กรุงเทพเป็นเมืองที่มีคนใช้ facebook มากที่สุดในโลก
โลกมีคน 7,476 ล้านคน
มีคนใช้มือถือ 4,917 ล้านคน หรือ 66% ของคนทั้งโลก
มีคนใช้อินเตอร์เน็ต 3,773 ล้านคน หรือ 50% ของคนทั้งโลก
มีคนใช้สังคมออนไลน์ 2,549 ล้านคน หรือ 34% ของคนทั้งโลก
แต่ถ้ามองดูการเติบโตของปี 2016
คนใช้มือถือเติบโต 5%
คนใช้อินเตอร์เน็ตเติบโต 10%
คนใช้สังคมออนไลน์เติบโต 30%
สรุปได้ว่าโลกกำลังเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีจาก มือถือ ไป อินเตอร์เน็ต ไป สังคมออนไลน์ หรือ 2G ไป 3G ไป 4G
มือถือเป็นตัวแทนยุค 2G ที่ใช้แค่พูดคุยทางเสียง
อินเตอร์เน็ตเป็นตัวแทนยุค 3G ที่ใช้เข้าเวปไซต์ ส่งอีเมลล์หาคนที่รู้จัก
สังคมออนไลน์เป็นตัวแทนยุค 4G ที่ใช้ส่งรูป วิดีโอ และถ่ายทอดสด ให้ทั้งโลก
จนถึงตอนนี้ผมยังไม่รู้ว่าไทยแลนด์ 4.0 แปลว่าอะไร แต่ผมรู้แค่ข้อเท็จจริงหนึ่งว่า กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่คนใช้ facebook มากที่สุดในโลกมาหลายปีแล้ว
เราอาจจะอยู่ในยุค 4.0 ที่เราเพ้อฝันโดยที่เราไม่รู้ตัวแล้วก็ได้
กรุงเทพน่าจะเป็นเมืองที่ทำธุรกิจใน facebook ง่ายที่สุดในโลกแล้ว ด้วยเหตุผลของการเป็นตลาดสังคมออนไลน์ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้ธุรกิจสามารถมี economy scale ได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดต้นทุนค่าขนส่งทางไกล และสามารถส่งหลายบ้านในเส้นทางเดียว
จริงๆแล้วถ้าต่างประเทศบินมาดูงาน 4.0 แบบไทยไทยเขาน่าจะทึ่งกับหลายอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้ ตอนนี้กรุงเทพเป็นเมืองที่ส่งของได้เร็วที่สุดในโลก เพราะมีพี่วินมอเตอร์ไซค์ที่เป็นเครือข่ายที่ไม่มีประเทศไหนเหมือน ด้วยความคล่องตัวทำให้ส่งของถึงมือผู้รับในไม่ถึงชั่วโมง
ผู้ขายแค่มี เพจใน facebook มีสินค้าที่มีคุณภาพ ราคาไม่แพง และมีการตลาดนิดหน่อย ก็สามารถเข้าถึงคนเป็นสิบล้านคนได้ โดยไม่ต้องไปเช่าพื้นที่ขายในตลาดหรือในห้าง
จึงไม่แปลกใจเลยที่เราจะเห็น
ปูม้านึ่งขายใน facebook อย่างเดียวไม่มีหน้าร้าน มียอดขาย 600 ล้านบาทต่อปี