ทำไมบริษัทเคมีภัณฑ์อย่าง GC ถึงใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด

ทำไมบริษัทเคมีภัณฑ์อย่าง GC ถึงใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด

GC x ลงทุนแมน
หากพูดถึง ปตท. หลายคนอาจจะนึกถึงธุรกิจพลังงานและสถานีบริการน้ำมัน
นั่นเพราะเป็นธุรกิจที่เรารู้สึกว่าเป็นเรื่องใกล้ตัว
แต่รู้หรือไม่.. ยังมีอีกบริษัทหนึ่งของกลุ่ม ปตท. ที่ทำธุรกิจใกล้ตัวเราอย่างคาดไม่ถึง
ที่น่าสนใจคือ ยังเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้มหาศาล โดยในปีที่ผ่านมามีรายได้ 491,490 ล้านบาท
บริษัทที่ ลงทุนแมน กำลังพูดถึงคือ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC
โดยปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าหลักทรัพย์ 211,915 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 19 พ.ค. 65)
พอเห็นข้อมูลตรงนี้ หลายคนก็น่าจะเกิดคำถามว่า PTTGC คือใคร ?
แล้วธุรกิจของ PTTGC นั้น เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว บริษัท ปตท. เคมิคอล จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) ต่างก็เป็นบริษัทในเครือของ ปตท. มาควบรวมกันเป็น PTTGC หรือ GC
โดยเป้าหมายการควบรวมก็เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว
เพื่อก้าวไปสู่ผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับโลก
ปัจจุบัน GC มีกำลังการผลิตปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์สูงถึง 14 ล้านตันต่อปี
นับเป็นบริษัทที่มีกำลังการผลิตปิโตรเคมีครบวงจรชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยสามารถแบ่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์เหล่านี้ได้เป็น 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ดังนี้
1.กลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมพื้นฐานและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้น
2.กลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นกลาง
3.กลุ่มผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์และเคมีภัณฑ์
4.กลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพและผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน
5.ธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ
ทีนี้หลายคนอาจสงสัยว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้ของ GC จะเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ?
รู้หรือไม่ว่า GC นั้นทำธุรกิจ B2B ซึ่งมีคู่ค้าและซัปพลายเออร์กว่า 1,000 ราย
ที่จะนำผลิตภัณฑ์จาก GC มาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าต่าง ๆ มากมายรอบตัวเรา
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจน ก็เช่น

