Aston Martin แบรนด์รถยนต์หรูอายุ 114 ปี จากอังกฤษ
Aston Martin แบรนด์รถยนต์หรูอายุ 114 ปี จากอังกฤษ /โดย ลงทุนแมน
หากพูดถึงแบรนด์รถยนต์ที่มีประวัติมายาวนานเกินกว่าร้อยปี
หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ “Aston Martin” แบรนด์รถยนต์หรูสัญชาติอังกฤษ
ในปัจจุบัน Aston Martin ไม่ได้มีเจ้าของเป็นชาวอังกฤษอีกแล้ว แต่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นมหาเศรษฐีชาวแคนาดา ชื่อคุณ Lawrence Stroll เจ้าของทีมแข่งรถ F1 แถมยังมีผู้ถือหุ้นใหญ่อีกราย เป็น Mercedes-Benz Group เครือรถยนต์หรูสัญชาติเยอรมัน
แล้วเรื่องราวของ Aston Martin เป็นมาอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 2 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เรื่องราวของ Aston Martin เกิดขึ้นที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในปี 1908 หรือราว 114 ปีก่อน
หากพูดถึงแบรนด์รถยนต์ที่มีประวัติมายาวนานเกินกว่าร้อยปี
หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ “Aston Martin” แบรนด์รถยนต์หรูสัญชาติอังกฤษ
ในปัจจุบัน Aston Martin ไม่ได้มีเจ้าของเป็นชาวอังกฤษอีกแล้ว แต่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นมหาเศรษฐีชาวแคนาดา ชื่อคุณ Lawrence Stroll เจ้าของทีมแข่งรถ F1 แถมยังมีผู้ถือหุ้นใหญ่อีกราย เป็น Mercedes-Benz Group เครือรถยนต์หรูสัญชาติเยอรมัน
แล้วเรื่องราวของ Aston Martin เป็นมาอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 2 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เรื่องราวของ Aston Martin เกิดขึ้นที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในปี 1908 หรือราว 114 ปีก่อน
คุณ Lionel Martin วิศวกรและนักแข่งรถ และคุณ Robert Bamford ซึ่งก็เป็นวิศวกร ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัท “Bamford & Martin” เพื่อประกอบธุรกิจอู่ซ่อมรถ และดีลเลอร์รถยนต์ Singer แบรนด์เก่าแก่อีกแบรนด์ของประเทศอังกฤษ
ด้วยความหลงใหลในความเร็วเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทั้งคู่จึงได้ร่วมกันพัฒนารถยนต์ขึ้นมา มีชื่อว่า “Coal Scuttle” เพื่อเข้าร่วมการแข่งรถที่หุบเขา Aston Clinton
ซึ่งการแข่งขันรถครั้งนั้น จบลงด้วยชัยชนะของทั้งสองคน โดยพวกเขาสามารถเอาชนะค่ายรถหรูร่วมประเทศทั้ง Stutz และ Bentley ทำให้ในเวลาต่อมา ทั้งคู่ได้กลายมาเป็นที่รู้จักในวงการยานยนต์มากขึ้น
พอเป็นแบบนี้ คุณ Lionel Martin และคุณ Robert Bamford จึงเกิดไอเดียที่จะนำ Coal Scuttle มาพัฒนาและผลิตเพื่อขายในเชิงพาณิชย์ ภายใต้แนวคิด เป็นแบรนด์รถที่สะท้อนตัวตนของผู้ขับขี่ ที่แสดงถึงความหรูหราและสง่างาม
จนได้เริ่มต้นพัฒนารถตัวต้นแบบจนสำเร็จ ในปี 1915 และเตรียมที่จะผลิตเพื่อขายสู่ท้องตลาด
แต่โชคไม่ดีนัก เพราะในวันที่ทั้งคู่พร้อมผลิต ดันมาเกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ทำให้ต้องชะลอแผนธุรกิจออกไปก่อน
เรื่องนี้ยังได้ส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของบริษัท Bamford & Martin ที่ย่ำแย่ลงอย่างมาก จนเสี่ยงต่อการล้มละลาย
แต่ในความโชคร้าย ก็พอมีความโชคดีอยู่บ้างที่ Bamford & Martin ได้รับความช่วยเหลือทางด้านการเงินจากคุณ Louis Zborowski ผู้ที่ชื่นชอบความเร็วเป็นชีวิตจิตใจ ทำให้บริษัทยังคงสามารถประคองธุรกิจต่อไปได้
ในขณะเดียวกัน คุณ Lionel Martin ก็ได้ขอซื้อหุ้นจากคุณ Robert Bamford เพื่อคุมอำนาจในการบริหารบริษัททั้งหมด
จนมาในปี 1920 สถานการณ์ของสงครามโลกครั้งที่หนึ่งดีขึ้น
การผลิตรถสู่ท้องตลาดจึงกลับมาเริ่มต้นขึ้น
ภายใต้บริษัทที่ชื่อว่า “Aston Martin”
การผลิตรถสู่ท้องตลาดจึงกลับมาเริ่มต้นขึ้น
ภายใต้บริษัทที่ชื่อว่า “Aston Martin”
โดยที่มาของชื่อแบรนด์ มาจากการนำชื่อของหุบเขาที่บริษัทเคยคว้าชัยชนะในสนามแข่งรถมาได้ มารวมกับชื่อของคุณ Lionel Martin นั่นเอง
ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัว แต่ Aston Martin กลับต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะล้มละลายอีกครั้ง
จากการที่บริษัทผลิตรถออกมาวางขายกว่า 50 รุ่น และด้วยจำนวนรุ่นของรถที่มากเกินไป จึงไม่มีใครสามารถจดจำเอกลักษณ์ของแบรนด์ Aston Martin ได้เลย
อีกทั้งบริษัทยังไม่สามารถจัดการกับต้นทุนในการผลิต ได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ก่อให้เกิดปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ผู้สนับสนุนเงินทุนอย่างคุณ Louis Zborowski ก็ได้เสียชีวิตไปอย่างกะทันหัน
จนในปี 1926 Aston Martin จึงถูกขายกิจการ และตกไปอยู่ในมือของคุณ Lady Charnwood ซึ่งเขาก็ได้มีการปรับสายการผลิตบางส่วน ไปผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน พร้อมกับเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “Aston Martin Motors”
ส่งผลให้ ณ ขณะนั้น คุณ Lionel Martin ผู้ก่อตั้ง Aston Martin ไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อีกต่อไป โดยเขาได้ทำงานในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเทคนิคต่ออีกเพียง 2 ปี แล้วก็ลาออกจากบริษัทไปในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ภายใต้การบริหารบริษัทของคุณ Lady Charnwood
ก็ยังไม่สามารถทำให้ Aston Martin Motors กลับมาทำกำไรได้
ก็ยังไม่สามารถทำให้ Aston Martin Motors กลับมาทำกำไรได้
Aston Martin Motors จึงได้ถูกขายกิจการอีกครั้ง ให้กับคุณ Bill Renwick และคุณ Augustus Bertelli
ซึ่งทั้งสองคนนี้เอง กลายเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยพลิกฟื้น Aston Martin Motors ให้กลับมามีจุดยืนในอุตสาหกรรมยานยนต์ได้อีกครั้ง
พวกเขาได้เข้ามาปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ ชูเรื่องการออกแบบ และสมรรถนะของรถ
หนึ่งในนั้นก็คือการส่งรถเข้าร่วมการแข่งขันในปี 1928 รายการ 24 Hours of Le Mans ที่มีการแข่งขันต่อเนื่องยาวนานถึง 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งทาง Aston Martin Motors ก็ได้รับชัยชนะ
รวมถึงหันไปโฟกัสกลุ่มธุรกิจรถสปอร์ต เพื่อให้สะท้อนถึงตัวตนของแบรนด์ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากรถแข่ง
ในเวลาต่อมา สงครามโลกครั้งที่สองได้เกิดขึ้น ทำให้บริษัทประสบปัญหาด้านฐานะทางการเงินอีกครั้ง Aston Martin Motors จึงได้ถูกซื้อกิจการในปี 1950
โดยคุณ David Brown มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทเครื่องจักรทางการเกษตรผู้ทรงอิทธิพล
ซึ่งเขาก็ได้ซื้อกิจการค่ายรถ “Lagonda” มาควบรวมกับทาง Aston Martin Motors กลายมาเป็นชื่อ “Aston Martin Lagonda”
ภายใต้การบริหารของคุณ David Brown ได้มีการพัฒนาโมเดลรถสปอร์ตที่ชื่อว่า “DB” ที่มาของชื่อโมเดลก็มาจากชื่อของเขานั่นเอง
โดยมีรุ่นอย่าง “DB5” ที่ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์สายลับระดับโลก James Bond ภาค Goldfinger ในปี 1964 ซึ่งก็ได้สร้างชื่อเสียงให้ Aston Martin Lagonda โด่งดังไปทั่วโลก
จนมาในปี 1991 Aston Martin Lagonda ก็ได้ถูกซื้อกิจการจาก Ford Motor ค่ายรถยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน
โดย Ford Motor เล็งเห็นถึงศักยภาพของแบรนด์ แต่ธุรกิจยังขาดประสิทธิภาพในการผลิต
Ford Motor จึงจะอาศัยความได้เปรียบเรื่องความเชี่ยวชาญ ในการบริหารต้นทุนเข้าไปแก้ปัญหาดังกล่าว
แต่ปัญหาของ Aston Martin Lagonda ดันใหญ่กว่าที่ทาง Ford Motor คาดไว้
ท้ายที่สุด Ford Motor จึงต้องจำใจขายธุรกิจนี้ออกไป
ให้กับคุณ David Richards มหาเศรษฐีชาวอังกฤษ ในปี 2006
ให้กับคุณ David Richards มหาเศรษฐีชาวอังกฤษ ในปี 2006
มาในปี 2018 คุณ David Richards ก็ได้นำบริษัทจดทะเบียนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน
โดยใช้ชื่อว่า “Aston Martin Lagonda Global Holdings”
แต่บริษัท ก็ยังคงประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่อง
แต่บริษัท ก็ยังคงประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่อง
จนในปี 2020 คุณ Lawrence Stroll มหาเศรษฐีชาวแคนาดา เจ้าของทีมแข่งรถ F1 ก็ได้เข้ามาไล่ซื้อหุ้น จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นหลัก พร้อมกับนั่งตำแหน่งประธานบริษัท และวางเป้าหมายที่จะนำพา Aston Martin Lagonda Global Holdings กลับมาสร้างกำไรให้ได้อีกครั้ง
นอกจากนั้น ทีมแข่งรถ Racing Point F1 ที่คุณ Lawrence Stroll เป็นเจ้าของอยู่ ก็ได้ถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Aston Martin ในฤดูกาลการแข่งขันในปี 2021 ที่ผ่านมาอีกด้วย
และในปีเดียวกันนี้เอง Mercedes-Benz แบรนด์รถหรูจากเยอรมนี ได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนเพิ่มเติม
จากที่ก่อนหน้านั้น เคยลงทุนไปแล้วเมื่อปี 2013 เพื่อแชร์เทคโนโลยีนวัตกรรมยานยนต์ต่าง ๆ ระหว่างกัน
รวมถึง Mercedes-Benz ได้ส่งอดีตผู้บริหารมือดี อย่างคุณ Tobias Moers มานั่งตำแหน่ง CEO บริษัท เพื่อกู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น
เราลองไปดูผลประกอบการที่ผ่านมากันบ้าง
ปี 2019 รายได้ 43,881 ล้านบาท ขาดทุน 4,981 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 26,919 ล้านบาท ขาดทุน 18,449 ล้านบาท
ปี 2021 รายได้ 48,193 ล้านบาท ขาดทุน 8,430 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 26,919 ล้านบาท ขาดทุน 18,449 ล้านบาท
ปี 2021 รายได้ 48,193 ล้านบาท ขาดทุน 8,430 ล้านบาท
โดยรายได้ของบริษัทจะมาจาก
- ยานยนต์ 92%
- อะไหล่ 6%
- อื่น ๆ 2%
- ยานยนต์ 92%
- อะไหล่ 6%
- อื่น ๆ 2%
ถ้าเรามาดูจำนวนรถที่ส่งมอบ ในช่วงที่ผ่านมา
ปี 2019 จำนวน 5,862 คัน
ปี 2020 จำนวน 3,394 คัน
ปี 2021 จำนวน 6,178 คัน
ปี 2020 จำนวน 3,394 คัน
ปี 2021 จำนวน 6,178 คัน
แบ่งเป็น รถเอสยูวี 49% รถจีที 26% รถสปอร์ต 24% และอื่น ๆ 1%
แม้เราจะเห็นว่าบริษัทเริ่มมีรายได้เพิ่มขึ้น และกลับมาส่งมอบรถยนต์ได้มากขึ้นแล้ว
แต่ด้วยความที่บริษัทยังประสบผลขาดทุนอย่างหนัก บวกกับผลกระทบจากโรคระบาดที่ผ่านมา ที่ทำให้หลายบริษัทในอุตสาหกรรมยานยนต์ ต้องเจอกับปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบสำหรับการผลิต
รวมถึงเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้า ที่ยังต้องมีต้นทุนในการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการวางโครงสร้างพื้นฐานใหม่ไว้สูง ตลาดจึงมองว่า Aston Martin จะยังไม่สามารถกลับมาทำกำไรได้ในเร็ว ๆ นี้
ปัจจุบัน Aston Martin Lagonda Global Holdings มีมูลค่าบริษัทเพียง 43,000 ล้านบาท ลดลงมามากถึง 92% เมื่อเทียบกับ 4 ปีก่อน หรือ ณ วันที่จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
เราก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า
ทั้งคุณ Lawrence Stroll รวมถึง Mercedes-Benz
จะพาแบรนด์รถหรูสัญชาติอังกฤษ ผ่านวิกฤติในตอนนี้ไปได้
เหมือนที่บริษัทเคยเกือบล้มละลายในช่วงสงครามโลกทั้งสองครั้ง แต่ท้ายที่สุด ก็สามารถผ่านมาได้จนถึงปัจจุบัน..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 2 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://amsc-prod-cd.azureedge.net/-/media/corporate/documents/annual-reports/aston-martin-lagonda-global-holdings-plc-annual-report-2021.pdf?rev=28bd14cf04634b888d914b32a783f2bf&hash=08BCE7B57DD899A69FEC934CF8F3D24E
-https://amsc-prod-cd.azureedge.net/-/media/corporate/documents/results-centre/2021---results-centre/fy---2021/aston-martin-lagonda-fy-2021-results---presentation.pdf?rev=b6aff33e29964b988d0882b4280a2750
-https://myautoworld.com/astonmartin/cars/history/historic-1915/historic-1915.html
-https://www.luxuryabode.com/blog/aston-martin--inspiring-brand-story-of-a-true-luxury-car/artid67
-https://finance.yahoo.com/news/kind-shareholders-hold-majority-aston-003552714.html
-https://www.bbc.com/news/business-51323241
ทั้งคุณ Lawrence Stroll รวมถึง Mercedes-Benz
จะพาแบรนด์รถหรูสัญชาติอังกฤษ ผ่านวิกฤติในตอนนี้ไปได้
เหมือนที่บริษัทเคยเกือบล้มละลายในช่วงสงครามโลกทั้งสองครั้ง แต่ท้ายที่สุด ก็สามารถผ่านมาได้จนถึงปัจจุบัน..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 2 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://amsc-prod-cd.azureedge.net/-/media/corporate/documents/annual-reports/aston-martin-lagonda-global-holdings-plc-annual-report-2021.pdf?rev=28bd14cf04634b888d914b32a783f2bf&hash=08BCE7B57DD899A69FEC934CF8F3D24E
-https://amsc-prod-cd.azureedge.net/-/media/corporate/documents/results-centre/2021---results-centre/fy---2021/aston-martin-lagonda-fy-2021-results---presentation.pdf?rev=b6aff33e29964b988d0882b4280a2750
-https://myautoworld.com/astonmartin/cars/history/historic-1915/historic-1915.html
-https://www.luxuryabode.com/blog/aston-martin--inspiring-brand-story-of-a-true-luxury-car/artid67
-https://finance.yahoo.com/news/kind-shareholders-hold-majority-aston-003552714.html
-https://www.bbc.com/news/business-51323241