ตอนนี้ส่วนแบ่งการตลาดในประเทศของคาราบาวแดง 24% เมื่อเทียบกับ ผู้นำตลาดคือ M150 ที่ 44% ถึงแม้ยังน้อยกว่าแต่ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา และที่ภาคกลางคาราบาวแดงมีส่วนแบ่งการตลาดแซงมาเป็นอันดับที่ 1 เมื่อกลางปีที่แล้ว จุดเด่นของบริษัทที่ช่วยเพิ่มยอดขายได้คือขายผ่าน cash van

สัดส่วนคาราบาวแดงเป็น 91% ของยอดขายบริษัท และได้ออกสินค้าใหม่เช่นกาแฟ 3 in 1 และกาแฟพร้อมดื่ม

บริษัทมีกำไรขั้นต้น 36% ลดลงเพราะ Product Mix เปลี่ยนไป เฉพาะตัวคาราบาวแดงยังมีกำไรขั้นต้นสูงที่ 38% แต่สินค้าอื่นเช่นกาแฟมีกำไรขั้นต้นแค่ 15% เพราะจ้างคนอื่นผลิต พอขายสินค้ากาแฟมากขึ้น กำไรขั้นต้นโดยรวมจึงลดลง

ตอนนี้ยอดขายในประเทศเป็น 64% ยอดส่งออก 36% แต่ผู้บริหารบอกว่าเร็วๆนี้จะเป็น 50:50 แล้ว เพราะจะขยายการส่งออกไปอังกฤษ จีน บราซิล โดยปีที่ผ่านมาใช้เงินจำนวนมากสนับสนุนทีมเชลซี และทีมเรดดิ้ง เพราะต้องการทำตลาดจริงจังทั่วโลก และฟุตบอลเป็นกีฬาที่เหมาะกับสินค้านี้

บริษัทจะเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าประเภทกระป๋อง เพราะต้องการส่งออกมากขึ้น จากเดิมผลิตได้ 1,200,000 กระป๋องต่อวัน เป็น 3,000,000 กระป๋องต่อวัน ในเดือนพฤษภาคม และเป็น 4,000,000 กระป๋องต่อวัน ในเดือนตุลาคม ถ้าคูณดูแล้วจะได้กำลังการผลิต 1,460 ล้านกระป๋องต่อปี

ดังนั้นบริษัทจึงต้องหาที่ผลิตบรรจุภัณฑ์มารองรับกำลังการผลิตเช่นกัน โดยบริษัทร่วมมือกับบริษัทญี่ปุ่นในการผลิตกระป๋องอะลูมีเนียม มีกำลังการผลิต 1,000 ล้านกระป๋องต่อปี

แต่ผู้บริหารบอกว่าบริษัทยังน่าจะขาดทุนจากการไปขยายตลาดต่างประเทศในช่วงแรก ที่ประเทศอังกฤษจะยังขายได้ไม่มาก และจะขาดทุนในช่วง 2 ปีแรก ปีนี้จีนจะขายได้ 200 ล้านกระป๋อง แต่ตัวบริษัทร่วมค้ากับประเทศจีนต้องทำถึง 600 ล้านกระป๋อง ถึงจะเริ่มมีกำไร

สรุปแล้วบริษัทมีแผนรุกการตลาดที่รุนแรง ถ้าประสบความสำเร็จก็หมายถึงการก้าวข้ามเป็น Global Brand ได้

แต่ช่วง 2-3 ปีนี้ คงต้องทำใจว่าบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายในการทำตลาดสูงมาก