ในยุคนี้เราต้องทิ้งสิ่งที่รู้ และค้นหาว่าควรรู้อะไร
ในยุคนี้เราต้องทิ้งสิ่งที่รู้ และค้นหาว่าควรรู้อะไร /โดย ลงทุนแมน
ในชีวิตของหลายคน คิดว่าการเรียนรู้จบแค่ในห้องเรียน
แต่จริงๆ แล้วในโลกยุคนี้ สิ่งที่ต้องทำกลับตรงกันข้าม
เพราะเธอคนนี้แนะนำว่า
เราควรจะทิ้งสิ่งที่เรารู้มาทั้งหมด และเริ่มต้นคิดใหม่ ว่าเราควรรู้อะไรบ้าง
เธอคนนี้เป็นใคร ทำไมถึงแนะนำแบบนี้
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
แต่จริงๆ แล้วในโลกยุคนี้ สิ่งที่ต้องทำกลับตรงกันข้าม
เพราะเธอคนนี้แนะนำว่า
เราควรจะทิ้งสิ่งที่เรารู้มาทั้งหมด และเริ่มต้นคิดใหม่ ว่าเราควรรู้อะไรบ้าง
เธอคนนี้เป็นใคร ทำไมถึงแนะนำแบบนี้
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
คำว่า “Unlearn” หรือการทิ้งสิ่งที่เรารู้ เป็นเรื่องที่คุณอริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการ SEAC กล่าวอย่างมั่นใจว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำในยุคนี้ โดยเฉพาะในยุคหลังโควิด-19 ที่ทุกอย่างกำลังจะถูกเร่งให้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จนเราถูกบังคับให้ต้องรู้ ไม่เช่นนั้น เราจะเอาตัวไม่รอด..
ลงทุนแมนได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณอริญญา ในประเด็นเรื่องทักษะที่เราต้องเรียนรู้ในอนาคตว่าควรเป็นอย่างไร
คุณอริญญา เป็นผู้บุกเบิกในการสร้างหลักสูตรอบรมในประเทศมามากมายตั้งแต่ 28 ปีที่แล้ว ภายใต้ชื่อ APMGroup ซึ่งก็ประสบความสำเร็จและเป็นผู้นำในด้านนี้ตลอดมา
และเมื่อ 3 ปีที่แล้ว คุณอริญญาได้ตระหนักถึงกระแส Disruption ของเทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งคุณอริญญาคิดว่ารูปแบบการเรียนแบบอบรมอย่างเดียวคงไม่เพียงพอสำหรับในยุคปัจจุบัน จึงตัดสินใจเปลี่ยนรูปแบบองค์กรเป็น SEAC ที่มีแนวคิดเป็นศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิต
เรื่องนี้น่าสนใจ ถ้าเราคิดว่าการเรียนรู้ในยุคนี้จะต้องมาเรียนในห้อง เห็นหน้าพบปะกับครู เราอาจจะคิดผิด
เรื่องนี้พิสูจน์ได้จาก การที่ SEAC ออกแบบให้มีระบบการเรียนการสอนในแบบ Virtual ตั้งแต่ก่อนเหตุการณ์โควิด-19 ซึ่งพอเกิดเรื่องขึ้นมาก็ทำให้ที่นี่มีระบบพร้อมที่จะรองรับสถานการณ์ได้ทันที
ซึ่งข้อดีของการเรียนออนไลน์เป็นอย่างที่ทุกคนรู้กันก็คือ เราจะดูกี่รอบก็ได้ ย้อนกลับไปดูช่วงที่เราไม่เข้าใจได้ เพราะบางวิชาที่สอนใน SEAC จะมีวิทยากรชาวต่างชาติ ซึ่งในบางครั้งเราจะฟังไม่ทันบางคำพูด นอกจากนั้นก็ยังมี Subtitle แปลให้อีกด้วยสำหรับคนที่ไม่ถนัดภาษา และยิ่งไปกว่านั้นถ้ายังไม่เข้าใจอีกก็มีคนมาย่อยมา unpack และสรุปให้ฟังเป็นภาษาง่ายๆ พร้อมนำไปปฏิบัติใช้ได้ทันทีอีกครั้งด้วย
