วัคซีนกับโอกาสในการฟื้นตัวระบบเศรษฐกิจไทย

วัคซีนกับโอกาสในการฟื้นตัวระบบเศรษฐกิจไทย

วัคซีนกับโอกาสในการฟื้นตัวระบบเศรษฐกิจไทย
KRUNGSRI EXCLUSIVE X ลงทุนแมน

ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด 19 ยังสูงต่อเนื่อง วัคซีนก็ยังกระจายไม่ทั่วถึง
ปัญหานี้ ได้สร้างหนึ่งคำถามที่หลายคนอยากรู้คำตอบ มากที่สุด
ก็คือเวลานี้ เศรษฐกิจไทย อยู่ในช่วงวิกฤติแล้วหรือยัง
ทิศทางต่อจากนี้ไป ระบบเศรษฐกิจไทย จะแก้เกมด้วยวิธีไหน
แล้วบริษัทขนาดใหญ่จนถึง SME จำเป็นต้องปรับตัวอย่างไร
เป็นเรื่องที่หลายคน น่าจะอยากรู้คำตอบ
ด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้ ลงทุนแมน จึงได้เข้าร่วมงานสัมมนาออนไลน์ที่ชื่อ
“วัคซีนความหวังฟื้นเศรษฐกิจไทย” โดยงานนี้จัดขึ้นโดย KRUNGSRI EXCLUSIVE
ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการกลุ่ม Wealth Management ของธนาคารกรุงศรีฯ
ที่ช่วยตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าทั้งด้านไลฟ์สไตล์และที่ปรึกษาการลงทุน
โดยงานสัมมนานี้ก็จะจัดขึ้นตลอดทุกสัปดาห์ ภายใต้งาน KRUNGSRI EXCLUSIVE 2021 Mid-Year Outlook Series
สำหรับหัวข้อ “วัคซีนความหวังฟื้นเศรษฐกิจไทย” ที่ ลงทุนแมน เข้าร่วมฟังนั้น
มีวิทยากรทรงคุณวุฒิอย่างคุณวิน พรหมแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่
ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)

ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ ผู้บริหารสายงานวิจัยและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และ ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัย นโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการพัฒนา และผู้อำนวยการโครงการวิเคราะห์เศรษฐกิจเชิงลึก
สถาบันวิจัย TDRI

แล้วการวิเคราะห์ความน่าจะเป็นของเศรษฐกิจไทยต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร
ลงทุนแมน จะสรุปให้ฟัง อย่างเข้าใจง่าย ๆ

หากเปรียบประเทศไทยเป็นบ้านหลังนี้
ก็ต้องบอกว่า เวลานี้ลูกบ้านกำลังเผชิญปัญหาด้านสุขภาพกับการระบาดของโควิด 19
เมื่อวันนี้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเกือบ 1 หมื่นคนต่อวัน
ขณะเดียวกันก็ต้องเจอปัญหากับไวรัสกลายพันธุ์อย่างสายพันธุ์เดลตา

ในขณะที่ตอนนี้ประเทศไทยมีอัตราการฉีดวัคซีนอยู่ราว ๆ 2.5 แสนโดสต่อวัน
จนถึงล่าสุด รัฐบาลได้มีมาตรการล็อกดาวน์
ซึ่งหากสถานการณ์ไม่ยืดเยื้อเกินความคาดหมาย
ก็มีความเป็นไปได้สูง ที่ธุรกิจภาคการท่องเที่ยวและบริการจะค่อย ๆ ฟื้นคืนกลับมา

สิ่งที่น่าสนใจก็คือ หากสมมติประเทศไทยฉีดวัคซีนได้เกิน 50% จากจำนวนประชากรทั้งหมด
หรือมากกว่านั้นเหมือนอย่าง สหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ ในยุโรป

เชื่อหรือไม่ โควิด 19 ก็ยังอาจจะยังอยู่กับคนไทยต่อไป
แต่จะอยู่กันในรูปแบบไหน เป็นคำถามที่น่าสนใจเลยทีเดียว
คุณวิน พรหมแพทย์ ผู้บริหารของ กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ
ให้ความคิดเห็นในเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจ

ประเทศในฝั่งยุโรป และ สหรัฐอเมริกา ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนคุณภาพเกินครึ่งของจำนวนประชากร
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ แม้จำนวนผู้ติดเชื้อจะไม่ได้ลดลงมากนัก
แต่จำนวนคนเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิตจากโควิด 19
ลดลงจากเดิมอย่างมากหากเทียบกับก่อนการฉีดวัคซีน

พอเป็นแบบนี้ ก็ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของคนในประเทศเกือบจะปรกติเหมือนเดิม
ภาคธุรกิจต่าง ๆ กลับมาเปิดให้บริการกันอีกครั้ง

ผลก็คือทำให้อัตราการเดินทางออกนอกบ้านของคนในประเทศเพิ่มสูงมากขึ้น
เมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนเกิดการระบาดของโควิด 19

เยอรมัน อัตราการเดินทางของคนติดลบ 10%
สหรัฐอเมริกา อัตราการเดินทางของคนติดลบ 20%
สเปน อัตราการเดินทางของคนติดลบ 15%
ส่วนประเทศไทยอยู่ที่ติดลบ 25%

โดย คุณวิน พรหมแพทย์ ก็เชื่อว่าช่วงปลายปีนี้หากการฉีดวัคซีนมีอัตราครอบคลุมจำนวนประชากร
ประเทศไทยก็อาจจะเหมือนประเทศเหล่านี้
คือแม้จำนวนผู้ติดเชื้ออาจจะยังสูง
แต่จำนวนคนเข้าโรงพยาบาลและอัตราการเสียชีวิตจะน้อยลงอย่างมาก

เพียงแต่ภาพนี้จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่นั้น
ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพวัคซีนในเมืองไทยว่าจะดีมากแค่ไหน ?

อย่างไรก็ตาม การระบาดที่รุนแรงในตอนนี้
ก็สร้างปัญหาการจับจ่ายใช้สอยในประเทศอย่างรุนแรง
โดยเฉพาะกลุ่มคนรายได้ปานกลางจนถึงล่าง ซึ่งคิดเป็นราว ๆ 70% ของระบบเศรษฐกิจไทย
ที่กำลังเผชิญปัญหากำลังซื้อที่อ่อนแอลง ทำให้ระบบเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจขาดสภาพคล่อง

ความน่าสนใจของประเด็นนี้ก็คือ ในสภาวะที่ภายในบ้านหลังใหญ่กำลังเผชิญกับวิกฤติ
แต่ภายนอกบ้านนั้น กลับมีแสงสว่าง เมื่อหลาย ๆ ประเทศกลับมาฟื้นตัว
ไม่ว่าจะเป็น จีน และสหรัฐอเมริกา 2 มหาอำนาจทางเศรษฐกิจ
รวมถึงหลาย ๆ ประเทศในแถบยุโรป
ที่ได้เร่งฉีดวัคซีนให้ประชากรในประเทศ จนทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อและอัตราการเสียชีวิตอยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ผลลัพธ์ก็คือ เศรษฐกิจในประเทศเหล่านี้กำลังฟื้นตัวกลับมา

โดยภาคธุรกิจส่งออกของประเทศไทยก็ฉกฉวยแสงสว่างแห่งโอกาสนี้ได้ดีเลยทีเดียว
เพราะรู้หรือไม่ว่า ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ภาคธุรกิจส่งออกเติบโตถึง 11%
เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่แล้ว

และเมื่อแนวโน้มดูสดใส เลยทำให้มีการคาดการณ์ว่าเมื่อถึงสิ้นปี พ.ศ. 2564
ภาคธุรกิจส่งออกน่าจะเติบโตกว่า 10%

ขณะเดียวกันเมื่อหลาย ๆ ประเทศฟื้นตัวกลับมา
นักลงทุนต่างชาติก็เริ่มกลับมามีแผนการลงทุนในประเทศไทย
อย่างเช่น ธุรกิจอะไหล่รถยนต์, สินค้า IT และชิ้นส่วนต่าง ๆ
ซึ่งในอนาคตก็น่าจะทำให้เกิดการจ้างงานมากขึ้นกว่าในเวลานี้

สรุปก็คือ แม้ประเทศไทยจะต้องเผชิญปัญหาด้านการจับจ่ายในประเทศอยู่ในขั้นต่ำ
แต่อีกมุมหนึ่งก็ยังมีโอกาสจากภาคการส่งออกและการลงทุน จากการฟื้นตัวของหลาย ๆ ประเทศ

หลายคนน่าจะเกิดคำถาม
สุดท้ายบทลงเอย เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเป็นอย่างไร

หากยังจำกันได้ในช่วงต้นปีก่อนเกิดการระบาดของโควิด 19 รอบ 3
หลายองค์กรคาดว่า GDP ของประเทศน่าจะเติบโต 3-4%

แต่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ ณ ตอนนี้ ทำให้ทางทีมวิจัย Krungsri Research
ประเมินว่า GDP ของประเทศไทยปีนี้เติบโตได้ดีที่สุดอยู่ที่ 1.20%

ถึงตรงนี้ สิ่งที่นักลงทุนหลายคนอยากรู้ก็คือ ในช่วงครึ่งปีหลัง
เราควรจะลงทุนอะไรดี

เรื่องนี้ คุณวิน พรหมแพทย์ ก็มีมุมมองที่น่าสนใจ
เวลานี้หากสังเกตจะพบว่า Bond Yield หรืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
ซึ่งดีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคาร อยู่พอสมควร
อีกทั้งความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ จึงนับเป็นการลงทุนที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
โดยอายุพันธบัตรที่น่าลงทุนอยู่ในช่วง 3-5 ปี
นอกจากนี้ การลงทุนในหุ้นกู้เอกชน โดยเฉพาะในกลุ่มเรตติ้ง A นอกจากความเสี่ยงต่ำแล้วนั้น
รู้หรือไม่ ณ วันนี้ หุ้นกู้เรตติ้ง A ให้ผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
หากเทียบกับช่วงก่อนการระบาดของโควิด 19

ดังนั้น จึงแนะนำให้พิจารณาเพิ่มการลงทุนใน “กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น-กลาง” ซึ่งมีความมั่นคงสูง
และคาดว่าให้ผลตอบแทนใกล้เคียงหรือดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร

สำหรับใครที่สนใจเข้าร่วมฟังสัมมนาออนไลน์ ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจและการลงทุน
ช่วงครึ่งปีหลังทาง KRUNGSRI EXCLUSIVE ได้เชิญวิทยากรชั้นนำมาให้ติดตามข้อมูลเชิงวิเคราะห์อย่างเข้มข้นตลอดเดือน ก.ค. นี้

โดยผู้สนใจสามารถเข้าร่วมรับชมสัมมนาพิเศษ ๆ แบบนี้
แค่ลงทะเบียนที่ https://bit.ly/3h8MKqq (ไม่มีค่าใช้จ่าย)

20 ก.ค. 64
แนะทิศทางการจัดพอร์ตครึ่งปีหลัง ต้อนรับการเปิดประเทศ กับวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการลงทุนระดับแนวหน้าจาก ธ.กรุงศรีฯ บล.กรุงศรี และบลจ.กรุงศรี

29 ก.ค. 64
อัปเดตแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน Environmental, Social, Governance หรือ ESG ซึ่งกำลังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ถือเป็นเทรนด์ที่ร้อนแรงและน่าจับตาในมุมมองนักลงทุนและสถาบันการเงินชั้นนำทั่วโลก โดยวิทยากรระดับแนวหน้าจาก ธ.กรุงศรีฯ และ BlackRock บริษัทจัดการกองทุนชั้นนำของโลก
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon