โตโยต้าเตือน “ยิ่งเราผลิตรถยนต์ไฟฟ้า” เราก็จะยิ่งทำลายโลก
โตโยต้าเตือน “ยิ่งเราผลิตรถยนต์ไฟฟ้า” เราก็จะยิ่งทำลายโลก / โดย ลงทุนแมน
“โมเดลทางธุรกิจของอุตสาหกรรมรถยนต์กำลังจะพังลง”
ประโยคนี้ ถูกกล่าวโดย อากิโอะ โทโยดะ ประธานบริษัทโตโยต้า เมื่อเร็วๆ นี้
“โมเดลทางธุรกิจของอุตสาหกรรมรถยนต์กำลังจะพังลง”
ประโยคนี้ ถูกกล่าวโดย อากิโอะ โทโยดะ ประธานบริษัทโตโยต้า เมื่อเร็วๆ นี้
โดยอากิโอะ โทโยดะ ผู้เป็นหลานของผู้ก่อตั้งโตโยต้า ได้ออกมากล่าวเตือนว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งระบบในโลกนี้จะพังลง “ถ้าเรามุ่งเข้าสู่รถยนต์ไฟฟ้าอย่างเร่งรีบเกินไป”
เขาได้ระบุเพิ่มเติมว่า ประเทศญี่ปุ่นจะ “ขาดแคลนไฟฟ้า” ในช่วงหน้าร้อนทั้งประเทศ
หากรถทุกคันต้องใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน
หากรถทุกคันต้องใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน
โดยประเทศญี่ปุ่นจำเป็นต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
เพื่อที่จะสนับสนุนการใช้พลังงานไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้น
ซึ่งจำเป็นจะต้องใช้งบประมาณสูงถึง 4 ถึง 10.7 ล้านล้านบาท
คิดเป็น 7% ของ GDP ทั้งประเทศญี่ปุ่น
เพื่อที่จะสนับสนุนการใช้พลังงานไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้น
ซึ่งจำเป็นจะต้องใช้งบประมาณสูงถึง 4 ถึง 10.7 ล้านล้านบาท
คิดเป็น 7% ของ GDP ทั้งประเทศญี่ปุ่น
ในขณะเดียวกัน แหล่งพลังงานในการผลิตกระแสไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่นยังมาจากถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ นั่นจึงแปลว่า “มันไม่ได้ทำให้เรามีสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นแต่อย่างใด”
เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ยิ่งเราผลิตรถไฟฟ้ามากเท่าไร เราก็จะยิ่งทำลายโลกมากเท่านั้น”
และก็ได้ถามกลับไปยังนักการเมืองที่บอกให้กำจัดรถยนต์สันดาปออกไปให้หมด
ว่า “พวกคุณเข้าใจสิ่งเหล่านี้ จริงๆ ใช่ไหม?”
ว่า “พวกคุณเข้าใจสิ่งเหล่านี้ จริงๆ ใช่ไหม?”
ปัจจุบันโตโยต้ายังคงเป็นผู้นำในการผลิตรถยนต์ประเภท Hybrid
ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ใช้ทั้งพลังงานไฟฟ้า และน้ำมันรวมกัน
ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ใช้ทั้งพลังงานไฟฟ้า และน้ำมันรวมกัน
แต่ทางบริษัทก็ยังคงไม่ได้ผลิตและขายรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มที่
ทางโตโยต้ายอมรับว่าทาง “เทสลา” คือผู้นำในอุตสาหกรรมรถยนต์และแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า
ซึ่งทำให้ทางโตโยต้าได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายจาก อีลอน มัสก์
ทางโตโยต้ายอมรับว่าทาง “เทสลา” คือผู้นำในอุตสาหกรรมรถยนต์และแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า
ซึ่งทำให้ทางโตโยต้าได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายจาก อีลอน มัสก์
แต่เขาก็ยังมั่นใจว่าในระยะยาวโตโยต้าจะชนะในอุตสาหกรรมรถยนต์
เนื่องจากโตโยต้ามีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายกว่า
กล่าวคือมีรถยนต์หลายรุ่นให้เลือกมากกว่า
เนื่องจากโตโยต้ามีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายกว่า
กล่าวคือมีรถยนต์หลายรุ่นให้เลือกมากกว่า
ซึ่งแม้ว่าโตโยต้าจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องรถใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างชัดเจน
แต่โตโยต้ายังคงวางแผนงบประมาณเกือบ 3 แสนล้านบาท
ในการพัฒนารถใช้พลังงานไฟฟ้า ในช่วง 10 ปีข้างหน้า
แต่โตโยต้ายังคงวางแผนงบประมาณเกือบ 3 แสนล้านบาท
ในการพัฒนารถใช้พลังงานไฟฟ้า ในช่วง 10 ปีข้างหน้า
แต่ไม่ว่าโตโยต้าจะวางแผนอย่างไร
ในปี 2030 หลายๆ ประเทศมหาอำนาจทั่วโลก อย่าง จีน ยุโรป สหรัฐอเมริกา
ยังคงตั้งเป้าหมาย ผลักดันให้การผลิตรถทั้งหมด เป็นรถพลังงานไฟฟ้า
เพราะทุกรัฐบาลเชื่อว่า นวัตกรรมนี้จะไม่ปล่อยมลพิษออกสู่บรรยากาศเลย
ในปี 2030 หลายๆ ประเทศมหาอำนาจทั่วโลก อย่าง จีน ยุโรป สหรัฐอเมริกา
ยังคงตั้งเป้าหมาย ผลักดันให้การผลิตรถทั้งหมด เป็นรถพลังงานไฟฟ้า
เพราะทุกรัฐบาลเชื่อว่า นวัตกรรมนี้จะไม่ปล่อยมลพิษออกสู่บรรยากาศเลย
เรื่องนี้ก็ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ
เพราะในขณะที่ทุกคนคิดว่า รถยนต์ไฟฟ้าจะทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น แต่ผู้บริหารโตโยต้ากลับมาบอกสวนทางว่า ถ้าการผลิตไฟฟ้ายังใช้พลังงานจากแหล่งเดิม มันก็ยังทำให้เกิดมลพิษอยู่ดี
เพราะในขณะที่ทุกคนคิดว่า รถยนต์ไฟฟ้าจะทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น แต่ผู้บริหารโตโยต้ากลับมาบอกสวนทางว่า ถ้าการผลิตไฟฟ้ายังใช้พลังงานจากแหล่งเดิม มันก็ยังทำให้เกิดมลพิษอยู่ดี
แต่เรื่องนี้ก็น่าสงสัยว่า คำพูดของโตโยต้า มาจากการเสียผลประโยชน์ในอุตสาหกรรมนี้หรือไม่
เพราะโตโยต้าเคยเป็นบริษัทมูลค่ามากที่สุดในอุตสาหกรรมรถยนต์โลกมาอย่างยาวนาน มาในปีนี้ได้ถูกบริษัทหนึ่งแซงขึ้นมาชนิดไม่เห็นฝุ่น บริษัทนี้ก็คือ เทสลา ของอีลอน มัสก์ ที่เน้นผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่
และนั่นก็อาจสะท้อนให้เห็นว่าตลาดให้ความเชื่อมั่นว่า รถยนต์ไฟฟ้าเป็นอนาคตของโลกไปแล้วนั่นเอง
ถึงตรงนี้อาจต้องใช้เวลาพิสูจน์ว่า มุมมองของโตโยต้าจะเป็นจริงหรือไม่
แต่สิ่งที่เราเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ในทุกยุคทุกสมัย ก็คือ
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเสมอ
และ เมื่อการเปลี่ยนแปลงนั้นมาสั่นคลอนอำนาจเก่า
มันก็จะเกิดการต่อต้านอย่างสุดแรง แบบในเรื่องนี้ นั่นเอง..
แต่สิ่งที่เราเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ในทุกยุคทุกสมัย ก็คือ
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเสมอ
และ เมื่อการเปลี่ยนแปลงนั้นมาสั่นคลอนอำนาจเก่า
มันก็จะเกิดการต่อต้านอย่างสุดแรง แบบในเรื่องนี้ นั่นเอง..