ภาษาสเปน กำลังครองสหรัฐอเมริกา

ภาษาสเปน กำลังครองสหรัฐอเมริกา

ภาษาสเปน กำลังครองสหรัฐอเมริกา / โดย ลงทุนแมน
ถ้าคนอเมริกันเดินผ่านมา 5 คน จะมี 1 คนที่พูดภาษาสเปน..
62 ล้านคน คือ จำนวนชาวฮิสแปนิก (Hispanic) ในประเทศสหรัฐอเมริกา
ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 20% ของชาวอเมริกันทั้งหมดในปี 2020
ชาวฮิสแปนิก หมายถึง กลุ่มคนที่พูดภาษาสเปน หรือสืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษที่พูดภาษาสเปน ส่วนใหญ่เป็นผู้อพยพมาจากประเทศในแถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้ เช่น เม็กซิโก คิวบา โคลอมเบีย
จำนวนของชาวฮิสแปนิกถูกคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 100 ล้านคน ในอีก 30 ปีข้างหน้า
และจะกลายเป็นสัดส่วน 30% ของชาวอเมริกันในปี 2050
เรื่องนี้สำคัญอย่างไร? ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ไอเดียเริ่มต้นที่ Blockdit ทั้งในรูปแบบ
บทความ วิดีโอ พอดแคสต์ และซีรีส์
ลองใช้กันที่ Blockdit.com/download
Blockdit. Ideas Happen.
╚═══════════╝
สหรัฐอเมริกา คือ ประเทศแห่งโอกาสและความหลากหลาย
ประเทศนี้ถูกก่อตั้งโดยลูกหลานของชาวยุโรปผิวขาว หลังจากประกาศเอกราชจากอังกฤษในปี ค.ศ. 1776 พื้นที่อันกว้างใหญ่และทรัพยากรธรรมชาติมหาศาลเป็นแรงดึงดูด
ชาวยุโรปมากมายอพยพมาสหรัฐอเมริกาเพื่อหลีกหนีความขัดแย้งทั้งศาสนา การเมือง ความขัดสนทางเศรษฐกิจ และไขว่คว้าหาชีวิตที่ดีกว่า
ทั้งชาวอังกฤษ ชาวเยอรมัน ชาวไอริช ชาวสวีเดน ชาวฝรั่งเศส อพยพมายังดินแดนอเมริกาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ตามมาด้วยชาวอิตาลี ชาวรัสเซีย ที่อพยพมาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20
ชาวยุโรปจึงเป็นเชื้อสายที่มีสัดส่วนมากที่สุดของชาวอเมริกัน และเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม การประดิษฐ์เครื่องมือเครื่องใช้ ทำให้สหรัฐอเมริกาเติบโตจนกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญ คือช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2..
แม้ประเทศในยุโรปจะบอบช้ำจากสงคราม แต่แผนการมาร์แชลล์ หรือแผนการที่สหรัฐฯ ได้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่นานาประเทศ ก็ทำให้เศรษฐกิจยุโรปฟื้นฟูขึ้นมาได้
ผู้อพยพจากยุโรปมายังสหรัฐอเมริกาไม่ใช่สัดส่วนที่มากที่สุดอีกต่อไปแล้ว แต่กลับมาจากประเทศเพื่อนบ้านในทวีปอเมริกา ทั้งอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ที่หนีจากปัญหาทางเศรษฐกิจและความขัดแย้งทางการเมือง
สิ่งที่ผู้อพยพเหล่านี้มีความคล้ายคลึงกันก็คือ เป็นชาวฮิสแปนิก ที่พูดภาษาหลักเป็นภาษาสเปน
ชาวเม็กซิโก อพยพหนีปัญหาทางเศรษฐกิจและอาชญากรรม ด้วยความที่มีประชากรมากที่สุดและพรมแดนติดกับสหรัฐฯ จึงทำให้เป็นประเทศที่มีจำนวนผู้อพยพมากที่สุด และคิดเป็นสัดส่วนถึง 2 ใน 3 ของผู้อพยพชาวฮิสแปนิกทั้งหมด
ชาวเปอร์โตริโก ดินแดนในอาณัติของสหรัฐฯ ที่อพยพหนีภาวะว่างงานในภาคเกษตรกรรมจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจสู่ภาคอุตสาหกรรมอย่างกะทันหันในช่วงทศวรรษ 1950s
ชาวคิวบา ที่อพยพหนีการปฏิวัติคิวบาในปี ค.ศ. 1959 ที่เปลี่ยนการปกครองของคิวบาให้กลายเป็นประเทศคอมมิวนิสต์
นอกจากนั้น ยังมีชาวโคลอมเบีย เวเนซุเอลา เอกวาดอร์ กัวเตมาลา และอีกหลายประเทศ ที่ล้วนอพยพมายังสหรัฐฯ เพราะปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นสาเหตุสำคัญ จนในที่สุดจำนวนผู้อพยพชาวฮิสแปนิกเหล่านี้ก็กลายเป็นผู้อพยพที่มากที่สุดของสหรัฐอเมริกา
โดยรัฐที่มีชาวฮิสแปนิกอาศัยอยู่มากที่สุด 3 อันดับแรก ล้วนเป็นรัฐที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับประเทศในแถบอเมริกากลาง ได้แก่
รัฐแคลิฟอร์เนีย มีชาวฮิสแปนิก 15.5 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 39% ของประชากรทั้งหมด
รัฐเท็กซัส มีชาวฮิสแปนิก 11.5 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 40% ของประชากรทั้งหมด
รัฐฟลอริดา มีชาวฮิสแปนิก 5.7 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 27% ของประชากรทั้งหมด
การเข้ามาของชาวฮิสแปนิก ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของสหรัฐอเมริกา
ทั้งการใช้ภาษาสเปนที่มากขึ้น บนป้ายบอกทาง เอกสาร สถานที่ราชการ และร้านค้า
การบริโภคอาหาร ที่มีการรับวัฒนธรรมอาหาร เช่น อาหารเม็กซิโกที่มีการใช้อะโวคาโดเป็นส่วนประกอบ ทำให้ยอดนำเข้าอะโวคาโดของชาวอเมริกันเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
ไปจนถึงวัฒนธรรมความบันเทิง ทั้งดาราภาพยนตร์และนักร้องที่มีเชื้อสายฮิสแปนิกมากขึ้น
เพลงที่มีเนื้อร้องภาษาสเปนก็ได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่ชาวอเมริกัน เช่น เพลง Despacito ของ Luis Fonsi และ Daddy Yankee นักร้องเชื้อสายเปอร์โตริโก ที่ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลายในปี 2017
รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ
ผู้อพยพเหล่านี้เข้ามาเติมเต็มแรงงานในภาคเกษตรกรรม หรือภาคบริการที่ขาดแคลนแรงงาน
การโฆษณาสินค้า ทั้งในสื่อออนไลน์ ออฟไลน์ ไปจนถึงฉลากสินค้า ที่มีการใช้ภาษาสเปนมากขึ้นเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มนี้ที่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
และท้ายที่สุดก็คือการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ชาวฮิสแปนิกอาจไม่พอใจกับนโยบายของพรรคการเมืองที่เน้นให้ประโยชน์กับชาวอเมริกันผิวขาวมากเกินไป จนนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงสำคัญในอนาคต
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้อพยพชาวฮิสแปนิกบางส่วนก็ก่อให้เกิดปัญหา ทั้งอาชญากรรม ยาเสพติด ไปจนถึงอาจทำให้โรคระบาดที่สหรัฐฯ กำจัดไปจนหมดสิ้นแล้วกลับมาระบาดอีกครั้งหนึ่ง
จึงเป็นที่น่าติดตาม ว่าอนาคตของประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจแห่งนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป
โดยเฉพาะในอีก 30 ปีข้างหน้า
เมื่อนำสัดส่วนชาวฮิสแปนิก มารวมกับชาวอเมริกันผิวดำและเชื้อสายเอเชียแล้ว
จะมีสัดส่วนมากกว่า 50% ของชาวอเมริกันทั้งหมด
และเมื่อถึงเวลานั้น ผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากชาวยุโรปผิวขาว ซึ่งเป็นกลุ่มชนผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา ก็อาจจะกลายเป็นคนกลุ่มน้อย
ประเทศสหรัฐอเมริกาที่ก่อตั้งขึ้นมาจากความหลากหลาย และเสรี จะยังคงใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ ผลักดันให้กลายเป็นพลังสร้างสรรค์ทางเศรษฐกิจต่อไปได้ดีกว่าเดิมหรือไม่
และ ความหลากหลายเหล่านี้จะทำให้สหรัฐอเมริกาเปลี่ยนไปแค่ไหน
เวลาเท่านั้นที่จะให้คำตอบกับเรา..
----------------------
ไอเดียเริ่มต้นที่ Blockdit ทั้งในรูปแบบ
บทความ วิดีโอ พอดแคสต์ และซีรีส์
ลองใช้กันที่ Blockdit.com/download
Blockdit. Ideas Happen.
----------------------
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon