เฟซบุ๊กจะปรับหน้าฟีด ให้เห็นเพื่อนน้อยลง

เฟซบุ๊กจะปรับหน้าฟีด ให้เห็นเพื่อนน้อยลง

เฟซบุ๊กจะปรับหน้าฟีด ให้เห็นเพื่อนน้อยลง /โดย ลงทุนแมน
เฟซบุ๊กประกาศเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่เราในฐานะผู้ใช้งาน และคนทำเพจควรจะรู้
โดยต่อไปเฟซบุ๊กจะให้ความสำคัญกับการมองเห็นเรื่องจากเพื่อนในโซเชียลน้อยลง
และก็จะลดบทบาทของเพจที่เราติดตามด้วย
แต่จะไปเน้นการแนะนำจากระบบ AI ที่เฟซบุ๊กตั้งชื่อใหม่ว่า “Discovery Engine” หรือเครื่องยนต์แห่งการสำรวจ ซึ่งเฟซบุ๊กจะลงทุนในระบบนี้มูลค่าหลายแสนล้านบาท
แล้วทำไมเฟซบุ๊กต้องรีบเปลี่ยนแปลงอะไรแบบนี้
ตอนนี้เฟซบุ๊กกำลังคิดอะไรอยู่ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 2 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ภายหลังจาก Meta เจ้าของเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม ได้รายงานผลประกอบการไปเมื่อเช้ามืดวันนี้ โดยบริษัทมีรายได้เติบโตต่ำสุด เป็นประวัติการณ์
ผู้ก่อตั้งบริษัทอย่างมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ก็ได้มีการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเพิ่มเติม ความยาวประมาณ 3 หน้ากระดาษ เพื่อแชร์แนวทางในการดำเนินธุรกิจในอนาคต
ลงทุนแมนลองอ่านดูแล้ว คิดว่ามันสำคัญมาก ๆ
เพราะเฟซบุ๊กนับเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลักของคนไทย
เป็นโซเชียลมีเดียใหญ่สุด มีคนเล่นเกินกว่า 1 ใน 3 ของประชากรทั้งโลก
เรามาดูกันว่า มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก โพสต์อะไรไปบ้าง ?
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เล่าว่าในไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทได้เจอกับความท้าทายหลายอย่าง
ทั้งที่เกิดขึ้นกับบริษัทเอง เช่น แพลตฟอร์มวิดีโอสั้น หรือ Reels ที่ยังคงไม่สามารถหารายได้ได้
และที่เกี่ยวข้องกับทั้งอุตสาหกรรมเลยก็คือ การปรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของ iOS หรือระบบปฏิบัติการของแอปเปิล ที่ต่อไปเฟซบุ๊กจะไม่สามารถ Track ความสนใจของผู้ใช้งานภายนอกแอปได้แล้ว
รวมถึงความท้าทายอื่น ๆ อีก เช่น การชะลอตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ที่เติบโตในช่วงโควิด แต่ตอนนี้ลดลงมาสู่ระดับปกติ
หรือแม้กระทั่งสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย ที่นำไปสู่การบล็อกเฟซบุ๊กจากรัฐบาลรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม จากที่เห็นว่ารายได้ของบริษัทเติบโตขึ้นมากในปีก่อน ทำให้เฟซบุ๊กตัดสินใจเร่งลงทุนในหลาย ๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงธุรกิจใหม่ Reality Labs ที่เกี่ยวกับ Metaverse
โดยบริษัทก็ยังเชื่อว่าการลงทุนเหล่านี้ จะเป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จในอนาคต แต่จากอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลง เฟซบุ๊กก็เลยจะ “ชะลอ” การลงทุนในบางโครงการ
ต่อมา มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ก็ยังได้แชร์ถึงเรื่องธุรกิจของ Meta
โดยเขาได้แบ่งธุรกิจออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรก ก็คือ Family of Apps เช่น เฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม
อีกส่วน ก็คือ Reality Labs หรือกลุ่มแว่น VR
เขามองว่าธุรกิจกลุ่มแรก ที่มีรายได้มาจากการโฆษณา ยังคงรักษาการเติบโตได้ดี และยังคงมีความสามารถในการทำกำไรที่สูง
ในขณะที่ Reality Labs เต็มไปด้วยการลงทุนมหาศาล แต่ก็ยังต้องลงทุน เพราะเชื่อว่ามันเป็นส่วนสำคัญเพื่อบรรลุเป้าหมายของบริษัท
อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้ยอมรับว่ามันมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ในการพัฒนาสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนบนโลกนี้ให้สำเร็จ จึงเป็นที่มาของการปรับกลยุทธ์การลงทุนใหม่ในช่วงต่อจากนี้
โดยก่อนหน้านี้ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก มีความคิดที่จะนำกำไรส่วนเกินจากการดำเนินธุรกิจ Family of Apps มาสนับสนุนการลงทุนในธุรกิจ Reality Labs โดยที่ยังสามารถทำให้กำไรของทั้งบริษัทเติบโตได้อยู่
แต่พอรายได้ชะลอตัวลง กำไรปีนี้ก็อาจจะไม่เติบโต แต่ในระยะยาว เขาเชื่อว่ามันจะเป็นผลดีต่อบริษัท
ทีนี้ เรามาดูกันว่าการลงทุนของเฟซบุ๊ก ต่อจากนี้มีอะไรบ้าง ?
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก บอกว่าบริษัทจะให้ความสำคัญกับการลงทุนใน 3 ส่วน
1. Reels
2. โฆษณา
3. Metaverse
เริ่มกันที่ “การลงทุนใน Reels”
โดยมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก บอกว่าเขาเห็น 2 เทรนด์หลัก
บนโลกโซเชียลมีเดียตอนนี้เลย ก็คือ
- ความฮิตของวิดีโอสั้น
- ความก้าวหน้าของระบบการแนะนำคอนเทนต์ด้วย AI
(คนที่อยู่ในวงการ จะรู้สึกชัดเจนว่า สองเรื่องนี้เป็นจุดเด่นของ TikTok และซักเคอร์เบิร์กกำลังเห็นมัน)
โดยเขาได้ย้อนกลับไปว่า ตั้งแต่สร้างเฟซบุ๊กมา 18 ปี
เขาได้เห็นการเปลี่ยนแปลงมาแล้วหลายอย่างในอุตสาหกรรมสื่อ
เฟซบุ๊กเริ่มจากการเป็นเว็บไซต์ ที่มีเพียงตัวอักษรและข้อความ
หลังจากนั้น เราก็เริ่มใช้โทรศัพท์ที่มีกล้อง ทำให้เราเริ่มนิยมใช้แอปบนมือถือ
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ด้วยความที่อินเทอร์เน็ตเร็วขึ้นมาก มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก มองว่าวิดีโอจะกลายเป็น “ช่องทางหลัก” ที่เราจะเสพสื่อออนไลน์
โดย “วิดีโอสั้น” เป็นประเภทคอนเทนต์ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ก็ได้แชร์ให้เห็นภาพว่า
ปัจจุบัน ผู้ใช้งานอินสตาแกรม ใช้เวลาไปกับฟีเชอร์ Reels 20%
และผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก ใช้เวลาไปกับคอนเทนต์วิดีโอ 50%
นอกเหนือจากความนิยมของวิดีโอสั้นแล้ว อีกการเปลี่ยนแปลงสำคัญบนฟีดของเรา
จากเดิมที่เราจะเห็นคอนเทนต์ที่เพื่อนโพสต์ เพื่อนแชร์ หรือเพจที่เราติดตาม
จะกลายมาเป็นการแนะนำจาก AI มากขึ้น แม้ว่ามันจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเพื่อน หรือผู้ที่เราติดตามเลยก็ตาม
แม้ว่าคอนเทนต์จากเพื่อน และเพจที่เราติดตาม จะทำให้เรามีส่วนร่วม และมันยังทำให้เฟซบุ๊กแตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่น แต่ถ้ามีระบบการแนะนำจาก AI เข้ามาช่วย จะทำให้เฟซบุ๊ก สามารถแนะนำคอนเทนต์ที่น่าสนใจหรือเป็นประโยชน์ ที่เราอาจจะพลาดไปได้
พอเรื่องเป็นแบบนี้ เขาจึงคิดว่า AI ที่เฟซบุ๊กกำลังพัฒนาขึ้นมา จะไม่ได้เป็นเพียงระบบการแนะนำคอนเทนต์สำหรับวิดีโอสั้นเท่านั้น
แต่มันจะเป็น “Discovery Engine” ที่จะช่วยให้เราเห็นโพสต์ทุกประเภท
ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอ บทความ ลิงก์ โพสต์กรุ๊ป คอนเทนต์ที่ถูกแชร์ต่อ ๆ กัน
หรือในอินสตาแกรม ก็จะเป็นทั้งรูปภาพ และวิดีโอไปเลย
โดยที่เขาเชื่อว่าการลงทุนใน AI รวมถึงคอนเทนต์ประเภทต่าง ๆ ที่มี จะทำให้สามารถสร้างแพลตฟอร์มที่ดีที่สุด เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน
จบเรื่องของ Reels
เรามาต่อกันที่เรื่องของ “การลงทุนในระบบโฆษณา”
ซึ่งในเรื่องนี้ ก็จะแบ่งออกเป็น 3 ประเด็นหลัก ๆ เริ่มจาก
Reels หรือวิดีโอสั้น ยังเป็นตัวฉุดที่ทำให้รายได้ไม่เติบโตมากนัก เพราะการหารายได้จากฟีเชอร์นี้ ยังน้อยว่าฟีดและ Stories แต่มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ก็ยังเชื่อว่ามันจะมีทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ
โดยเขาก็ได้ยกตัวอย่าง ย้อนกลับไปในปี 2012
ในวันที่เราอยู่ในยุครอยต่อระหว่างฟีดบนหน้าจอคอมพิวเตอร์กับฟีดบนสมาร์ตโฟน
ในตอนนั้น ฟีดบนสมาร์ตโฟนก็ยังคงไม่สามารถหารายได้ ได้เหมือนกัน
แต่พอเวลาผ่านไป พวกเขาก็ได้เรียนรู้ จนทุกวันนี้ ฟีดบนสมาร์ตโฟนก็ได้กลายมาเป็นช่องทางการหารายได้หลักของเราไปแล้ว
เหมือนกับในปี 2018 ที่เราเริ่มทำ Stories ซึ่งแน่นอนว่าในช่วงแรกก็ยังไม่สามารถหารายได้ แต่ก็ยังทำต่อไป และในที่สุดมันก็สำเร็จ
ดังนั้นพวกเขาก็จะทำเหมือนเดิม โฟกัสไปกับ Reels ที่เป็นส่วนสำคัญของระบบ Discovery Engine และจะเปลี่ยนให้มันกลายมาเป็นอีกช่องทางการหารายได้ ในที่สุด
โดยในช่วง 1 ถึง 2 ปีต่อจากนี้ พวกเราหวังว่าจะทำระบบการแนะนำให้ดีขึ้น ช่วยให้ผู้ที่เข้ามาโฆษณาได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น รวมถึงช่วยตัวเราเอง ให้มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย
สุดท้ายก็คือ “การลงทุนใน Metaverse”
ซึ่งเป็นทั้งโอกาสที่ใหญ่ที่สุด และท้าทายมากที่สุดไปพร้อม ๆ กัน
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก มองว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่จะสร้างแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในยุคถัดไปในโลก Metaverse โดยของเฟซบุ๊ก มันมีชื่อว่า “Horizon” ที่แม้จะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น
แต่ก็กำลังอยู่ในระหว่างการสร้างการรับรู้
เฟซบุ๊ก วางแผนที่จะเปิดตัว Horizon เวอร์ชันเว็บไซต์ในปีนี้ เพื่อให้เราเข้าไปสัมผัสประสบการณ์จากหลายช่องทางได้มากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ใด ๆ แล้ว และมีแผนที่จะเปิดตัวในเวอร์ชันอื่น ๆ เพิ่มเติม
ในขณะที่อีกโฟกัสสำหรับการลงทุนใน Metaverse ก็คือ การทำให้ Horizon มีระบบเศรษฐกิจด้วยตัวของมันเอง และสามารถช่วยเหลือกลุ่มผู้สร้างคอนเทนต์ ให้เข้ามาทำงานหารายได้จากที่แห่งนี้ได้ด้วย
ทั้งหมดนี้ ก็เป็นสรุปมุมมองทั้งหมด
จุดโฟกัสของมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก และเฟซบุ๊ก
หนึ่งในบริษัทที่น่าจะข้องเกี่ยวกับคนไทยมากที่สุด
ในเชิงของผู้ใช้งานเอง ที่อีกหน่อยเราอาจจะเห็นคอนเทนต์จากเพื่อนและเพจที่เราติดตามลดลง
แล้วเห็นสิ่งที่ระบบ AI นำเสนอให้เห็นมากขึ้น
ประเด็นสำคัญที่ลงทุนแมนให้ข้อคิดปิดท้ายก็คือ
ถ้าเฟซบุ๊กไว้ใจให้ AI แนะนำเรื่องที่เราจะเห็น มากกว่าสิ่งที่เราติดตาม
AI ก็จะพยายามนำเสนออะไรก็ได้
ที่จะพยายามดึงดูดความสนใจของเราให้อยู่กับมันนานที่สุด
ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องที่มีคุณค่า เป็นความจริง หรือไม่ก็ตาม
แน่นอนว่าเมื่อคนใช้งานเล่นนานขึ้น เฟซบุ๊กก็จะสามารถแทรกโฆษณาได้มากที่สุด
กำไรของเฟซบุ๊กจะเพิ่มมากขึ้นหลังจากนี้
และมีเงินเอาไปสร้างโลก Metaverse ในแบบที่เฟซบุ๊กอยากทำ
แต่ขณะเดียวกัน มันก็อาจแปลว่า
“มนุษย์” กำลังจะยินยอมให้ “หุ่นยนต์ AI” มีอำนาจเหนือสิ่งที่เราเลือก
สมองของมนุษย์กำลังค่อย ๆ ถูกระบบ Discovery Engine มูลค่าแสนล้านบาทของเฟซบุ๊กครอบงำไปอย่างช้า ๆ
ซึ่งบางทีมันอาจจะไม่ได้เป็นเรื่องของอนาคต
แต่มันกำลังเกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกคนแล้ว
ในตอนนี้..
Probably, we are already living in the Metaverse.
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 2 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
Reference
-https://www.facebook.com/zuck
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon