เมืองไทย แคปปิตอล ธุรกิจให้สินเชื่อแสนล้าน ที่เกิดจาก อดีตพนักงานธนาคาร /โดย ลงทุนแมน

เมืองไทย แคปปิตอล หรือที่ใครหลายคนรู้จักกันในชื่อ “MTC”
เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจให้สินเชื่อในลักษณะที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-Bank) ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมีมูลค่าในระดับ แสนล้านบาท

รู้หรือไม่ว่า เมืองไทย แคปปิตอล เป็นบริษัทที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาโดย อดีตพนักงานธนาคารในจังหวัดสุโขทัย
โดยมีจุดเริ่มต้นเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว

เรื่องราวของ เมืองไทย แคปปิตอล เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC
ถูกก่อตั้งขึ้นโดย คุณชูชาติ เพ็ชรอำไพ และ คุณดาวนภา เพชรอำไพ
สองสามีภรรยา ที่เป็นคนจังหวัดสุโขทัยโดยกำเนิด

คุณชูชาติ เรียนจบปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ขณะที่ คุณดาวนภา จบปริญญาตรี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เมื่อทั้งคู่เรียนจบ ก็ได้กลับไปทำงานที่ธนาคารกสิกรไทยในสุโขทัยบ้านเกิด และได้พบเจอกันที่นั่น

ระหว่างที่ทำงานในธนาคาร ทั้งคู่ก็มองเห็นว่า
ตลาดการให้สินเชื่อเป็นตลาดที่ใหญ่
และมีคนอีกมากที่เข้าไม่ถึงการขอสินเชื่อจากธนาคาร

ทั้งคู่จึงเริ่มสร้างรายได้เสริม
ด้วยการทำธุรกิจเล็กๆ คือการรับซื้อบัญชีลูกหนี้มาบริหาร
โดยเริ่มจากการรับซื้อบัญชีลูกหนี้จากการผ่อนรถจักรยานยนต์

ผลปรากฏว่า ธุรกิจจากที่เล็กๆ เริ่มโตได้ดี
ทั้งสองคนเห็นว่าธุรกิจนี้สามารถเติบโตได้อีกมาก
จึงตัดสินใจลาออกจากธนาคาร เพื่อมาทำธุรกิจของตัวเองอย่างเต็มตัว

โดยทั้งคู่ได้ก่อตั้ง บริษัท ดี.เอส. ลิสซิ่ง จำกัด ในปี 2535
เพื่อทำธุรกิจปล่อยสินเชื่อเพื่อการซื้อรถจักรยานยนต์ ที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป ธุรกิจนี้กลับมีคู่แข่งเยอะขึ้น เพราะบริษัทที่จำหน่ายรถจักรยานยนต์เริ่มลงมาทำธุรกิจนี้เอง

ทั้งคู่จึงตัดสินใจปรับธุรกิจสู่การเป็นผู้ให้สินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์เพื่อการเกษตร และเปลี่ยนชื่อบริษัทมาเป็น บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด ในปี 2544

จากนั้นธุรกิจให้สินเชื่อของทั้งสองสามีภรรยาก็เติบโตมากขึ้น
จนเริ่มขยายสาขาไปยังต่างจังหวัด โดยเริ่มจากจังหวัดใกล้เคียงกับสุโขทัย

กิจการของทั้งคู่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จนสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปี 2557

ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อบริษัทอีกครั้งในปี 2561
โดยใช้ชื่อว่า “บริษัท เมืองไทย เเคปปิตอล จำกัด (มหาชน)” หรือเรียกสั้นๆ ว่า MTC

ปัจจุบัน MTC เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank) โดยส่วนใหญ่จะเป็นสินเชื่อประเภททะเบียนรถและที่ดิน, สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อเช่าซื้อ

จุดสำคัญที่ทำให้ธุรกิจของ MTC เติบโต เป็นเพราะว่า
ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาขอสินเชื่อจาก MTC เป็นกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินได้ จึงทำให้ธุรกิจของ MTC ไม่ต้องแข่งขันกับสถาบันการเงินโดยตรง

อีกประเด็นคือ ธุรกิจการให้สินเชื่อของกลุ่ม Non-Bank
โดยทั่วไปจะมีการอนุมัติสินเชื่อได้รวดเร็วกว่าสถาบันการเงิน
ทำให้คนจำนวนไม่น้อยที่ต้องการ “เงินด่วน” นิยมมาขอสินเชื่อจากกลุ่ม Non-Bank มากกว่าจะไปขอกู้จากธนาคาร

นอกจากนั้นแล้ว ผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่ต้องการเข้ามาในอุตสาหกรรมให้สินเชื่อนั้น ต้องได้รับใบอนุญาตการดำเนินธุรกิจจากธนาคารแห่งประเทศไทย และจากกระทรวงการคลัง
หมายความว่าคู่แข่งรายใหม่ๆ ที่จะมาสร้างความท้าทายให้ MTC ก็จะเกิดขึ้นมาได้ยากด้วยนั่นเอง

แล้ว MTC รายได้ดีแค่ไหน?

ผลประกอบการของ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)
ปี 2561 รายได้ 10,416 ล้านบาท กำไร 3,713 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 12,688 ล้านบาท กำไร 4,237 ล้านบาท
9 เดือนแรก ปี 2563 รายได้ 10,842 ล้านบาท กำไร 3,844 ล้านบาท

โดยในปีที่ผ่านมา รายได้ของ MTC มาจาก
- รายได้จากดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมในการให้บริการสินเชื่อ 94%
- รายได้อื่นๆ 6%

ซึ่งรายได้จากดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมจากการให้บริการสินเชื่อประเภทจำนำทะเบียนรถและที่ดิน ถือเป็นรายได้หลักของธุรกิจ เนื่องจากมีสัดส่วนกว่า 76% ของรายได้รวม

ทั้งนี้ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2563 MTC มีสาขาอยู่ทั้งหมด 4,798 แห่ง ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ
มีจำนวนลูกค้ามากกว่า 1.7 ล้านราย

ที่น่าสนใจก็คือ MTC มีมูลค่าบริษัทปัจจุบัน ประมาณ 137,800 ล้านบาท
ซึ่งใหญ่กว่า ธนาคารทหารไทยทั้งธนาคาร ที่มีมูลค่าบริษัท ประมาณ 113,000 ล้านบาท เสียอีก

และทั้งหมดนี้ ก็คือเรื่องราวความเป็นมา
ของ MTC หรือ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)
ผู้เล่นคนสำคัญในอุตสาหกรรมให้สินเชื่อประเภท Non-Bank ในประเทศไทย
ที่เกิดขึ้นจาก อดีตพนักงานธนาคาร คือ คุณชูชาติ เพ็ชรอำไพ และ คุณดาวนภา เพชรอำไพ นั่นเอง..

ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
ปัจจุบัน คุณชูชาติ และ คุณดาวนภา ถือหุ้น MTC รวมกันกว่า 1,430 ล้านหุ้น
ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 93,000 ล้านบาท..

หมายเหตุ: บทความนี้ไม่ได้ชี้นำให้ซื้อหรือขายหุ้นตัวนี้ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
----------------------
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
----------------------
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman

References
-แบบฟอร์ม 56-1 ปี 2562, บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)
-https://www.youtube.com/watch?v=wFdR4BYAMo8
-https://www.muangthaicap.com/th/about.php
-https://marketeeronline.co/archives/136173
-https://www.youtube.com/watch?v=0ejIyFnq59M
-https://forbesthailand.com/people/cover-story/%E0%B8%8A%E0%B8%B9%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B2-1110-%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3-4-%E0%B8%AB.html