นอกจากนั้น พอเราเรียนจบแล้ว การได้ถกเถียงตัวอย่างการนำไปใช้ในชีวิตจริงก็สำคัญ ซึ่งแพลตฟอร์มการเรียนรู้ในยุคนี้ควรมีช่องทางที่รองรับการพูดคุยกันเองระหว่างผู้เรียนหลังจากเรียนจบ ซึ่ง SEAC เรียกเรื่องนี้ว่า Social Learning เป็นการเรียนรู้จากกันและกัน ระหว่างสมาชิกที่จะได้มาแลกเปลี่ยน และแบ่งปัน
ข้อดีของ Social Learning ของ SEAC คือการที่มีคนหลากหลายความเชี่ยวชาญ ต่างอาชีพ ต่างวัยมารวมกลุ่ม ช่วยให้เราได้เปิดมุมมอง เรียนรู้จากกันและกันได้
นอกจากนั้นความหลากหลายของวิชาที่เรียนก็สำคัญ
การเรียนสมัยนี้ต้องตอบโจทย์ทั้งทักษะเบื้องต้น เช่นวิธีการนำเสนอในที่ประชุม ที่เรียนชั่วโมงเดียวจบ ไปจนถึงคอร์ส การตลาดระดับสูง 50 ชั่วโมงที่เรียนจบแล้วได้ Certificate
การเรียนสมัยนี้ต้องตอบโจทย์ทั้งทักษะเบื้องต้น เช่นวิธีการนำเสนอในที่ประชุม ที่เรียนชั่วโมงเดียวจบ ไปจนถึงคอร์ส การตลาดระดับสูง 50 ชั่วโมงที่เรียนจบแล้วได้ Certificate
โดยทั้งหมดนี้น่าสนใจว่าคุณอริญญาคิดค่าบริการเป็นโมเดลแบบในต่างประเทศที่เป็น Subscription เรียนเท่าไรก็ได้ไม่จำกัด ไม่ใช่คิดค่าเรียนเป็นคอร์สเหมือนการอบรมทั่วไป
และถ้าถามว่าคอร์สเรียนประเภทไหนได้รับความนิยมสุดในช่วง โควิด-19
คำตอบก็คือ วิชาที่สามารถทำให้ผู้เรียนเอาตัวรอดได้ในช่วงนี้ (Just in Time)
จากที่เมื่อก่อนกว่าจะเรียนจบทั้งวิชาต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์
มาวันนี้สถานการณ์ถูกบังคับให้เราต้องเรียนรู้
และเมื่อมีเครื่องมือที่พร้อม เราก็สามารถเรียนจบได้ในคืนเดียว และนำความรู้ไปใช้ได้ทันทีในวันรุ่งขึ้น
จากที่เมื่อก่อนกว่าจะเรียนจบทั้งวิชาต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์
มาวันนี้สถานการณ์ถูกบังคับให้เราต้องเรียนรู้
และเมื่อมีเครื่องมือที่พร้อม เราก็สามารถเรียนจบได้ในคืนเดียว และนำความรู้ไปใช้ได้ทันทีในวันรุ่งขึ้น
ตัวอย่างของวิชาที่เป็นที่นิยมที่สามารถใช้ได้ทันทีในช่วงนี้ก็คือ
-การตลาดดิจิทัล Digital Marketing
-การเล่าเรื่อง Story Telling
หรือเป็นเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องเช่น วิธีการประชุมแบบกระชับ หรือวิธีการขายในยุคดิจิทัล
-การตลาดดิจิทัล Digital Marketing
-การเล่าเรื่อง Story Telling
หรือเป็นเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องเช่น วิธีการประชุมแบบกระชับ หรือวิธีการขายในยุคดิจิทัล
นอกจากนี้อีกเรื่องหนึ่งที่ได้รับความนิยมก็คือ
การเรียนรู้เพื่อจุดประสงค์เฉพาะของแต่ละบุคคล (Purpose Driven) ซึ่งส่วนใหญ่จะมีความต้องการที่แตกต่างกัน
การเรียนรู้เพื่อจุดประสงค์เฉพาะของแต่ละบุคคล (Purpose Driven) ซึ่งส่วนใหญ่จะมีความต้องการที่แตกต่างกัน
ตัวอย่างเช่น ช่วงนี้อาจมีหลายอาชีพที่มีเวลาว่างมากขึ้น
ผู้คนเหล่านี้ก็จะเลือกที่จะเรียนรู้ในทักษะที่ตัวเองสนใจ หรือตามจุดประสงค์ เป้าหมายที่อยากไป
ผู้คนเหล่านี้ก็จะเลือกที่จะเรียนรู้ในทักษะที่ตัวเองสนใจ หรือตามจุดประสงค์ เป้าหมายที่อยากไป
เช่น ผู้ที่ประกอบอาชีพแพทย์เลือกที่จะเรียนรู้วิชาการบริหารเพิ่มเติม
หรือ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเลือกที่จะเรียนรู้วิชาการตลาดเพิ่มเติม
หรือ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเลือกที่จะเรียนรู้วิชาการตลาดเพิ่มเติม
เรื่องเหล่านี้ทำให้คิดได้ว่า
วิกฤติโควิด-19 อาจกลายเป็นเรื่องดี เพราะว่าเป็นตัวเร่งให้เรากล้าที่จะเอาตัวรอด กล้าที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
วิกฤติโควิด-19 อาจกลายเป็นเรื่องดี เพราะว่าเป็นตัวเร่งให้เรากล้าที่จะเอาตัวรอด กล้าที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
ซึ่งถ้าไม่มีวิกฤตินี้ เราอาจจะไม่ขยับตัวที่จะเรียนรู้อะไรเลยก็เป็นได้
แต่คำถามที่สำคัญก็คือ
ทักษะอะไรที่สำคัญสุดในระยะยาว
ทักษะอะไรที่สำคัญสุดในระยะยาว
คุณอริญญากลับไม่ได้กล่าวถึงทักษะเฉพาะทาง แต่กลับบอกว่า Mindset ของเรามีความสำคัญที่สุด เพราะ Mindset คือพื้นฐานของ การกระทำทุกอย่างของเรา ถ้าเราปรับ Mindset ให้ถูกได้ พฤติกรรมของเราก็จะเปลี่ยนตามไปเอง
โดยพื้นฐานของ Mindset ที่จะทำให้เราก้าวทันคนอื่นได้ในยุคนี้มีอยู่ 4 อย่างก็คือ
1. Mindset ว่าเราจะต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต
เมื่อเรามีแนวคิดนี้ เราก็จะพยายามหาทางที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา
เมื่อเรามีแนวคิดนี้ เราก็จะพยายามหาทางที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา
2. Mindset ที่จะกล้าออกจาก comfort zone ของตัวเอง
เพราะบ่อยครั้งไม่ใช่ว่าเราไม่รู้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งก็คือ เรารู้แล้วแต่เราไม่ทำ
เพราะบ่อยครั้งไม่ใช่ว่าเราไม่รู้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งก็คือ เรารู้แล้วแต่เราไม่ทำ
3. Mindset ที่เริ่มจากคิดว่าคนอื่นต้องการอะไรจากตัวเรา
ซึ่งหลายคนกลับเริ่มจาก ความต้องการของตนเองว่าต้องการอะไรจากคนอื่น
ซึ่งหลายคนกลับเริ่มจาก ความต้องการของตนเองว่าต้องการอะไรจากคนอื่น
4. Mindset การทำงานร่วมกับคนอื่น และพร้อมปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว
เพราะในยุคสมัยนี้ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว วิธีการทำงานของเราจึงสำคัญมาก
เพราะในยุคสมัยนี้ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว วิธีการทำงานของเราจึงสำคัญมาก
ถ้าเรามี Mindset เหล่านี้ครบจะทำให้เราสามารถแข่งขันกับคนอื่นได้อย่างไม่เป็นรองใคร
ดูเหมือนว่าโลกในยุคนี้จะต้องการ การศึกษาที่อยู่นอกห้องเรียน
แต่ถ้าถามว่าโลกนี้ยังต้องการการศึกษาในระบบอยู่ไหม?
แต่ถ้าถามว่าโลกนี้ยังต้องการการศึกษาในระบบอยู่ไหม?
คุณอริญญาตอบได้น่าสนใจว่า ตราบใดที่คนในองค์กรหรือบริษัทต่างๆ เลือกรับพนักงานจากการดูใบปริญญา การศึกษาในระบบ ก็ยังคงมีความสำคัญเช่นกัน
เพียงแต่สิ่งที่จะสำคัญมากขึ้นในปัจจุบันคือเรื่องของ “ทักษะชีวิต” เราต้องเติมการเรียนการสอนเรื่อง “การใช้ชีวิต” เข้าไปในหลักสูตรในระบบการศึกษาปัจจุบันมากขึ้น เพราะเธอคิดว่าการใช้ชีวิตจะเป็นสิ่งสำคัญมากต่อเด็กที่จะเติบโตขึ้นมาในอนาคต
และในอนาคต AI หรือหุ่นยนต์จะมาแทนการทำงานของมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งคุณอริญญายอมรับว่า โลกในอนาคต หุ่นยนต์จะฉลาดและเข้ามาแทนที่มนุษย์ในหลายเรื่อง
ซึ่งคุณอริญญายอมรับว่า โลกในอนาคต หุ่นยนต์จะฉลาดและเข้ามาแทนที่มนุษย์ในหลายเรื่อง
แต่ในขณะเดียวกัน ก็จะมีงานเกิดขึ้นใหม่ๆ สำหรับมนุษย์มากขึ้นเช่นกัน
เพียงแต่เราต้องค้นหาว่าเราควรเรียนรู้อะไร และเราต้องรู้จัก “การทิ้ง” ในสิ่งที่เรารู้ไปบ้าง
เพื่อเริ่มต้นเรียนรู้ใหม่ในทักษะที่เราไม่คุ้นชิน
เพียงแต่เราต้องค้นหาว่าเราควรเรียนรู้อะไร และเราต้องรู้จัก “การทิ้ง” ในสิ่งที่เรารู้ไปบ้าง
เพื่อเริ่มต้นเรียนรู้ใหม่ในทักษะที่เราไม่คุ้นชิน
และถ้าถามว่าทักษะอะไรที่ หุ่นยนต์ จะทำสู้มนุษย์ไม่ได้
คุณอริญญาตอบว่า หุ่นยนต์จะไม่มี “Empathy” หรือ การเข้าอกเข้าใจอีกฝ่ายหนึ่งอย่างลึกซึ้งว่ากำลังรู้สึกอย่างไร..
----------------
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ลงทุนแมนหวังว่าทุกคนน่าจะนำข้อคิดเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตของแต่ละคนได้
คุณอริญญาตอบว่า หุ่นยนต์จะไม่มี “Empathy” หรือ การเข้าอกเข้าใจอีกฝ่ายหนึ่งอย่างลึกซึ้งว่ากำลังรู้สึกอย่างไร..
----------------
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ลงทุนแมนหวังว่าทุกคนน่าจะนำข้อคิดเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตของแต่ละคนได้
ถ้าผู้อ่านสนใจการเริ่มต้นปรับวิธีคิด เพิ่มเติมทักษะ และสัมผัสประสบการณ์การเรียนรู้ตลอดชีวิตกับ YourNextU โมเดลการเรียนรู้แบบผสมผสานจาก SEAC แพ็กเกจพิเศษตอนนี้เริ่มต้นเพียง 1,700 บาท ดูรายละเอียดที่ www.yournextu.com