ไทยเดนมาร์ค นมอันดับหนึ่ง
ไทยเดนมาร์ค นมอันดับหนึ่ง / โดย ลงทุนแมน
รู้ไหมว่านมไทยเดนมาร์คพึ่งแซงนมโฟร์โมสต์ได้ในปีนี้
เชื่อว่าตั้งแต่เด็กจนโต ทุกคนคงได้เคยกินนมยี่ห้อนี้
แต่รู้หรือไม่ว่า นมนี้เป็นโครงการที่ริเริ่มจาก วิสัยทัศน์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ทำให้เกิดแบรนด์นมจากฝีมือคนไทยขึ้น และอยู่ยั่งยืนมากว่า 40 ปี แล้ว...
รู้ไหมว่านมไทยเดนมาร์คพึ่งแซงนมโฟร์โมสต์ได้ในปีนี้
เชื่อว่าตั้งแต่เด็กจนโต ทุกคนคงได้เคยกินนมยี่ห้อนี้
แต่รู้หรือไม่ว่า นมนี้เป็นโครงการที่ริเริ่มจาก วิสัยทัศน์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ทำให้เกิดแบรนด์นมจากฝีมือคนไทยขึ้น และอยู่ยั่งยืนมากว่า 40 ปี แล้ว...
กำเนิดไทย-เดนมาร์ค
เมื่อปี 2503 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จเยือน ประเทศเดนมาร์ค และได้สนพระทัยเกี่ยวกับกิจการเลี้ยงโคนมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเล็งเห็นว่า น่าจะช่วยให้เกษตรกรไทยมีอาชีพที่มั่นคง เป็นหลักแหล่ง ไม่ต้องบุกรุกทำไร่เลื่อนลอย และทำให้ประชาชนชาวไทย ได้บริโภคสิ่งที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย
ปี 2504 จึงได้มีการลงนามให้ความช่วยเหลือทางวิชาการระหว่างประเทศ โดยเดนมาร์คได้ส่งผู้เชี่ยวชาญ มาศึกษาพื้นที่บริเวณ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เพื่อจัดตั้งฟาร์มเลี้ยงโคนมและศูนย์ฝึกอบรม ไทย-เดนมาร์ค ขึ้น และได้เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2505
ต่อมาในปี 2514 ได้มีการโอนกิจการ จัดตั้งเป็นรัฐวิสาหกิจ ชื่อว่า องค์การส่งเสริมกิจการเลี้ยงโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) สังกัดอยู่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ปัจจุบัน อ.ส.ค. มีผลิตภัณฑ์จากนม ครอบคลุมไปตั้งแต่ นมUHT นมพาสเจอร์ไรส์ โยเกิร์ต ไอศกรีม นมโรงเรียน รวมไปถึงบริการต่างๆ เช่น บริการด้านสัตวแพทย์ การผสมเทียม การฝึกอบรม และการท่องเที่ยงเชิงเกษตร
กำเนิดหนองโพ
ในช่วงปี 2512 ที่อาชีพเลี้ยงโคนม เริ่มได้รับความนิยมแพร่หลาย ทำให้เกษตรกรในจังหวัดราชบุรี ต้องเจอปัญหานมโคล้นตลาด จึงขอพระราชทานความช่วยเหลือจาก ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระองค์จึงได้ใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จัดตั้งโรงงานทำนมผงขึ้น ที่ ตำบลหนองโพ จ.ราชบุรี
นอกจากนี้ ทรงเห็นว่า การจะให้อาชีพเลี้ยงโคนม มีความมั่นคงนั้น ผู้เลี้ยงควรจะมีการรวมกลุ่มกัน จึงได้มีการตั้ง สหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี ขึ้นไว้ในพระราชูปถัมภ์ และต่อมาเมื่อเริ่มดำเนินการได้ดี จึงทรงโปรดเกล้าให้โอนกิจการของโรงงานนมผง รวมเข้าไว้กับสหกรณ์ เมื่อปี 2518 เป็นต้นมา
นอกจากนี้ ทรงเห็นว่า การจะให้อาชีพเลี้ยงโคนม มีความมั่นคงนั้น ผู้เลี้ยงควรจะมีการรวมกลุ่มกัน จึงได้มีการตั้ง สหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี ขึ้นไว้ในพระราชูปถัมภ์ และต่อมาเมื่อเริ่มดำเนินการได้ดี จึงทรงโปรดเกล้าให้โอนกิจการของโรงงานนมผง รวมเข้าไว้กับสหกรณ์ เมื่อปี 2518 เป็นต้นมา
สหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี มีผลิตภัณฑ์จากนมที่หลากหลายเช่นกัน ตั้งแต่ นมUHT นมพาสเจอร์ไรส์ โยเกิร์ต ไอศกรีม นมโรงเรียน รวมทั้งทำธุรกิจอื่นๆ เช่น ปั้มน้ำมัน โรงงานผลิตอาหารสัตว์ เป็นต้น
ด้วยการวางรากฐานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทำให้ปัจจุบันไทยเป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมโคนมของอาเซียน โดยมีผู้เลี้ยงโคนม 16,500 ราย จำนวนโคทั้งหมด 535,000 ตัว ปริมาณผลิตน้ำนมดิบสูงถึง 3,000 ตันต่อวัน
ทั้งสองแบรนด์ เป็นนมขายดีอันดับต้นๆของประเทศไทย
ตลาดนม UHT ของประเทศไทย มีมูลค่าและผู้นำตลาดดังต่อไปนี้
ปี 2557 มูลค่าตลาด 10,296 ล้านบาท
โฟร์โมสต์ 48% ไทย-เดนมาร์ค 40% หนองโพ 9%
โฟร์โมสต์ 48% ไทย-เดนมาร์ค 40% หนองโพ 9%
ปี 2558 มูลค่าตลาด 11,213 ล้านบาท
โฟร์โมสต์ 45% ไทย-เดนมาร์ค 43% หนองโพ 8%
โฟร์โมสต์ 45% ไทย-เดนมาร์ค 43% หนองโพ 8%
ปี 2559 มูลค่าตลาด 11,206 ล้านบาท
ไทย-เดนมาร์ค 45% โฟร์โมสต์ 42% หนองโพ 7%
ไทย-เดนมาร์ค 45% โฟร์โมสต์ 42% หนองโพ 7%
ในที่สุดไทย-เดนมาร์ค ที่ผลิตโดยฝีมือคนไทย ก็กลายเป็นนมที่ขายดีที่สุดในประเทศจนได้ แซงเจ้าตลาดเดิมอย่างโฟร์โมสต์ จากยุโรปได้สำเร็จ ทั้งนี้บริษัทมีการปรับตัวโดยขยายช่องทางการขายใหม่ๆ ในโมเดิร์นเทรดมากขึ้น
ส่วนหนองโพก็ยึดครองอันดับ 3 ได้อย่างเหนียวแน่น โดยอาศัยการบริหารตามแนวทางของในหลวงรัชกาลที่ 9 ไม่ลงทุนเกินตัว ค่อยๆ เติบโตด้วยความมั่นคง พร้อมสร้างงานให้กับชุมชน จึงสามารถรักษาฐานตลาดได้อย่างเข้มแข็ง
ส่วนหนองโพก็ยึดครองอันดับ 3 ได้อย่างเหนียวแน่น โดยอาศัยการบริหารตามแนวทางของในหลวงรัชกาลที่ 9 ไม่ลงทุนเกินตัว ค่อยๆ เติบโตด้วยความมั่นคง พร้อมสร้างงานให้กับชุมชน จึงสามารถรักษาฐานตลาดได้อย่างเข้มแข็ง
ในปี 2559 อ.ส.ค. มีรายได้ 8,400 ล้านบาท ขณะที่สหกรณ์หนองโพราชบุรี มีรายได้ 4,000 ล้านบาท ทั้งคู่มีรายได้ในระดับที่เทียบเท่ากับบริษัทเครื่องดื่มดังๆ ในตลาดหลักทรัพย์ เช่น OISHI (10,508 ล้านบาท), CBG (10,112 ล้านบาท), MALEE (6,578 ล้านบาท), TIPCO (6,107 ล้านบาท) และ ICHI (5,266 ล้านบาท)
ทั้งนี้อัตราการดื่มนมเฉลี่ยของคนไทย อยู่ที่ 16 กก.ต่อคนต่อปี ถือว่ายังน้อยเมื่อเทียบกับที่อื่น เช่น ญี่ปุ่นอยู่ที่ 90 กก.ต่อคนต่อปี และยุโรปอยู่ที่ 200 กก.ต่อคนต่อปี ดังนั้น หากมีการส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมนมของไทย ก็ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
อาชีพเลี้ยงโคนม ถือเป็นอาชีพพระราชทาน ที่ประเทศควรภูมิใจ เพราะนอกจากจะช่วยสร้างงานสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรชาวไทยแล้ว ยังเป็นส่วนช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้ประชากร ที่เป็นฟันเฟืองในการพัฒนาประเทศให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคตอีกด้วย
นี่เป็นอีกหนึ่งโครงการดีๆของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงพัฒนาขึ้น เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ..
----------------------
<ad> เด็กจะโตต้องกินนม แต่เด็กจะฉลาดต้องทำกิจกรรม KIDDEEPASS คิดดีพาส แอปพลิเคชันรูปแบบใหม่ที่จะพาคุณและลูกน้อย “จองกิจกรรม และ ที่เล่นชั้นนำ” หลากหลายรูปแบบด้วยดีลสุดคุ้ม #แอปพลิเคชันเดียวครบทุกประสบการณ์เรียนรู้ #passporttoallthefun fb.com/KIDDEEPASS/
----------------------
<ad> เด็กจะโตต้องกินนม แต่เด็กจะฉลาดต้องทำกิจกรรม KIDDEEPASS คิดดีพาส แอปพลิเคชันรูปแบบใหม่ที่จะพาคุณและลูกน้อย “จองกิจกรรม และ ที่เล่นชั้นนำ” หลากหลายรูปแบบด้วยดีลสุดคุ้ม #แอปพลิเคชันเดียวครบทุกประสบการณ์เรียนรู้ #passporttoallthefun fb.com/KIDDEEPASS/
โหลดแอพได้ที่
iPhone https://itunes.apple.com/th/app/kiddeepass/id1261757553?mt=8
Android https://play.google.com/store/apps/details?id=com.integra8t.kiddeepass
----------------------
iPhone https://itunes.apple.com/th/app/kiddeepass/id1261757553?mt=8
Android https://play.google.com/store/apps/details?id=com.integra8t.kiddeepass
----------------------