เม็ดพลาสติกโพลิเมอร์ชนิดต่าง ๆ จะถูกนำไปผลิตเป็นแพ็กเกจจิ้งเพื่อบรรจุสินค้าอุปโภคบริโภค
ไม่ว่าจะเป็นขวดแชมพู ขวดสบู่เหลว ขวดนม และยังไปเป็นบรรจุภัณฑ์อื่น ๆ อีกมากมาย
รวมถึงยังมีผลิตภัณฑ์ที่นำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตสารพัดชิ้นสำคัญที่ใช้ในอุตสาหกรรมมากมาย
เช่น อุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ อุตสาหกรรมอุปกรณ์การเกษตร อุตสาหกรรมก่อสร้าง และอุตสาหกรรมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์สื่อสารต่าง ๆ
นอกจากที่กล่าวไปแล้วนั้น GC ยังมีผลิตภัณฑ์ที่สอดรับกับแนวโน้มการดูแลสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน
อย่างการผลิตและจำหน่ายพลาสติกชีวภาพ ที่มีวัตถุดิบในการผลิตจากข้าวโพดและผลผลิตการเกษตร
ที่ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
โดยพลาสติกชีวภาพนั้นก็จะนำไปผลิต แก้วกาแฟ หลอดกาแฟ แคปซูลกาแฟ
บรรจุภัณฑ์ใส่อาหาร ถุงพลาสติกชีวภาพ เป็นต้น
พอเห็นข้อมูลตรงนี้ ก็น่าจะพอเห็นภาพแล้วว่า ในแต่ละวันที่เราใช้สินค้าหรือบริการต่าง ๆ
ก็จะมีวัตถุดิบหรือส่วนประกอบมาจากธุรกิจของ GC ด้วยนั่นเอง
ขณะเดียวกัน GC ก็ยังขยายธุรกิจไปยังหลายประเทศทั่วโลก
จนปัจจุบันรายได้ในต่างประเทศอยู่ที่ราว ๆ 40% จากรายได้ทั้งหมด
ที่น่าสนใจก็คือ เมื่อปลายปี 2564 GC ได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท allnex ในประเทศเยอรมนี
ผู้นำในธุรกิจผลิตและจำหน่ายสารเคลือบผิวอุตสาหกรรมและสารเติมแต่งสำหรับใช้กับวัสดุและพื้นผิวทุกประเภท โดยปัจจุบัน allnex มีฐานการผลิตกว่า 34 แห่งใน 18 ประเทศทั่วโลก
ตรงนี้เองที่จะทำให้ GC มีความแข็งแกร่งในธุรกิจต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว
และด้วยการเป็นธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่หลากหลาย และมีตลาดทั้งในและต่างประเทศ จนถึงมีการพัฒนาเทคโนโลยีในการผลิตอย่างต่อเนื่อง
จึงทำให้ GC มีผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ปี 2561 รายได้ 522,332 ล้านบาท กำไรสุทธิ 40,069 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 415,160 ล้านบาท กำไรสุทธิ 11,682 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 331,571 ล้านบาท กำไรสุทธิ 200 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้ 491,490 ล้านบาท กำไรสุทธิ 44,982 ล้านบาท
ปี 2565 (ไตรมาสที่ 1) รายได้ 177,578 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,212 ล้านบาท
นอกจากรายได้ที่เติบโต GC ยังเป็นบริษัทไทยที่ได้ดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) ให้เป็นอันดับ 1 ของโลกในนกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์ถึง 3 ปีซ้อน
โดยล่าสุด GC ตั้งเป้าไว้ว่า จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 20% ภายในปี 2573
และมุ่งสู่เป้าหมาย net zero เมื่อถึงปี 2593 หรืออีก 28 ปีข้างหน้า
พอเป็นแบบนี้ ทำให้บริษัทมีสารพัดนโยบายมากมาย เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายดังกล่าว
ตัวอย่างที่น่าสนใจก็เช่น
- การใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัยเพื่อลด CO2 ให้น้อยที่สุด
จนถึงการพึ่งพากลุ่มพลังงานสะอาดมาขับเคลื่อนการผลิต เช่น การผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ และการอนุรักษ์พลังงาน
- การเพิ่มสัดส่วนธุรกิจในการลงทุนสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ เช่น การลงทุนในเม็ดพลาสติกชีวภาพ (bioplastic) และเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง (กลุ่มผลิตภัณฑ์ Recycle พลาสติก)
- สารพัดโครงการสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างการดูดซับ CO2
เช่น การดักจับและกักเก็บคาบอร์บอนด้วยเทคโนโลยี Carbon Capture and Storage
และ การชดเชยจากธรรมชาติโดยการปลูกป่า ฟื้นฟูป่า เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ก็จะหันมาผลิตเคมีภัณฑ์และแพ็กเกจจิงต่าง ๆ ที่มีนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ถึงตรงนี้ ก็น่าจะเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมาย
เมื่อหลายคนมักจะคิดว่า บริษัทปิโตรเคมีนั้น เป็นอะไรที่ห่างไกลตัวเรา
แต่จริง ๆ แล้วแทบจะทุกการเคลื่อนไหวในชีวิตเรา ต่างต้องสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ในชีวิตประจำวันอย่างใกล้ตัว
ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ GC รับรู้มานาน และพยายามที่จะคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่เสมอ
เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไป แถมยังคิดเผื่อไปถึงสุขภาพสิ่งแวดล้อมของโลกใบนี้
ภายใต้แนวคิด แนวคิด “GC Chemistry for Better Living” หรือ “ยิ่งใกล้คุณยิ่งต้องดี”
ที่ทุกกระบวนการผลิตและการทำงานภายในบริษัทจะใช้ทรัพยกรคุ้มค่าและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เป้าหมายเพือสร้างผลิตภัณฑ์ที่เหนือความคาดหมายให้แก่ผู้บริโภคและสุขภาพของโลกใบนี
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ..
ล่าสุดทาง GC เตรียมเสนอขายหุ้นกู้อายุ 7 ปี ขั้นต่ำ 100,000 บาท โดยมีการจัดเรตติงให้เป็นหุ้นกู้ที่มีความน่าเชื่อถือระดับ AA+ ทั้งนี้ กลุ่มผู้สูงวัย มีสิทธิ์จองซื้อก่อน..
Reference
- แบบ 56-1 One Report บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)
Tag: PTTGCGC
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon