เราควรลงทุนอะไร? ถ้าโลกอยู่ในภาวะสงคราม
เราควรลงทุนอะไร? ถ้าโลกอยู่ในภาวะสงคราม /โดย ลงทุนแมน
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายคนคงได้ติดตามข่าว สหรัฐอเมริกา กับ อิหร่าน ที่มีการโจมตีกัน จนทำให้ทั่วโลกเป็นกังวล บางคนถึงขนาดบอกว่าสงครามโลกจะเกิดขึ้น
เรื่องนี้ก็ส่งผลให้ ดัชนีตลาดหุ้นในหลายประเทศทั่วโลกผันผวนขึ้นลงตามข่าวที่ออกมา
ทั้งนี้ขอหมายเหตุว่า สงครามโลกจริงๆ คงเกิดขึ้นได้ยาก แต่บทความนี้ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟังว่าถ้าสงครามเกิดขึ้น เราควรจะลงทุนอะไรดี..
╔═══════════╗
Blockdit แอปเขียนบล็อกอันดับ 1
http://www.blockdit.com
╚═══════════╝
สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุดในวิชาการเงิน ก็คือ พันธบัตรรัฐบาล
╔═══════════╗
Blockdit แอปเขียนบล็อกอันดับ 1
http://www.blockdit.com
╚═══════════╝
สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุดในวิชาการเงิน ก็คือ พันธบัตรรัฐบาล
พันธบัตรรัฐบาลคือ ตราสารที่แต่ละรัฐบาลสัญญาว่าจะใช้คืนเงินต้น โดยระหว่างนั้นจะมีดอกเบี้ยเป็นงวดๆ ให้ ซึ่งดอกเบี้ยที่ได้รับจะมีความแน่นอน และในประเทศส่วนใหญ่ รัฐก็จะล้มหลังจากเอกชนเสมอ
นั่นก็เป็นสาเหตุให้อัตราของผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลค่อนข้างต่ำกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่น แต่อย่างน้อยเราก็ยังอุ่นใจในระดับหนึ่งว่า เงินต้นของเราจะไม่หายไปไหน และอัตราผลตอบแทนค่อนข้างคงที่
โดยปัจจุบัน อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลของหลายๆ ประเทศทั่วโลกนั้นอยู่ระดับต่ำมาอย่างยาวนาน จากโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนไป และในบางประเทศ พันธบัตรรัฐบาลให้ผลตอบแทนติดลบก็มี
แต่ในวิชาการเงินก็อาจไม่ได้พูดครอบคลุมถึงภาวะสงคราม ที่จากประวัติศาสตร์ของโลกก็เคยมีหลายประเทศออกพันธบัตรมาจำนวนมากในยามสงคราม เพื่อมาใช้จ่ายในกำลังทหารและอาวุธ
และสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อมาก็คือ รัฐจะทำให้ค่าเงินด้อยลง โดยการพิมพ์ธนบัตรออกมาจำนวนมากๆ เพื่อล้างหนี้
นั่นก็เป็นสาเหตุทำให้
เวลาพูดถึงเรื่องสงคราม หลายคนจะนึกถึงอีกสินทรัพย์หนึ่งขึ้นมาทันที
นั่นก็คือ ทองคำ..
เวลาพูดถึงเรื่องสงคราม หลายคนจะนึกถึงอีกสินทรัพย์หนึ่งขึ้นมาทันที
นั่นก็คือ ทองคำ..
เพราะทองคำมีค่าในตัวมันเอง และต่างจาก ธนบัตร ตรงที่ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีจำกัด แต่ธนบัตรอาจถูกพิมพ์ออกมาได้เรื่อยๆ
สังเกตได้จากในช่วงที่มีข่าวสงคราม ราคาทองคำจะพุ่งสูงขึ้นทันที และเมื่อความกังวลน้อยลง ราคาทองคำก็จะตกลงมา
นอกจากทองคำแล้ว
สินทรัพย์ลำดับถัดมาก็คือ “หุ้น”
สินทรัพย์ลำดับถัดมาก็คือ “หุ้น”
หลายคนอาจคิดว่า ในช่วงภาวะสงคราม เราไม่ควรลงทุนในหุ้นไหนเลย แต่ความจริงแล้วเรื่องของสงครามอาจไม่ได้กระทบกับทุกบริษัทเสมอไป
บางบริษัทอาจได้ประโยชน์จากเหตุการณ์เหล่านี้ หรือ เหตุการณ์เหล่านี้อาจจะไม่กระทบการดำเนินงานของบริษัทเลย
เริ่มจาก บริษัทที่ได้ประโยชน์เมื่อเกิดสงครามขึ้นแบบทันทีก็คือ บริษัทที่ผลิต หรือ ค้าอาวุธสงคราม นั่นเอง
เริ่มจาก บริษัทที่ได้ประโยชน์เมื่อเกิดสงครามขึ้นแบบทันทีก็คือ บริษัทที่ผลิต หรือ ค้าอาวุธสงคราม นั่นเอง
ในประเทศไทยเราอาจจะไม่ได้เห็นบริษัทที่ทำธุรกิจนี้ แต่สำหรับในต่างประเทศนั้น บริษัทค้าอาวุธเหล่านี้มีขนาดใหญ่ และรายได้ดีไม่แพ้บริษัทยักษ์ใหญ่อื่นๆ เลย
ตัวอย่างเช่น บริษัท Lockheed Martin บริษัทค้าอาวุธที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่า 3.5 ล้านล้านบาท
หรือแม้กระทั่ง บริษัท เครื่องบินที่เราคุ้นเคยกันอย่าง Boeing ที่นอกจากจะผลิตเครื่องบินทั่วไปแล้ว ก็ยังเป็นผู้ผลิตเครื่องบินรบอีกด้วย ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่น่าจะได้ประโยชน์หากโลกเกิดสงครามขึ้น
ส่วนบริษัทที่การดำเนินงานไม่ได้รับผลกระทบจากสงคราม ที่เราน่าจะเห็นภาพก็คือบริษัทที่เกี่ยวกับสาธารณูปโภค เช่น โรงไฟฟ้า ทางด่วน รถไฟฟ้า ซึ่งถ้ามีสงครามภายนอกประเทศ ก็ไม่น่ากระทบอะไรกับกิจการเหล่านี้
นอกจากนั้นก็มี บริษัทที่ผลิตสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวันของมนุษย์ เช่น อาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค ที่ถึงแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เราก็ยังคงจำเป็นต้องใช้อยู่ เช่น ถ้าเกิดสงครามภายในประเทศ สินค้าอย่าง “มาม่า” อาจกลับกลายเป็นขายดี เพราะประชาชนจะแห่ซื้อมาตุนไว้
แน่นอนว่า ในช่วงสงคราม คงต้องมีหลายธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากความไม่เชื่อมั่น โดยเฉพาะ ธุรกิจที่เกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ นำเข้า ส่งออก รวมถึงการท่องเที่ยว ที่คนคงไม่อยากท่องเที่ยวไปประเทศที่เกี่ยวข้องกับสงคราม
แต่อย่างไรก็ตาม ในวิกฤติก็ย่อมมีโอกาส ลองคิดดูดีๆ เราอาจเจออีกหลายบริษัทที่ได้ประโยชน์จากภาวะสงครามก็เป็นได้
ยกตัวอย่าง ณ ปัจจุบัน ที่เรานั่งอ่านบทความนี้ ถ้ามีสงคราม ผู้คนก็ย่อมอยากติดตามข่าวเพื่ออัปเดตสถานการณ์กันมากขึ้นหลายเท่า
และคนที่จะได้ประโยชน์ในการเสพสื่อยุคดิจิทัลนี้
ก็คงหนีไม่พ้นบริษัท Google และ Facebook นั่นเอง..
----------------------
Blockdit แอปเขียนบล็อกอันดับ 1
http://www.blockdit.com
----------------------
ก็คงหนีไม่พ้นบริษัท Google และ Facebook นั่นเอง..
----------------------
Blockdit แอปเขียนบล็อกอันดับ 1
http://www.blockdit.com
----------------------