เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 6 ปี กระทบเศรษฐกิจไทย อย่างไรบ้าง ?

เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 6 ปี กระทบเศรษฐกิจไทย อย่างไรบ้าง ?

เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 6 ปี กระทบเศรษฐกิจไทย อย่างไรบ้าง ? /โดย ลงทุนแมน
ค่าเงินบาทได้อ่อนค่าลงจาก 34 เป็น 35 บาท เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ภายในเดือนเดียว
เรียกได้ว่าเป็นการอ่อนค่า มากที่สุดในรอบ 6 ปี
มีสาเหตุอะไรบ้างที่ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง
แล้วการที่เงินบาทอ่อนค่าลงเป็นผลดี หรือผลเสียต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
สำหรับเหตุผลหลัก ๆ ที่เงินบาทอ่อนค่าลง ก็เพราะว่า “เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น”
จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ หันมาขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว 0.75%
เรียกได้ว่าเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงที่สุดในรอบ 28 ปี เพื่อชะลอเงินเฟ้อ
โดยการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกานั้น ส่งผลให้ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยกว้างขึ้น
ปัจจุบัน ดอกเบี้ยนโยบายของประเทศไทย คือ 0.50%
ดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐอเมริกา คือ 1.75%
ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ย ณ ตอนนี้ อยู่ที่ 1.25%
ด้วยส่วนต่างตรงนี้เอง ก็ได้ทำให้เงินทุนไหลออกจากประเทศที่อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า ไปยังประเทศที่อัตราดอกเบี้ยสูงกว่า ซึ่งก็ต้องบอกว่าการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงสกุลเงินของประเทศไทยเท่านั้น
แต่ยังส่งผลกระทบต่ออีกหลายประเทศในทวีปเอเชีย ที่สกุลเงินต่างอ่อนค่าลงพร้อม ๆ กัน เช่น
- เยน อ่อนค่าลง 19%
- วอน อ่อนค่าลง 9%
- บาท อ่อนค่าลง 6%
- หยวน อ่อนค่าลง 5%
แล้วค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง
ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไรบ้าง ?
การอ่อนค่าของเงินบาท ส่งผลกระทบทั้งในด้านดี และด้านไม่ดีต่อเศรษฐกิจของเรา
มาเริ่มจากด้านที่เป็นผลดีกันก่อน เริ่มตั้งแต่
- กระตุ้นภาคการส่งออกของประเทศ
เราลองมาดูตัวอย่างกัน
ปีที่แล้ว ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ
หากบริษัทของเราส่งออกกระเป๋าราคาใบละ 100 ดอลลาร์สหรัฐ จำนวน 100,000 ใบ
ไปขายที่สหรัฐอเมริกา เราจะมีรายได้ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นรายได้ในรูปของเงินบาทที่ 330 ล้านบาท
ต่อมาในปีนี้ ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเหลือ 35 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ
ถ้าเรายังส่งออกกระเป๋าจำนวนเท่าเดิม และขายในราคาเท่าเดิม
แม้ว่าเราจะมีรายได้ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐเหมือนเดิม
แต่หากลองคิดเป็นเงินบาท รายได้ของเราจะเพิ่มขึ้นเป็น 350 ล้านบาท
หมายความว่าเราจะได้กำไรเพิ่มขึ้นจากค่าเงิน ทันที..
ซึ่งก็ต้องบอกว่าเรื่องนี้ ก็ถือว่าสำคัญต่อเศรษฐกิจประเทศไทย เพราะการส่งออกเป็นหัวใจสำคัญของเรา
อ้างอิงจากในปี 2564 ที่มีมูลค่าการส่งออกกว่า 8.6 ล้านล้านบาท
คิดเป็น 53.4% ของ GDP ประเทศไทย หรือพูดง่าย ๆ คือ คิดเป็นครึ่งหนึ่งของ GDP ของไทยเลยทีเดียว
- ช่วยดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น
แน่นอนว่านอกจากเรื่องการส่งออกแล้ว การท่องเที่ยวก็เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรม ที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของไทย
เนื่องจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนั้น เกี่ยวข้องกับหลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจร้านสปา ธุรกิจขนส่ง และร้านค้าต่าง ๆ
โดยมีข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่าภาคการท่องเที่ยว
มีสัดส่วนการจ้างงานที่สูงถึง 20% ของการจ้างงานทั้งหมด หรือประมาณ 7.7 ล้านคน
นอกจากนี้ หากย้อนกลับไปในช่วงก่อนเกิดวิกฤติโควิด 19 หรือในปี 2562
ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศเฉียด 40 ล้านคน
นักท่องเที่ยวต่างชาติเหล่านี้ สร้างรายได้ไปกว่า 1.9 ล้านล้านบาท คิดเป็น 11% ของ GDP ประเทศไทย
ซึ่งการอ่อนค่าของเงินบาท ทำให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย ในสายตาของนักท่องเที่ยวต่างชาติถูกลง ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกอยากมาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม หากเราลองพลิกมาดูอีกด้านหนึ่งของเหรียญ
การอ่อนค่าของเงินบาท ก็ส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจไทย เช่นกัน
- ค่าใช้จ่ายในการนำเข้านั้นแพงขึ้น
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ ราคาน้ำมันดิบที่ปรับสูงขึ้นกว่า 53% นับจากต้นปี
รู้ไหมว่า 4 เดือนแรกของปี 2565 การนำเข้าน้ำมันดิบของไทยเท่ากับ 414,505 ล้านบาท
เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ 194,268 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 113%
ค่าใช้จ่ายในการนำเข้าน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น
อีกส่วนมาจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ซึ่งไม่เพียงแต่น้ำมันเท่านั้น
การที่ราคาวัตถุดิบนำเข้าหลายอย่างมีราคาแพงขึ้น หมายความว่าต้นทุนของผู้ผลิตนั้นสูงขึ้น
ซึ่งไม่เพียงแต่กดดันกำไรของผู้ผลิต แต่ยังส่งผลเสียต่อผู้บริโภคด้วย
กรณีที่ราคาสินค้าปรับขึ้นตามต้นทุนวัตถุดิบ โดยเฉพาะในช่วงที่กำลังซื้อของผู้บริโภคยังเปราะบาง
รัฐบาลต้องเข้ามาควบคุมราคาสินค้า ก่อให้เกิดต้นทุนทางเศรษฐกิจมากขึ้น
หากสถานการณ์ลากยาวไปเรื่อย ๆ ก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศในที่สุด
- การลงทุนในตลาดหุ้นไทย มีความน่าดึงดูดลดลงในสายตานักลงทุนต่างชาติ
นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน เหมือนกับนักลงทุนไทย
นั่นคือ จากส่วนต่างราคา และจากเงินปันผล
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างชาติจะมีเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่ต้องนำมาพิจารณาด้วย
เราลองมาดูตัวอย่างต่อไปนี้กัน
มีนักลงทุนชาวอเมริกันคนหนึ่ง เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปี
ตอนนั้น นักลงทุนคนนี้ทำการแลกเงินจำนวน 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ ที่ 33 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ
เท่ากับว่าเขาจะสามารถแลกเป็นเงินบาทได้ 33,000 บาท
ผ่านมา 5 เดือน เขาได้รับกำไรจากการลงทุน รวมกับเงินปันผลแล้วคิดเป็น 5%
ทำให้เงินลงทุนตอนนี้ของนักลงทุนชาวอเมริกันคนนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 34,650 บาท
แต่ค่าเงินบาทกลับอ่อนค่าลงมาที่ 35 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ หรืออ่อนค่าลงมา 6%
หมายความว่า ถ้าเขาขายหุ้น และนำเงินจำนวน 34,650 บาท ไปแลกกลับเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
จะแลกกลับมาได้เพียง 990 ดอลลาร์สหรัฐ
หากคำนวณผลตอบแทนจากเงินลงทุนในตอนแรกที่ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ ก็เท่ากับว่าเขาจะขาดทุนสุทธิ 1%..
ยิ่งถ้าเงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่าไปเรื่อย ๆ ก็อาจทำให้นักลงทุนต่างชาติ
ทยอยขายสินทรัพย์เสี่ยงในประเทศเรา เช่น หุ้น ออกมาอย่างต่อเนื่อง
เพื่อลดความเสี่ยงจากการขาดทุนของค่าเงิน นั่นเอง..
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็อาจสรุปได้ว่าการอ่อนค่าของเงินบาทมีทั้งผลดีและผลเสีย ต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การอ่อนค่าและแข็งค่าของสกุลเงินนั้น ก็เป็นวัฏจักรเศรษฐกิจ
แต่ก็ต้องไม่ผันผวนขึ้นลงแรงเกินไป
ซึ่งหากผันผวนมากเกินไป
ก็เป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่ต้องเข้ามาดูแลค่าเงินให้มีเสถียรภาพมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพราะเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ส่งออก ผู้นำเข้า นักลงทุน ไปจนถึงชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยทุกคนด้วย เช่นกัน..
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.bot.or.th/Thai/FinancialMarkets/ForeignExchangeRegulations/Pages/Sevenfact.aspx
-https://www.tnnthailand.com/news/wehttps://tradereport.moc.go.th/Report/Default.aspx?Report=MenucomTopNCountry&Option=2&Lang=Th&ImExType=0alth/29317/
-https://www.pdmo.go.th/th/public-debt/debt-outstanding?ft=monthly&ms=9&ys=2021&me=9&ye=2022
-https://oilprice.com/oil-price-charts/
-https://tradereport.moc.go.th/Report/Default.aspx?Report=MenucomTopNCountry&Option=1&Lang=Th&ImExType=1
-https://tradereport.moc.go.th/Report/Default.aspx?Report=MenucomTopNCountry&Option=2&Lang=Th&ImExType=0
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon