
รพ.เอกชัย รุกธุรกิจความงาม เข้าถือหุ้น THE KLINIQUE 165 ล้านบาท
รพ.เอกชัย รุกธุรกิจความงาม เข้าถือหุ้น THE KLINIQUE 165 ล้านบาท
เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่าจะเข้าซื้อหุ้นบริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน)
เจ้าของคลินิกเสริมความงามแบรนด์ “THE KLINIQUE”
เจ้าของคลินิกเสริมความงามแบรนด์ “THE KLINIQUE”
โดยจะเข้าซื้อจากผู้ถือหุ้นเดิม หรือบริษัท ทีเคคิวเอช แคปปิตอล แมนเนจเมนท์ จำกัด จำนวน 16,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 10% ของหุ้นทั้งหมดในบริษัท ด้วยมูลค่า 165 ล้านบาท
นั่นหมายความว่า EKH ได้ประเมินมูลค่าบริษัท เดอะคลีนิกค์ ไว้ที่ 1,650 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) ทำธุรกิจให้บริการด้านผิวพรรณ ศัลยกรรมความงามและการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่ทันสมัยตามหลักการแพทย์
ปัจจุบัน มีสาขาทั้งหมด 29 สาขา และอยู่ระหว่างการขยายสาขาเพิ่มเติมในอนาคต
หากเรามาดูผลประกอบการของบริษัท เดอะคลีนิกค์ ในช่วงที่ผ่านมา
หากเรามาดูผลประกอบการของบริษัท เดอะคลีนิกค์ ในช่วงที่ผ่านมา
ปี 2561 รายได้ 811 ล้านบาท กำไร 17 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 990 ล้านบาท กำไร 115 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 1,007 ล้านบาท กำไร 154 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 990 ล้านบาท กำไร 115 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 1,007 ล้านบาท กำไร 154 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่าบริษัท เดอะคลีนิกค์ มีผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง
แม้ว่าในปีที่ผ่านมา จะเจอเข้ากับสถานการณ์โรคระบาด ที่ส่งผลกระทบทำให้มีการปิดให้บริการเป็นบางช่วง
แม้ว่าในปีที่ผ่านมา จะเจอเข้ากับสถานการณ์โรคระบาด ที่ส่งผลกระทบทำให้มีการปิดให้บริการเป็นบางช่วง
ซึ่งก็น่าสนใจว่าธุรกิจความงามของบริษัทนี้ ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ในช่วงล็อกดาวน์
นั่นอาจเป็นเพราะว่าไม่ว่าช่วงไหน คนก็ต้องการมีผิวพรรณที่ดี รูปร่างที่ดี นั่นเอง
นั่นอาจเป็นเพราะว่าไม่ว่าช่วงไหน คนก็ต้องการมีผิวพรรณที่ดี รูปร่างที่ดี นั่นเอง
สำหรับ รพ.เอกชัย ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร ได้ประโยชน์จากทำเลที่ตั้งที่อยู่ในศูนย์กลางการระบาดในช่วงหนึ่ง และทำให้ผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ผ่านมามีกำไรพุ่งสูงขึ้น
โดยก่อนหน้านี้ รพ.เอกชัย ได้มีการขยายธุรกิจไปเรื่องการเปิดศูนย์ผู้มีบุตรยาก หรือ EKI-IVF
มาวันนี้ รพ.เอกชัย ลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจความงาม THE KLINIQUE ก็ถือว่าน่าติดตาม เพราะว่าจริง ๆ แล้ว 2 ธุรกิจนี้ น่าจะเป็นเทรนด์ที่มีการเติบโตสูงในอนาคต
เพราะมนุษย์ในยุคนี้ สนใจเรื่องการเสริมความงามมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
แต่ในขณะเดียวกันด้วยพฤติกรรมทางสังคมที่เปลี่ยนไป ถึงแม้จะงามมากขึ้นเท่าไร แต่คนกลับแต่งงานช้าลงมากขึ้นเท่านั้น
แต่ในขณะเดียวกันด้วยพฤติกรรมทางสังคมที่เปลี่ยนไป ถึงแม้จะงามมากขึ้นเท่าไร แต่คนกลับแต่งงานช้าลงมากขึ้นเท่านั้น
นั่นจึงทำให้การรักษาผู้มีบุตรยาก ก็จะมีความต้องการมากขึ้น ในอนาคตเช่นกัน..
References
-กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
-ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
-กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
-ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย