รู้จัก BitTorrent ต้นแบบแนวคิด กระจายศูนย์ ที่เกิดก่อน Bitcoin
รู้จัก BitTorrent ต้นแบบแนวคิด กระจายศูนย์ ที่เกิดก่อน Bitcoin /โดย ลงทุนแมน
ย้อนกลับไป 20 ปีก่อน เป็นยุคสมัยที่ข้อมูลเริ่มเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ภาพยนตร์ เพลง ไปจนถึงเกมคอมพิวเตอร์
ย้อนกลับไป 20 ปีก่อน เป็นยุคสมัยที่ข้อมูลเริ่มเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ภาพยนตร์ เพลง ไปจนถึงเกมคอมพิวเตอร์
แต่อุปสรรคสำคัญในตอนนั้น เป็นเรื่องไฟล์ข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ ทำให้การดาวน์โหลดข้อมูลทำได้ช้า
จนกระทั่งการมาถึงของ BitTorrent หรือแหล่งแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ที่เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ที่เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว
BitTorrent ก็ได้กลายมาเป็นที่นิยมอย่างมาก จนมีผู้ใช้งานมากกว่า 170 ล้านคนต่อเดือน
ซึ่งแนวคิดส่วนหนึ่งของ BitTorrent ก็เรียกได้ว่าคล้ายกับ Bitcoin ในเวลาต่อมา
ซึ่งแนวคิดส่วนหนึ่งของ BitTorrent ก็เรียกได้ว่าคล้ายกับ Bitcoin ในเวลาต่อมา
แล้วเรื่องราวของ BitTorrent เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 2 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจากชายที่ชื่อว่า “บราม โคเฮน”
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 2 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจากชายที่ชื่อว่า “บราม โคเฮน”
เขาเกิดเมื่อปี 1975 ในครอบครัวเล็ก ๆ ของชาวยิวในย่านแมนฮัตตัน มหานครนิวยอร์ก
พ่อของเขาทำงานด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์
ส่วนแม่มีอาชีพเป็นคุณครู
และเขามีน้องชายอีกคนหนึ่งที่ชื่อว่ารอส
พ่อของเขาทำงานด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์
ส่วนแม่มีอาชีพเป็นคุณครู
และเขามีน้องชายอีกคนหนึ่งที่ชื่อว่ารอส
เมื่อมองในเรื่องของครอบครัวแล้วก็ดูเป็นครอบครัวที่ปกติสุขทั่ว ๆ ไป
แต่ในชีวิตวัยเด็กของบราม โคเฮน นั้น มีความผิดปกติที่แตกต่างจากเด็กทั่วไปอยู่ 2 เรื่อง
แต่ในชีวิตวัยเด็กของบราม โคเฮน นั้น มีความผิดปกติที่แตกต่างจากเด็กทั่วไปอยู่ 2 เรื่อง
ความแตกต่างแรก ก็คือ เขาเป็นโรคแอสเพอร์เกอร์
ซึ่งเป็นความบกพร่องทางพัฒนาการรูปแบบหนึ่ง ที่มีอาการคล้ายกับผู้ป่วยออทิสติก
นั่นจึงทำให้เขามีปัญหาในการเข้าสังคมและการศึกษาในชั้นเรียนอย่างมาก
นั่นจึงทำให้เขามีปัญหาในการเข้าสังคมและการศึกษาในชั้นเรียนอย่างมาก
ความแตกต่างเรื่องที่สองคือ บราม โคเฮน เป็นเด็กที่มีความฉลาด จนอาจจะเข้าขั้นอัจฉริยะ
ในวัย 5 ขวบหรือปี 1980 เขาเริ่มศึกษาเรื่องการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์พื้นฐานได้แล้ว
โดยมีพ่อของเขาเป็นผู้สอน
ในวัย 5 ขวบหรือปี 1980 เขาเริ่มศึกษาเรื่องการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์พื้นฐานได้แล้ว
โดยมีพ่อของเขาเป็นผู้สอน
ซึ่งนอกจากประเด็นที่ว่าเขามีความสนใจที่แตกต่างจากเด็กทั่วไปแล้ว
ต้องไม่ลืมว่าในช่วงเวลานั้น ผู้คนทั่วโลกยังรู้จักคอมพิวเตอร์ในฐานะเครื่องคิดเลขขนาดใหญ่เท่านั้น
มีเพียงกลุ่มคนไม่กี่คน ที่สนใจเรื่องของการเขียนภาษาคอมพิวเตอร์
และเด็กวัย 5 ขวบคนนี้ก็กำลังเริ่มเรียนรู้เรื่องดังกล่าว
ต้องไม่ลืมว่าในช่วงเวลานั้น ผู้คนทั่วโลกยังรู้จักคอมพิวเตอร์ในฐานะเครื่องคิดเลขขนาดใหญ่เท่านั้น
มีเพียงกลุ่มคนไม่กี่คน ที่สนใจเรื่องของการเขียนภาษาคอมพิวเตอร์
และเด็กวัย 5 ขวบคนนี้ก็กำลังเริ่มเรียนรู้เรื่องดังกล่าว
จากการที่เขามีความเก่งด้านคณิตศาสตร์อย่างมาก ทำให้บราม โคเฮน เคยสอบผ่าน AIME ซึ่งเป็นการสอบคัดเลือกเพื่อเข้าสู่ค่ายคณิตศาสตร์โอลิมปิกของสหรัฐอเมริกา
โดยผู้ที่มีสิทธิ์สอบรายการ AIME ได้นั้น จะต้องมีคะแนนวิชาคณิตศาสตร์อยู่ในกลุ่ม 5% แรกที่ได้คะแนนสูงสุดในประเทศเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม บราม โคเฮน ก็ไม่ได้มีชีวิตที่โดดเด่นมากนัก และเขาเองก็เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยได้เพียง 2 ปี และก็ได้ตัดสินใจลาออก เพื่อเข้าทำงานในบริษัทที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ซึ่งเขาก็มีการเปลี่ยนงานอยู่หลายครั้งด้วยกัน จนกระทั่งได้เข้าทำงานที่ MOJO Nation
เป็นธุรกิจสตาร์ตอัป ที่กำลังพัฒนาระบบการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ เพื่อป้องกันการแฮกข้อมูล
โดยไอเดียของ MOJO Nation ก็คือพวกเขาจะทำการแบ่งไฟล์ข้อมูลออกเป็นหลาย ๆ ส่วน แล้วกระจายเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์มากกว่า 1 เครื่อง ทำให้การขโมยข้อมูลของแฮกเกอร์มีความยุ่งยากมากขึ้น
เพราะต้องเจาะระบบป้องกันของคอมพิวเตอร์มากกว่า 1 เครื่องจึงจะได้ข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์
เพราะต้องเจาะระบบป้องกันของคอมพิวเตอร์มากกว่า 1 เครื่องจึงจะได้ข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์
ด้วยไอเดียนี้เองที่จุดประกายให้กับ บราม โคเฮน ในการที่จะสร้างระบบการกระจายศูนย์ข้อมูล
เนื่องจากในช่วงปี 2000 แม้ว่าคอมพิวเตอร์และระบบอินเทอร์เน็ต
จะมีการเติบโตอย่างมาก ทั้งจำนวนผู้ใช้งานและขนาดของไฟล์
จะมีการเติบโตอย่างมาก ทั้งจำนวนผู้ใช้งานและขนาดของไฟล์
แต่ด้วยความที่ไฟล์เพลง ภาพยนตร์ และข้อมูลต่าง ๆ มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น
และระบบอินเทอร์เน็ตในเวลานั้น ยังล่าช้าและพัฒนาไม่ทัน
และระบบอินเทอร์เน็ตในเวลานั้น ยังล่าช้าและพัฒนาไม่ทัน
ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ เราต้องใช้ระยะเวลายาวนานมาก กว่าจะดาวน์โหลดได้สำเร็จ
ในปี 2001 บราม โคเฮน จึงได้เปิดตัวโปรแกรมรุ่นพัฒนาของ BitTorrent ออกมา
ซึ่งหลักการทำงานของเครือข่าย BitTorrent
ก็คือโปรแกรมจะทำการแบ่งข้อมูลที่ถูกอัปโหลดเข้าสู่ระบบออกเป็นหลายส่วน
จากนั้น เมื่อมีผู้ใช้งานดาวน์โหลดไฟล์ดังกล่าวลงเครื่องคอมพิวเตอร์ของตัวเอง
ก็คือโปรแกรมจะทำการแบ่งข้อมูลที่ถูกอัปโหลดเข้าสู่ระบบออกเป็นหลายส่วน
จากนั้น เมื่อมีผู้ใช้งานดาวน์โหลดไฟล์ดังกล่าวลงเครื่องคอมพิวเตอร์ของตัวเอง
โปรแกรมก็จะทำการปรับเปลี่ยนให้เครื่องที่ดาวน์โหลดข้อมูลไป สามารถที่จะส่งออกข้อมูลผ่านระบบอินเทอร์เน็ตไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์อื่น ๆ ที่ต้องการดาวน์โหลดข้อมูลเดียวกันได้
ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น หากเราต้องการดาวน์โหลดข้อมูล A ผ่านระบบ BitTorrent
โปรแกรมก็จะดาวน์โหลดข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์อื่น ๆ ที่มีข้อมูล A เหมือนกัน
โปรแกรมก็จะดาวน์โหลดข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์อื่น ๆ ที่มีข้อมูล A เหมือนกัน
ด้วยเครือข่ายของการรับส่งข้อมูลระหว่างกันนี้เอง
ทำให้การดาวน์โหลดข้อมูลทำได้รวดเร็วกว่าการดาวน์โหลดจากเครื่องคอมพิวเตอร์หรือเครื่องเซิร์ฟเวอร์เพียงเครื่องเดียว
ทำให้การดาวน์โหลดข้อมูลทำได้รวดเร็วกว่าการดาวน์โหลดจากเครื่องคอมพิวเตอร์หรือเครื่องเซิร์ฟเวอร์เพียงเครื่องเดียว
อย่างไรก็ตาม บราม โคเฮน เองเข้าใจดีว่าถึงแม้ตัวโปรแกรมที่ปล่อยออกมาจะสมบูรณ์แบบ และไม่มีปัญหาอะไรเลยในแง่ของการใช้งาน แต่สิ่งที่จะขับเคลื่อนให้โปรเจกต์นี้ประสบความสำเร็จได้ ก็คือการขยายตัวของฐานผู้ใช้งาน
เขาจึงได้ร่วมมือกับรูมเมตของเขาที่ชื่อ เลน แซสซาแมน เพื่อก่อตั้งงานประชุมวิชาการเกี่ยวกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่มีชื่อว่า “CodeCon” ขึ้นเพื่อใช้เป็นช่องทางในการนำเสนอโปรเจกต์ BitTorrent ต่อสาธารณะ
แต่เนื่องจากเทคโนโลยีการกระจายศูนย์ข้อมูล ยังเป็นเรื่องใหม่ในเวลานั้น
ผู้คนจึงยังมองไม่เห็นประโยชน์จากการเข้ามาใช้งานเทคโนโลยีดังกล่าว
ผู้คนจึงยังมองไม่เห็นประโยชน์จากการเข้ามาใช้งานเทคโนโลยีดังกล่าว
ทำให้ บราม โคเฮน ต้องอาศัยตัวล่อเพื่อที่จะดึงดูดผู้คนให้เข้ามาทดลองใช้งานโปรแกรมของเขา
และตัวล่อที่เขาเลือกใช้ก็คือ “นำภาพยนตร์ผู้ใหญ่” มาปล่อยให้ผู้ใช้งานเข้ามาดาวน์โหลดได้ฟรี
ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อว่าวิธีนี้ จะประสบความสำเร็จอย่างงดงาม..
และตัวล่อที่เขาเลือกใช้ก็คือ “นำภาพยนตร์ผู้ใหญ่” มาปล่อยให้ผู้ใช้งานเข้ามาดาวน์โหลดได้ฟรี
ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อว่าวิธีนี้ จะประสบความสำเร็จอย่างงดงาม..
หลังจากนั้น จำนวนผู้ที่ใช้งาน BitTorrent ก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
แต่เนื่องจาก บราม โคเฮน ไม่ต้องการให้บริการของเขากลายเป็นแหล่งของสื่อลามกอนาจาร
ทำให้ไม่นานนักเขาก็ถอดภาพยนตร์เหล่านั้น ออกไปจากเครือข่ายทั้งหมดของ BitTorrent
แต่เนื่องจาก บราม โคเฮน ไม่ต้องการให้บริการของเขากลายเป็นแหล่งของสื่อลามกอนาจาร
ทำให้ไม่นานนักเขาก็ถอดภาพยนตร์เหล่านั้น ออกไปจากเครือข่ายทั้งหมดของ BitTorrent
แต่ด้วยจำนวนผู้ใช้งานที่เข้ามา ต่างก็ได้สัมผัสถึงความเร็วของการดาวน์โหลดข้อมูล
ที่เร็วกว่าระบบอื่น ๆ ที่มีในขณะนั้น ทำให้จำนวนผู้ใช้งานของ BitTorrent เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ที่เร็วกว่าระบบอื่น ๆ ที่มีในขณะนั้น ทำให้จำนวนผู้ใช้งานของ BitTorrent เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
จนกระทั่งในปี 2004 บราม โคเฮน ก็ได้ตัดสินใจก่อตั้งบริษัทขึ้นมา
โดยมีน้องชายของเขา และแอชวิน นาวิน ที่เคยทำงานกับ Yahoo และมีประสบการณ์การทำงานในสายการเงินมาก่อน ได้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ BitTorrent สามารถระดมทุน ได้มากถึง 290 ล้านบาทในปี 2005
โดยโมเดลธุรกิจที่ บราม โคเฮน ตั้งใจไว้คือการพัฒนาให้ BitTorrent กลายเป็นแพลตฟอร์มสื่อบันเทิง
ที่ไม่ว่าจะเป็นค่ายเพลง ซีรีส์ ภาพยนตร์ รวมถึงศิลปินอิสระ ก็สามารถที่จะใช้เป็นช่องทางในการเผยแพร่ผลงานของตัวเอง โดยที่ BitTorrent จะเป็นผู้ให้บริการ และคิดค่าธรรมเนียม รวมถึงค่าโฆษณาบนแพลตฟอร์มเท่านั้น
เมื่อเวลาผ่านไป แม้เครือข่ายของ BitTorrent จะได้รับความนิยมและเติบโตอย่างรวดเร็ว จนถึงขนาดที่ว่ามีผู้ใช้งานกว่า 170 ล้านคนต่อเดือน และมีปริมาณการใช้ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตคิดเป็นกว่า 40% ของทั้งโลก
แต่กลับกลายเป็นว่าผู้ใช้งานพอเห็นว่า BitTorrent เป็นช่องทางการดาวน์โหลดฟรีได้ แทนที่มันจะกลายเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนข้อมูลขนาดใหญ่ของคนทั่วโลก กลับกลายเป็นว่า BitTorrent เต็มไปด้วยไฟล์เพลง ภาพยนตร์ ละเมิดลิขสิทธิ์..
แต่กลับกลายเป็นว่าผู้ใช้งานพอเห็นว่า BitTorrent เป็นช่องทางการดาวน์โหลดฟรีได้ แทนที่มันจะกลายเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนข้อมูลขนาดใหญ่ของคนทั่วโลก กลับกลายเป็นว่า BitTorrent เต็มไปด้วยไฟล์เพลง ภาพยนตร์ ละเมิดลิขสิทธิ์..
และถึงแม้จะมีการก่อตั้ง BitTorrent Entertainment Network ในปี 2007 เพื่อเป็นหน้าร้านสำหรับภาพยนตร์และเพลง แต่ก็ไม่เป็นที่นิยมจนสุดท้ายก็ได้ปิดตัวลงในปีต่อมา ทำให้รายได้ของ BitTorrent ในขณะนั้นจึงมีเพียงค่าโฆษณาของสินค้าและซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ที่ปรากฏบนหน้าต่างของโปรแกรม เท่านั้น
นอกจากจะไม่สามารถหารายได้ในฐานะแพลตฟอร์มเผยแพร่สื่อบันเทิงแล้ว
BitTorrent ยังโดนรุมฟ้องร้องในคดีละเมิดลิขสิทธิ์ทั้งจากค่ายภาพยนตร์ ค่ายเพลง และค่ายเกม
BitTorrent ยังโดนรุมฟ้องร้องในคดีละเมิดลิขสิทธิ์ทั้งจากค่ายภาพยนตร์ ค่ายเพลง และค่ายเกม
แต่ BitTorrent ก็รอดจากคดีเหล่านั้นมาได้ เนื่องจาก BitTorrent แย้งว่าเป็นเพียงแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้ผู้คนเข้ามาแบ่งปันไฟล์กันเท่านั้น โดยไม่ได้มีการโฆษณาหรือสนับสนุนให้กระทำการละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
ทำให้การฟ้องร้องเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ จึงต้องมุ่งเป้าไปที่ผู้ที่นำไฟล์มาเผยแพร่บนแพลตฟอร์มแทน
เมื่อเรื่องทุกอย่างดูไม่เป็นไปอย่างที่ บราม โคเฮน ตั้งใจไว้
สุดท้ายแล้ว เขาก็ได้ตัดสินใจขายบริษัทให้กับ TRON
เจ้าของระบบบล็อกเชนสำหรับพัฒนาแอปพลิเคชัน ด้วยมูลค่า 4,600 ล้านบาท
สุดท้ายแล้ว เขาก็ได้ตัดสินใจขายบริษัทให้กับ TRON
เจ้าของระบบบล็อกเชนสำหรับพัฒนาแอปพลิเคชัน ด้วยมูลค่า 4,600 ล้านบาท
หลังจากนั้น บราม โคเฮน ได้ก่อตั้งบริษัทใหม่ที่มีชื่อว่า Chia Network
บริษัทที่พัฒนา Chia เหรียญคริปโทเคอร์เรนซี ที่ใช้ฮาร์ดดิสก์ในการขุด ซึ่งแตกต่างจากการขุด Bitcoin และ Ethereum ที่ต้องใช้การประมวลผลของการ์ดจอ หรือเครื่อง ASIC ทำให้การขุดเหรียญ Chia จะใช้พลังงานน้อยกว่า
ถึงตรงนี้ แม้ว่า BitTorrent จะไม่ได้ประสบความสำเร็จและกลายเป็นบริษัท
ที่มีมูลค่ามหาศาลเหมือนบริษัทเทคโนโลยีชื่อดังรายอื่น
ที่มีมูลค่ามหาศาลเหมือนบริษัทเทคโนโลยีชื่อดังรายอื่น
แต่จากหลักการทำงานแบบกระจายศูนย์
ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับหลักการของคริปโทเคอร์เรนซี เช่น Bitcoin ในเวลาต่อมา
จึงอาจเป็นไปได้ว่า BitTorrent เป็นแรงบันดาลใจของผู้สร้าง Bitcoin นั่นเอง
ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับหลักการของคริปโทเคอร์เรนซี เช่น Bitcoin ในเวลาต่อมา
จึงอาจเป็นไปได้ว่า BitTorrent เป็นแรงบันดาลใจของผู้สร้าง Bitcoin นั่นเอง
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
ผู้คิดค้นบิตคอยน์ที่ชื่อ ซาโตชิ นากาโมโตะ เคยเปิดเผยว่าเกิดปี 1975
รู้หรือไม่ว่า บราม โคเฮน ก็เกิดปี 1975 เช่นเดียวกัน จึงทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าเขาอาจจะเป็นผู้คิดค้นบิตคอยน์ ตัวจริง ก็เป็นได้..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 2 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.wired.com/2017/01/the-inside-story-of-BitTorrents-bizarre-collapse/
-https://www.crunchbase.com/organization/BitTorrent/company_financials
-https://www.creativebloq.com/netmag/bram-cohen-5077189
-https://www.youtube.com/watch?v=Fkjps8Tcooo
-https://en.wikipedia.org/wiki/Bram_Cohen
-https://medium.com/the-capital/history-of-blockchain-part-4-bram-cohen-2001-5092e43a9bf6
-https://www.tnnthailand.com/news/tech/79692/
-https://thenextweb.com/news/bittorrent-tron-trx-cryptocurrency
-https://techcrunch.com/2018/06/18/bittorrent-tron/
รู้หรือไม่ว่า บราม โคเฮน ก็เกิดปี 1975 เช่นเดียวกัน จึงทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าเขาอาจจะเป็นผู้คิดค้นบิตคอยน์ ตัวจริง ก็เป็นได้..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 2 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.wired.com/2017/01/the-inside-story-of-BitTorrents-bizarre-collapse/
-https://www.crunchbase.com/organization/BitTorrent/company_financials
-https://www.creativebloq.com/netmag/bram-cohen-5077189
-https://www.youtube.com/watch?v=Fkjps8Tcooo
-https://en.wikipedia.org/wiki/Bram_Cohen
-https://medium.com/the-capital/history-of-blockchain-part-4-bram-cohen-2001-5092e43a9bf6
-https://www.tnnthailand.com/news/tech/79692/
-https://thenextweb.com/news/bittorrent-tron-trx-cryptocurrency
-https://techcrunch.com/2018/06/18/bittorrent-tron/