WINDSHELL บ้านเดี่ยวในรูปแบบคอนโดใจกลางกรุงเทพฯ

WINDSHELL บ้านเดี่ยวในรูปแบบคอนโดใจกลางกรุงเทพฯ

WINDSHELL บ้านเดี่ยวในรูปแบบคอนโดใจกลางกรุงเทพฯ
WINDSHELL X ลงทุนแมน
ถ้าหากว่า ตอนนี้คุณกำลังมองหาบ้านสัก 1 หลัง ทางออกของคุณคืออะไร
ซื้อหรือสร้างบ้านเดี่ยวชานเมืองเพราะที่ดินในเมืองราคาสูง หรือไม่ก็หาคอนโดในเมืองอยู่ชั่วคราวเพื่อความสะดวกสบาย แล้วค่อยไปหาบ้านในฝันทีหลัง คนส่วนใหญ่คงคิดคล้ายๆ กันแบบนี้
และนี่คือ ช่องว่าง ที่เกิดขึ้นในตลาดอสังหาฯ
ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง “บ้านหลังใหญ่ใจกลางเมือง” คือ ที่อยู่อาศัยในฝันของใครหลายคน
แล้วถ้าบอกว่าเวลานี้ มีบริษัทอสังหาฯ รายหนึ่งมีไอเดียที่จะนำช่องวางตรงนี้
โดยการนำเอา Pain Points หรือจุดด้อยของการอยู่บ้านชานเมือง และจุดด้อยของการอยู่คอนโด
มาสร้างเป็นโครงการที่ตอบโจทย์ช่องว่างนี้
คือ มีพื้นที่และฟังก์ชันการใช้งานเทียบเท่าบ้านหลังใหญ่ แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวก
ความง่ายในการดูแล ความปลอดภัยและวิวแบบคอนโดไฮเอนด์บนทำเลใจกลางเมือง
โครงการนี้มีชื่อว่า WINDSHELL ตั้งอยู่ติดริมถนนนราธิวาส โดยมี 28 ชั้น สูง 169 เมตร
และมีเพียง 36 ยูนิตเท่านั้น โดยหนึ่งชั้นจะมี 2 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 453 และ 562 ตร.ม. และทั้งสองยูนิตยังสามารถต่อกันเพื่อให้มีพื้นที่ใช้สอยถึง 1,000 ตร.ม. หรือทั้งชั้น
โดยบริษัทผู้พัฒนาโครงการนี้ก็คือ บริษัท วาย แอล พี จำกัด
พอได้ยินแบบนี้ สิ่งที่น่าสนใจน่าจะมี 2 เรื่อง
คอนโดแห่งนี้สร้างความต่าง โดยการเอาจุดด้อยหรือ Pain Points ของการอยู่บ้านและคอนโดมาเปลี่ยนเป็น Solution หรือ สินค้า ที่จะตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการมี "บ้าน" อยู่ในเมืองได้อย่างไร
แล้วการลงทุนครั้งนี้จะคุ้มค่าหรือไม่
ลงทุนแมน จะวิเคราะห์ให้ฟัง
ถ้าคุณเป็นนักลงทุนอสังหาฯ ชอบดูบ้านและคอนโดอยู่แล้ว
ก็จะคุ้นชินกับสินค้าบ้านและคอนโดในตลาดซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้
สินค้าบ้าน มักจะอยู่ชานเมือง ทำให้ต้องเสียเวลาเดินทางวันละหลายชั่วโมง
เจ้าของบ้านต้องดูแลรักษาเอง ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่ค่อยปลอดภัย ไม่มีวิว
ส่วนสินค้าคอนโดจะมี Concept การออกแบบคล้ายๆ กันคือเป็นแบบ Glass Box ต้องเปิดแอร์ตลอดเวลา ทำอาหารกลิ่นแรงและใช้แก๊สไม่ได้ มีที่เก็บของจำกัด ไม่มีที่ตากผ้า ห้องแม่บ้านเล็กมาก ที่จอดรถไม่พอ เลี้ยงสัตว์ไม่ได้ งานระบบแก้และดูแลยาก เพราะต่อกับชั้นและห้องอื่นๆ
การตกแต่งคอนโดทั่วไป ส่วนใหญ่มีการกั้นห้องหรือ fit out ไว้แล้ว ทำให้ไม่ตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่าง ไม่มีธรรมชาติ ต้นไม้ใหญ่ ไม่มีการระบายอากาศถ่ายเททั่วตัวตึก แถมต้องคอยทาสีและบำรุงรักษาเพื่อให้ภายนอกดูดีอยู่เสมอ
ที่สำคัญพื้นที่ห้องใหญ่ของโครงการไฮเอนด์ ส่วนมากจะอยู่ระหว่าง 250 - 350 ตารางเมตร และมีความสูงของห้องที่ประมาณ 3.2 - 4 เมตร
แล้ว WINDSHELL แตกต่างจากคอนโดทั่วไปในตลาดอย่างไร? หรือแตกต่างจากบ้านอย่างไร?
เนื่องจากคอนโด WINDSHELL ได้รับ concept จากความต้องการ “บ้าน”
ทำให้ 1 ยูนิตมีพื้นที่ใหญ่และสูงเหมือนบ้าน
โดยมีให้เลือก 2 ขนาดคือ 453 ตารางเมตร และ 562 ตารางเมตร
และยังสามารถ combine กับยูนิตซึ่งอยู่ในชั้นเดียวกันได้ ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยรวมกว่า 1,000 ตารางเมตร และ มีความสูงต่อชั้นถึง 7 เมตร เหมือนกับการเอาบ้านมาเรียงต่อกันเป็นตึกสูง
ซึ่งโดยภาพรวมห้องที่นี่จะมีพื้นที่กว้างและสูงกว่า
หากเทียบกับห้องขนาดใหญ่สุดของคอนโดหรูทั่วไป
ในด้านโครงสร้าง ทางโครงการใช้นวัตกรรมแบบ Shear Wall
ทำให้ทุกยูนิตสูงโปร่ง แต่แข็งแรง โดยขายแบบห้องเปล่าหรือ Bareshell พื้นผิวเปลือย โชว์ความงามของสัจจะวัสดุ และไม่ต้องคอยดูแลทาสีซ่อมแซม
ซึ่งในความเป็นห้องเปล่านั้น มาพร้อมกับโครงสร้างที่แข็งแรงและงานระบบที่เหนือชั้น
โดยผู้บริหารโครงการ เล่าให้เราฟังว่า “ทางโครงการให้ความสำคัญและลงทุนกับงานก่อสร้างและงานระบบเป็นอย่างมาก ดังนั้นงบประมาณด้านการก่อสร้างและงานระบบของโครงการ WINDSHELL จึงสูงกว่าโครงการอื่นในระดับเดียวกันถึง 30% ทำให้คนซื้อสบายใจได้ว่าจะไม่ต้องวุ่นวายเรื่องงานระบบในภายหลัง ซึ่งเรามั่นใจว่าโครงสร้างและงานระบบที่ยอดเยี่ยม คือจุดเริ่มต้นของการมีบ้านที่ดี”
ในโครงการนี้ ทุกยูนิตยังเป็นแบบดูเพล็กซ์ ที่แบ่งการใช้งานออกเป็น หน้าบ้าน (Front Garden) ที่สูงโปร่ง 6.7 เมตร ตัวบ้าน (House) ซึ่งเป็นดูเพล็กซ์ และหลังบ้าน (Back Garden)
โดยจุดเด่นสำหรับเรา คือ หลังบ้านหรือ Back Garden ที่มีหน้าที่สำคัญเหมือนกับหลังบ้านของบ้านบนดิน คือ เป็นที่วางงานระบบ ที่เก็บของ ตากผ้า ห้องแม่บ้าน ครัวไทยใช้แก๊ส
หรือแล้วแต่ว่าเจ้าของบ้านอยากใช้หลังบ้านอย่างไร และหลังบ้านนี้ ยังเป็นช่องลมของทั้งตึกที่ลมพัดผ่านเพื่อระบายอากาศทั้งโครงการและทุกบ้านไม่ให้อับชื้น ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่มีในคอนโดไฮเอนด์ทั่วไป
ที่น่าสนใจก็คือ ทุกห้องจะไร้เสาและเป็นแบบ Bareshell หรือห้องเปล่า
ซึ่งจะทำให้เจ้าของมีอิสระในการออกแบบกั้นห้องต่างๆ ตามใจตัวเอง เช่น ชอบทำครัวก็ทำห้องครัวอลังการได้ ชอบดูหนัง ก็สร้างโฮมเธียเตอร์แบบโรงหนังได้
และเนื่องจากทุกชั้นมีความสูง 7 เมตร และมีระเบียงหน้าบ้านและหลังบ้านลึก 1.2 เมตร
ทำให้สามารถกั้นเป็นสวนหย่อม หรือสามารถใส่ต้นไม้ได้สูงถึง 5 เมตร
แล้วยังสามารถทำเป็นบ่อหรือสระน้ำเล็กๆ ในบ้านได้
ทำให้ใกล้ชิดธรรมชาติได้เหมือนอยู่บ้านบนดินจริงๆ
ทุกคนรู้ว่า ที่จอดรถในคอนโดกลางเมืองมีจำกัดและห้ามเลี้ยงสัตว์
แต่ที่นี่มีที่จอดรถ 500% และเลี้ยงอะไรก็ได้ที่ไม่รบกวนเจ้าของบ้านอื่นๆ
นับเป็นการแก้ Pain Points ได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว
เพราะหากเราจะซื้อที่อยู่อาศัยในราคาระดับนี้ เราก็อยากให้ทุกอย่างมันถูกใจเรา 100%
ไม่ใช่ถูกตกแต่งมาให้เรียบร้อย ที่เราอาจไม่ค่อยถูกใจกับดีไซน์
และขนาดพื้นที่แต่ละห้องที่กั้นไว้แบบสำเร็จรูปแต่ไม่พอใช้เมื่ออยู่จริง
คราวนี้เราลองมาดูที่ราคา ราคาห้องเปล่า 453 ตร.ม. และ 562 ตร.ม. ของ WINDSHELL
เริ่มต้นที่ 91 ล้านบาท และ 101 ล้านบาทหรือประมาณ 180,000 - 200,000 ต่อตารางเมตร
ซึ่งหากเราจะตกแต่งห้องที่ซื้อ ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มในราคาเริ่มต้น 30,000 - 50,000 บาท ต่อตารางเมตร
(ถ้าทางลูกค้าไม่มีคนสร้างหรือตกแต่งให้ ทางโครงการสามารถแนะนำหรือจ้างให้โครงการทำให้ได้)
เบ็ดเสร็จแล้วราคาขายโครงการนี้เมื่อรวมค่ากั้นและตกแต่งห้องจะอยู่ที่ประมาณ 210,000 - 250,000 บาท ต่อตารางเมตร (ราคาอาจผันผวนตามการตกแต่งและพื้นที่ของห้อง)
ขณะที่คอนโดไฮเอนด์ใจกลางกรุงเทพตกแต่งพร้อมอยู่ราคาเริ่มต้น 3 - 5 แสนบาท ต่อตารางเมตร
อีกอย่างที่น่าสนใจก็คือทำเลของคอนโดแห่งนี้ที่อยู่ติดริมถนน นราธิวาส ราชนครินทร์
ซึ่งขับรถไปนิดเดียวก็จะถึง ย่านสีลม สาทร หรือจะไปพระราม 4 ก็ขับรถไม่ไกล
และยังใกล้ทางด่วนศรีรัช ที่ขับรถไม่กี่นาทีก็ถึงพระราม 9
ด้านหลังโครงการติดกับซอยเกงชวนในถนนนางลิ้นจี่ ซึ่งเป็นซอยที่เต็มไปด้วยบ้านใหญ่และเงียบสงบ
ทีนี้หลายคนอาจกังวลว่าการอยู่ติดริมถนน อาจทำให้ตัวเองและคนที่เรารักห่างไกลจากธรรมชาติก็ต้องบอกว่า เราอาจคิดผิด
รู้หรือไม่ว่า พื้นที่ส่วนกลางของ WINDSHELL มีต้นไม้สีเขียวขจีรายล้อมถึงกว่า 800 ตารางเมตร
อีกทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก ห้องออกกำลังกาย สวน และสระว่ายน้ำบนดาดฟ้าก็จะเป็นแบบ Open ที่มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและโค้งบางกระเจ้าได้อย่างชัดเจน
หลายคนอาจแย้งว่า แบบนี้ ซื้อที่แถวโครงการสร้างบ้านไม่ดีกว่าหรือ?
หากสร้างบ้านจะต้องใช้งบประมาณที่ดินที่ซื้อขายจริงในโลเคชั่นเดียวกับ WINDSHELL ถ้าซื้อที่ในซอย ไม่ใช่ที่ติดถนนแบบโครงการ ราคาที่ดินในซอยปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 450,000 ต่อตารางวา
และถ้าสร้างเทียบเท่า WINDSHELL โดยบ้านมีพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกใกล้เคียงกัน
คือมีที่จอดรถ 5 คัน, สวน, Fitness และสระว่ายน้ำ จะต้องใช้ที่ดินประมาณ 1 - 2 ไร่
หรือค่าที่ดินอย่างเดียวที่ประมาณ 180 - 360 ล้านบาท ไม่รวมค่าก่อสร้าง ค่าแบบ ค่าตกแต่ง และความจุกจิกอื่นๆ ที่จะตามมา เช่น การหาคนออกแบบ การดูแลการก่อสร้าง การดูแลรักษาบ้าน ความปลอดภัย และอื่นๆ อีก
โดยความเคลื่อนไหวล่าสุด ณ เวลานี้ WINDSHELL ขายไปแล้วถึง 23 ยูนิต
จากทั้งหมด 36 ยูนิต ในเวลาแค่เกือบๆ 1 ปี นับจากโครงการเปิดตัวเมื่อต้นปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยและทั่วโลกเผชิญกับปัญหาโรคระบาดโควิด 19 และมีการ lock down ต่อเนื่อง ทำให้ตอนนี้เหลือยูนิตพร้อมขายแค่ 13 ยูนิต
แนวคิดการสร้างโครงการ WINDSHELL จึงนับเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจไม่น้อย
เพราะ ณ วันนี้ ต้องยอมรับว่า ตลาดอสังหาฯ ไฮเอนด์กรุงเทพฯ
ส่วนใหญ่แล้วโมเดลแทบจะใกล้เคียงกันหมด
แต่..หากเราคิดมุมกลับสร้างสิ่งที่เป็น ช่องว่างตลาด ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
แม้ว่าคนที่มีงบประมาณในการซื้อบ้านราคาขนาดนี้อาจไม่ได้มีมากมาย
แต่หากเราสามารถสร้างที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ความต้องการนั้นได้
เราก็อาจประสบความสำเร็จในเรื่องยอดขายเหมือนอย่าง WINDSHELL ที่ทำให้เห็นมาแล้ว..
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon