คนไทยทุกคนคงรู้จักน้ำหวานนี้
มีรูปเด็กผู้ชายที่ไม่เคยโตแปะอยู่บนหน้าขวด
จนเราแก่แล้ว ขวดนี้มันก็หน้าตาเหมือนเดิม
เหมือนเป็นสินค้าเงียบๆ ที่ทุกคนชินตา
แต่รู้ไหมว่าน้ำหวานยี่ห้อนี้กำไรไม่น้อย

ถ้าพูดถึงอากาศร้อนๆของเมืองไทยแล้ว ทุกคนคงอยากกินเครื่องดื่ม หรือขนมหวาน

ไม่ว่าจะเป็นน้ำแดงโซดา หรือ น้ำแข็งใสที่ราดด้วยน้ำหวานสีแดงหรือสีเขียว

น้ำหวานเข้มข้นในขวดแก้วใสที่อยู่คู่กับคนไทยมาตลอดหลายทศวรรษ นั้นก็คือ น้ำหวาน “เฮลซ์บลูบอย” ที่เรารู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี และเชื่อว่าไม่มีใครที่ไม่เคยกิน

เมื่อปี พ.ศ 2502 เฮลซ์บลูบอยถือกำเนิดขึ้นจาก 4 พี่น้องครอบครัวคนจีนตระกูล พัฒนะเอนก เดิมประกอบอาชีพร้านโชห่วย ต่อมาได้เห็นโอกาสในธุรกิจน้ำหวาน เพราะ เนื่องจากในยุคนั้นประเทศไทยยังขาดสินค้าอุปโภคบริโภคประเภทนี้ โดยสูตรน้ำหวานเป็นสูตรของครอบครัวที่คิดค้นขึ้นมาเอง

ในปี พ.ศ 2521 ตระกูลพัฒนะเอนกได้เริ่มก่อตั้ง บริษัท เฮลซ์เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด โดยดำเนินธุรกิจน้ำหวานเข้มข้นและ น้ำตาลก้อนที่ใช้ในการชงกาแฟ

รายได้ของ บริษัท เฮลซ์เทรดดิ้ง
ปี 2557 รายได้รวม 2,392 ล้านบาท กำไรสุทธิ 515 ล้านบาท
ปี 2558 รายได้รวม 2,830 ล้านบาท กำไรสุทธิ 605 ล้านบาท
ปี 2559 รายได้รวม 2,803 ล้านบาท กำไรสุทธิ 581 ล้านบาท

จุดที่น่าสนใจคือ รายได้ของบริษัทส่วนใหญ่มาจาก สินค้าตัวเดียวที่เป็นโปรดักส์แชมเปี้ยนอย่าง เฮลซ์บลูบอย ถึงแม้ว่าจะโดนท้าทายจากสินค้าแบรนด์อื่นๆทั้งในประเทศและต่างประเทศอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรเฮลซ์บลูบอยได้

ทำไมเฮลซ์บลูบอยจึงขายดี?

น้ำหวานเฮลซ์บลูบอย ตลอดระยะเวลา 58 ปี ได้สร้างฐานลูกค้าที่มั่นคงมาก มีกลุ่มลูกค้ากว้างขว้าง ตั้งแต่รากหญ้าจนถึงไฮโซ ที่สำคัญเฮลซ์บลูบอยเป็นสินค้าที่ไม่ต้องสอนการใช้งาน ใช้งานง่าย ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป็นคนครีเอทออกแบบการใช้ตามความต้องการของลูกค้าเอง

ช่องทางการขายของเฮลซ์บลูบอย นั้นมีทุกช่องทางตั้งแต่ โมเดิร์นเทรด ซุปเปอร์มาร์เก็ต คอนวีเนียนสโตร์ ร่วมไปถึงร้านโชห่วย โดยช่องทางที่โดดเด่นมากที่สุด คือ ร้านขายน้ำแบบชงโดยแม่ค้า หรือ ร้านกาแฟทั่วไป ซึ่งมีมากมายทั่วประเทศ ตลอดจนร้านขนมหวานต่างก็ใช้น้ำหวานเฮลซ์บลูบอยกันแทบทั้งนั้น

เรียกได้ว่า คนกินอาจจะไม่ได้ซื้อ เฮลซ์บลูบอย เองอย่างเดียว แต่คนขายน้ำก็ต้องซื้อ เฮลซ์บลูบอย ด้วย

ถ้าเราย้อนนึกกลับไปในวัยเด็ก ตอนที่เราได้เริ่มกินเฮลซ์บลูบอย รสชาติความหอมหวานตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ เรายังคงรู้สึกอร่อยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงเรื่องคุณภาพที่ดีสม่ำเสมออย่างต่อเนื่อง

Packaging ที่เราเห็นเป็นรูปขวด ก็เห็นอย่างนี้มาหลายสิบปี และก็เป็นตราสัญลักษณ์ของ เฮลซ์บลูบอยไปแล้ว

ไม่ว่าเทคโนโลยีจะ disrupt ของหลายอย่างไปมากแค่ไหน กล้องถ่ายรูปดิจิตอล โนเกีย แบล็คเบอรี่ ไอโฟน เฮลส์บลูบอยก็ยังเป็นขวดเดิม ทำหน้าที่เดิมของมัน คือให้น้ำหวานที่รสชาติถูกปากคนไทย  และก็น่าจะไม่มีสิ่งไหนมาแทนได้ไปอีกหลายสิบปีข้างหน้า

เรื่องนี้ใช้ได้กับทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น การงาน ชีวิต ความรัก หรือ ธุรกิจ.. ในบางครั้ง ถ้าเรามั่นใจว่าสิ่งนั้นมันดีอยู่แล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องไปหาสูตรใหม่ หรือปรับเปลี่ยนอะไรมาก เพราะเราไม่รู้ว่าของใหม่นั้นมันจะดีกว่าของเดิมที่มีอยู่แล้วหรือไม่

หน้าที่หลัก ที่ดูเหมือนจะง่าย แต่จริงๆแล้วทำยาก ก็คือ การรักษาให้สิ่งนั้นมีคุณภาพดีเหมือนเดิม เหมือนวันแรก ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร ถ้าเราทำได้ผลลัพธ์ก็น่าจะเป็นเหมือน เฮลส์ บลูบอย..