในอนาคต
ปัจจุบันโลกเรามีประชากร 7,600 ล้านคน มีผู้ที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตอยู่ประมาณ 3,600 ล้านคน หรือ 47%
ซึ่งจากกลุ่มคนที่เข้าถึงโลกออนไลน์นี้ สามารถเข้าถึงการใช้ Wi-Fi บนอุปกรณ์ใดๆ ก็ตาม ได้ดังนี้
Wi-Fi สาธารณะ มีอัตราเข้าถึง 49%
Wi-Fi ส่วนตัว มีอัตราเข้าถึง 82%
ขณะที่จำนวน Hotspot สาธารณะ เองก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยในปี 2009 มีจุดเชื่อมต่อเพียง 5 แสนจุด แต่ในปี 2015 เพิ่มขึ้นเป็น 5.8 ล้านจุด
ในอนาคต เรากำลังจะเข้าสู่ยุคที่เรียกว่า Internet of Things ที่จะเชื่อมต่อ อุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆ กับเครือข่าย Internet มากขึ้น ข้อมูลและกิจกรรมในชีวิตประจำวันของมนุษย์จะกลายเป็นออนไลน์แทบทั้งหมด
ทำให้ Wi-Fi เป็นสิ่งที่จะขาดไม่ได้เลย
ถ้าให้เดาอนาคต
สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือมนุษย์อีกครึ่งโลกที่ยังไม่เข้าถึง Wi-Fi จะสามารถเข้าถึง Wi-Fi ได้มากขึ้น
และมนุษยชาติจะสามารถทำอะไรได้อีกโดยใช้สัญญาณ Wi-Fi เป็นเครื่องมือ
เราเคยเรียนกันมาว่า มนุษย์ต้องการปัจจัยสี่ คือ อาหาร ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม
แต่ตอนนี้บางคนอาจจะต้องการมากกว่า 4 ปัจจัยนี้
คนรุ่นเก่าอาจให้ความสำคัญกับไฟฟ้าที่เป็นปัจจัยที่ 5 ที่ประเทศห้ามไฟฟ้าดับ ขาดแคลนไฟฟ้าไม่ได้
คนรุ่นปัจจุบันอาจให้ความสำคัญกับโทรศัพท์มือถือที่ไว้คุยกัน เป็นปัยจัยที่ 6
แต่สำหรับคนยุคอนาคต แค่ไฟฟ้า หรือ โทรศัพท์มือถือ อาจจะไม่เพียงพอ เพราะสิ่งที่จำเป็นมากๆดูเหมือนจะเป็นสัญญาณอินเตอร์เน็ต
เรียกได้ว่า Wi-Fi น่าจะเปรียบเหมือนสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีพในยุคนี้ และจะจำเป็นมากขึ้นอีกในยุคอนาคต
ปิดท้ายด้วยคำถามที่น่าสนใจคือ
ถ้าให้เราอยู่คนเดียวในบ้าน อะไรที่จำเป็นมากกว่ากัน
ระหว่าง หลอดไฟที่ส่องแสงสว่าง กับ สัญญาณอินเตอร์เน็ต
คำตอบที่ได้จากคำถามนี้ของคนยุคใหม่ อาจจะไม่เหมือน คนในยุคก่อนแล้ว..
----------------------
<ad> รู้ไหมว่าระบบ Wi-Fi ถูกคิดค้นขึ้นจากทีมนักวิจัยจาก Macquarie university ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยในออสเตรเลีย และตอนนี้มหาวิทยาลัยนี้ก็มี scholarship สำหรับนักเรียนไทยด้วย
บริการครบวงจรเรื่องเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลีย “Start Education”
สนใจดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/StartEducationCentre/
----------------------
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon