อยากรู้ไหมว่าจริงๆ แล้ว
สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมีรายได้เท่าไร
แล้วทุกครั้งที่ออกรางวัล
สำนักงานมีต้นทุนเท่าไร
รายได้ถูกแบ่งไปให้ใครบ้าง

ทุกๆ วันที่ 1 และ 16 คนไทยหลายคนจะมีแววตาเปี่ยมล้นไปด้วยความหวัง ถ้าถามว่าคนไทยผูกพันกับอะไรมากสุด คำตอบคงหนีไม่พ้น ลอตเตอรี่ หรือ หวย

ทุกครั้งที่สำนักงานออกสลาก จะไม่มีคำว่าขาดทุน เพราะมีการล็อคจำนวนเงินรางวัลไว้แล้วที่ 60% ของรายได้ ส่วนที่เหลืออีก 40% จะถูกแบ่งไปตามสัดส่วนดังนี้
- ค่าใช้จ่ายในการบริหารไม่เกินกว่า 17%
- รายได้แผ่นดิน ไม่น้อยกว่า 20%
- กองทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อพัฒนาสังคม 3%

ไม่แปลกใจที่คนไทยผูกพันกับลอตเตอรี่มาก เพราะประเทศไทยเริ่มมีการจำหน่ายสลากอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก เรียกว่า "ลอตเตอรี่" ในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ. 2417 หรือคนไทยอยู่คู่กับเรื่องนี้มาแล้วเกินร้อยปี..

ในปีงบประมาณ 2559 (ต.ค. 2558 - ก.ย. 2559) สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมีรายได้ 91,881 ล้านบาท โดยจัดสรรเป็นรายได้แผ่นดินจำนวน 25,919 ล้านบาท สูงสุดในบรรดารัฐวิสาหกิจทั้งหมด และเหลือเป็นกำไรสุทธิของสำนักงานสลาก 2,694.8 ล้านบาท

ในขณะที่ช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 (ต.ค. 2559 - ก.ค. 2560) จัดสรรเป็นรายได้แผ่นดินไปแล้วจำนวน 25,540 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดในบรรดารัฐวิสาหกิจทั้งหมดอีกเช่นเคย

คำว่ารัฐวิสาหกิจนี้รวมถึง องค์กรรัฐใหญ่ๆที่เราคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็น ปตท. ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธกส. โรงงานยาสูบ องค์การเภสัชกรรม กฟผ. กฟน. กฟภ. รถไฟไทย การบินไทย กปน. กปภ. สรุปแล้วไม่ว่าจะเป็น บริษัทน้ำมัน ธนาคาร ผลิตไฟฟ้า การประปา หรืออะไร ก็แบ่งรายได้เข้ารัฐไม่เท่า ลอตเตอรี่..

ถ้าถามว่าความน่าจะเป็นในการถูกลอตเตอรี่ของเรามีโอกาสมากน้อยแค่ไหน

สลาก 1 ชุด มีเลข 000000 ถึง 999999 เท่ากับ 1 ล้านเลขหมาย

นั่นหมายถึง

โอกาสถูกรางวัลที่ 1 คือ 0.0001%

โอกาสถูกรางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 คือ 0.0002%

โอกาสถูกรางวัลที่ 2 คือ 0.0005%

โอกาสถูกรางวัลที่ 3 คือ 0.001%

โอกาสถูกรางวัลที่ 4 คือ 0.005%

โอกาสถูกรางวัลที่ 5 คือ 0.01%

โอกาสถูกรางวัลเลขหน้า 3 ตัว คือ 0.2%

โอกาสถูกรางวัลเลขท้าย 3 ตัว คือ 0.2%

โอกาสถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว คือ 1%

หากมองในมุมของการลงทุน โดยใช้ทฤษฎีความน่าจะเป็น (probability) ในวิชาคณิตศาสตร์ที่เราคงเคยได้เรียนกันมาบ้าง

ถ้าเราดูที่รางวัลที่ล็อคไว้ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ 60%

แปลว่าถ้าเราจ่ายเงินไป 100 บาท โดยเฉลี่ยแล้วทุกคนจะมีโอกาสได้เงินคืนแค่ 60 บาท หรือ มีผลตอบแทนคาดหวัง (expected return) ที่ -40 บาท

สรุปแล้วถ้าเราลงทุนสินทรัพย์ที่ชื่อว่าลอตเตอรี่ในระยะยาว (in the long run) เงินเราจะหายไป 40% จากเงินต้น และนี่คงเป็นหนี่งในสินทรัพย์การลงทุนที่แย่ที่สุดในโลก

และการที่คนไทยซื้อลอตเตอรี่กันมากนั้น ก็คงเป็นความล้มเหลวของครูคณิตศาสตร์ทั่วประเทศไทย ที่ไม่สามารถสอนเรื่อง probability ให้คนไทยเข้าใจได้

หรือ แม้แต่ครูคณิตศาสตร์ก็อาจจะซื้อลอตเตอรี่เองด้วย..

เรื่องนี้ทำให้ได้คิดได้ว่า ในบางครั้ง ชีวิตก็ไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยเหตุและผลที่เป็นตัวเลขเสมอไป

บางคนซื้อแบบขำๆ ไม่หวังอะไร ถูกก็ดีใจ ผิดก็ช่างมัน งวดหน้าเจอกันใหม่

บางคนซื้อเลขเดิมซ้ำๆ เพราะเป็นเลขนำโชค

บางคนเสาะแสวงหาเลขเด็ดเลขดัง ทุ่มซื้อไม่อั้น เท่าไรเท่ากัน

แต่เกือบทั้งหมด ก็คงซื้อด้วยเหตุผลที่สำคัญ คือ ความไม่มีโอกาส และ ความหวัง

ลอตเตอรี่น่าจะเป็นสิ่งเดียวที่ให้ความหวังกับคนที่คิดว่าตัวเองไม่มีโอกาส ให้ลืมตาอ้าปากกับเค้าได้..

----------------------
<ad> opticana ร้านแว่นตาที่ดีที่สุดในกรุงเทพ เปิดมานานกว่า 30 ปี เป็นส่วนนึงของครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่น fb.com/opticanathailand
----------------------