TESCO กำลังพิจารณาขายกิจการ ในประเทศไทย
TESCO กำลังพิจารณาขายกิจการ ในประเทศไทย / โดย ลงทุนแมน
ข่าวใหญ่ของวันนี้ ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงจะเป็นดีลประวัติศาสตร์ที่มีมูลค่ามากสุดดีลหนึ่งของประเทศไทย เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมามีข่าวจากทางสำนักข่าวต่างประเทศว่า TESCO เจ้าของห้างเทสโก้ โลตัส กำลังพิจารณาขายกิจการในประเทศไทย
เรื่องนี้จะน่าสนใจมากๆ อย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ในข่าวบอกว่า TESCO บริษัทค้าปลีกจากสหราชอาณาจักร กำลังทบทวนกลยุทธ์ของบริษัท โดยเฉพาะธุรกิจในประเทศไทยและมาเลเซีย ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะขายกิจการใน 2 ประเทศนี้
อย่างไรก็ตามบริษัท ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของแผนการขาย และยังไม่มีการทำธุรกรรมใดๆ
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจเพราะ เทสโก้ โลตัส ถือเป็นแบรนด์ค้าปลีกอันดับต้นๆ ของประเทศไทย
เรามาดูรายได้ ปี 2561 ของบริษัทค้าปลีกไทยทั้งหมด
เรามาดูรายได้ ปี 2561 ของบริษัทค้าปลีกไทยทั้งหมด
- ซีพีออลล์ เจ้าของ 7-11 (ซีพีเอฟ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่)
รายได้ 335,533 ล้านบาท
กำไร 19,944 ล้านบาท
รายได้ 335,533 ล้านบาท
กำไร 19,944 ล้านบาท
- เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม เจ้าของ เทสโก้ โลตัส (TESCO อังกฤษ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่)
รายได้ 198,316 ล้านบาท
กำไร 9,628 ล้านบาท
รายได้ 198,316 ล้านบาท
กำไร 9,628 ล้านบาท
- สยามแม็คโคร (ซีพีออล์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แม็คโคร)
รายได้ 192,930 ล้านบาท
กำไร 5,942 ล้านบาท
รายได้ 192,930 ล้านบาท
กำไร 5,942 ล้านบาท
- บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ (BJC ของไทยเบฟ เป็นเจ้าของบิ๊กซี)
รายได้ 126,408 ล้านบาท
กำไร 6,375 ล้านบาท
รายได้ 126,408 ล้านบาท
กำไร 6,375 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่า เทสโก้ โลตัส เป็นแบรนด์ค้าปลีกที่มีรายได้อันดับ 2 เป็นรองแค่ 7-11 ซึ่งในวงการค้าปลีก ผู้ที่ครองส่วนแบ่งตลาดมาก จะมีความได้เปรียบเรื่อง Economies of Scale
และถ้า TESCO ขายกิจการในเอเชีย จะถือเป็นการเลิกทำธุรกิจในเอเชียทั้งหมด ซึ่งก่อนหน้านี้ TESCO ได้ขายกิจการในเกาหลีใต้มาแล้วในราคา 4 พันล้านปอนด์ หรือราว 160,000 ล้านบาท และหลังจากขาย TESCO จะคงเหลือการดำเนินงานในสหราชอาณาจักร และในยุโรปบางประเทศเท่านั้น
ปัจจุบัน TESCO มีสาขาในประเทศไทย 1,967 สาขา และมาเลเซีย 74 สาขา
ซึ่งจะเห็นได้ว่ากิจการในเอเชียทั้งหมด ก็มีประเทศไทยนี่แหละที่ทำรายได้ให้กับ TESCO มากที่สุด
ซึ่งจะเห็นได้ว่ากิจการในเอเชียทั้งหมด ก็มีประเทศไทยนี่แหละที่ทำรายได้ให้กับ TESCO มากที่สุด
ซึ่งถ้าดูสัดส่วนของกำไรจากการดำเนินงาน ในรายงานประจำปีของ TESCO จะมาจาก
สหราชอาณาจักร 77%
เอเชีย 12%
ยุโรป 6%
และธุรกิจแบงก์ 6%
สหราชอาณาจักร 77%
เอเชีย 12%
ยุโรป 6%
และธุรกิจแบงก์ 6%
หมายความว่าธุรกิจ เทสโก้ โลตัส ในประเทศไทยมีความสำคัญ และมีมูลค่าสำหรับ TESCO มากที่สุดรองจากกิจการในสหราชอาณาจักร
แล้วราคาขายกิจการควรเป็นเท่าไร?
เรื่องนี้คือไฮไลต์ของบทความนี้
เรื่องนี้คือไฮไลต์ของบทความนี้
จริงๆ แล้ว เทสโก้ โลตัส เดิมไม่ได้มีชื่อนี้
ในอดีต เครือซีพีเป็นผู้ก่อตั้งห้างนี้ชื่อ โลตัส
ก่อนจะขายกิจการออกไปให้ทางเทสโก้ และห้างนี้จึงเปลี่ยนชื่อเป็น เทสโก้ โลตัส
ในอดีต เครือซีพีเป็นผู้ก่อตั้งห้างนี้ชื่อ โลตัส
ก่อนจะขายกิจการออกไปให้ทางเทสโก้ และห้างนี้จึงเปลี่ยนชื่อเป็น เทสโก้ โลตัส
คุณธนินท์ให้สัมภาษณ์ทีไรก็รู้สึกเสียดายกับโลตัส
ที่ตอนนั้นจำเป็นต้องขายเพราะเนื่องจากปัญหาด้านสภาพคล่องในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง
ถึงแม้ว่าในอนาคต คุณธนินท์รู้ว่ากิจการจะเติบโต แต่ก็ต้องยอมตัดแขนขาเพื่อรักษาชีวิต
ที่ตอนนั้นจำเป็นต้องขายเพราะเนื่องจากปัญหาด้านสภาพคล่องในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง
ถึงแม้ว่าในอนาคต คุณธนินท์รู้ว่ากิจการจะเติบโต แต่ก็ต้องยอมตัดแขนขาเพื่อรักษาชีวิต
ซึ่งสอดคล้องกับการสัมภาษณ์ครั้งล่าสุด คุณธนินท์ยังตอกย้ำว่าอยากซื้อเทสโก้ โลตัสกลับคืนมา โดยคุณธนินท์พูดในงาน ความสำเร็จ ดีใจได้วันเดียว เมื่อเร็วๆ นี้ว่า
“โลตัสนี่ถ้าเราจะซื้อกลับ ทางอังกฤษเขาบอกว่าหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ”
นั่นก็ตีความหมายได้ว่า ธุรกิจเทสโก้ โลตัสในไทยจะมีมูลค่าประมาณ 300,000 ล้านบาท
ด้วยมูลค่าเท่านี้จะเป็น 1 ใน 3 ของมูลค่าทั้งหมดของบริษัท TESCO ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศอังกฤษเลยทีเดียว
ด้วยมูลค่าเท่านี้จะเป็น 1 ใน 3 ของมูลค่าทั้งหมดของบริษัท TESCO ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศอังกฤษเลยทีเดียว
และถ้าประเมินจากกำไรของบริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม เจ้าของ เทสโก้ โลตัส ที่ 9,628 ล้านบาท
จับหารกันแล้วก็ได้ P/E 31 เท่า ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับบริษัท ซีพีออลล์ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
แต่คำถามคือ ใครจะมีเงิน 300,000 ล้านบาท มาซื้อ?
ถ้าให้ไล่รายชื่อ บุคคล หรือ บริษัทในประเทศไทยทั้งหมดที่จะมีเงินสดมากพอมาซื้อกิจการมูลค่า 300,000 ล้านบาทได้ทันที คำตอบคือ ไม่มี..
ด้วยระดับดีลมูลค่า 300,000 ล้านบาท จะถือว่าเป็นดีลซื้อขายครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย
ทวนดีลประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา
ซีพีออลล์ ซื้อ แม็คโคร 180,000 ล้านบาท ด้วยเงินจำนวนนี้ ซีพีออล์ไม่มีเงินสด ต้องไปกู้เงินมาซื้อ
BJC ซื้อ บิ๊กซี 200,000 ล้านบาท ด้วยเงินจำนวนนี้ BJC ก็ต้องไปกู้มาซื้อเช่นกัน
ซีพีออลล์ ซื้อ แม็คโคร 180,000 ล้านบาท ด้วยเงินจำนวนนี้ ซีพีออล์ไม่มีเงินสด ต้องไปกู้เงินมาซื้อ
BJC ซื้อ บิ๊กซี 200,000 ล้านบาท ด้วยเงินจำนวนนี้ BJC ก็ต้องไปกู้มาซื้อเช่นกัน
ทำให้สถานะการเงินของทั้ง 2 บริษัทตอนนี้มีหนี้ระดับแสนล้านติดอยู่กับบริษัททั้ง ซีพีออลล์ และ BJC จึงบอกเลยว่าถ้าจะให้ 2 บริษัทกู้อีก 300,000 ล้านบาท เพื่อมาซื้อกิจการ เทสโก้ โลตัส แทบจะเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่มีการเพิ่มทุน..
แต่ด้วยความที่เป็นเสี่ยธนินท์ และ เสี่ยเจริญ คำว่าเป็นไปไม่ได้ น่าจะไม่อยู่ในพจนานุกรมของ 2 คนนี้
ถ้าพวกเขาอยากได้จริง พวกเขาก็คงจะหาช่องทาง หาพันธมิตร มาร่วมกันประมูลซื้อกิจการนี้
และเท่าที่คิดได้ตอนนี้ สำหรับผู้ที่มีเครดิตมากพอ พอที่กู้เงินในระดับนี้ได้ นอกจากเสี่ยธนินท์แห่งซีพี และ เสี่ยเจริญแห่งไทยเบฟ แล้ว ก็น่าจะเป็นอีก 3 ราย นั่นก็คือ
1.กลุ่มปตท.
2.กลุ่มคิงเพาเวอร์
3.กลุ่มเซ็นทรัล
และคนที่พลอยได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ไปด้วย ก็คือธนาคารที่ปล่อยกู้นั่นเอง..
1.กลุ่มปตท.
2.กลุ่มคิงเพาเวอร์
3.กลุ่มเซ็นทรัล
และคนที่พลอยได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ไปด้วย ก็คือธนาคารที่ปล่อยกู้นั่นเอง..
แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร พวกเขาจะยอมเสี่ยงหรือไม่ เพราะขนาดประมูลดิวตี้ฟรีจ่ายเงินให้ AOT ปีละ 15,000 ล้านบาท ยังมีแค่คิงเพาเวอร์รายเดียวที่ยอมจ่าย ส่วนเซ็นทรัลยังไม่กล้าสู้ราคา
จากเหตุการณ์ทั้งหมดจึงเป็นที่น่าติดตามว่า ใครจะได้กิจการ เทสโก้ โลตัส ในประเทศไทยไป ซึ่งคนที่ได้ เทสโก้ โลตัส ไปก็น่าจะทำธุรกิจต่อไม่ง่ายในโลกยุคนี้
พฤติกรรมคนที่กำลังเปลี่ยน เราไม่จำเป็นต้องขับรถไปหาที่จอด แล้วก็เดินไปหาของตามชั้นวางสินค้า แต่ตอนนี้เราสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้เพียงไม่กี่นาที แถมของเหล่านั้นยังส่งตรงมาถึงหน้าบ้านเรา
แม้ว่าช่วงที่ผ่านมา เทสโก้ โลตัสได้เริ่มปรับตัวตั้งแต่การลดพื้นที่ค้าปลีก เพื่อเพิ่มพื้นที่เช่า
อย่างไรก็ตาม เมื่อดูภาพในอนาคต กับราคาตอนนี้
ก็ดูเหมือนว่าผู้ซื้อกิจการ เทสโก้ โลตัส น่าจะลังเลว่า
สิ่งที่กำลังจ่ายไป จะคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้รับหรือไม่..
อย่างไรก็ตาม เมื่อดูภาพในอนาคต กับราคาตอนนี้
ก็ดูเหมือนว่าผู้ซื้อกิจการ เทสโก้ โลตัส น่าจะลังเลว่า
สิ่งที่กำลังจ่ายไป จะคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้รับหรือไม่..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
นักลงทุนชื่อดัง วอร์เรน บัฟเฟตต์ เคยซื้อหุ้นของ TESCO ในปี 2006 ถึง 2012 แต่ภายหลังบริษัทนี้ได้มีเรื่องอื้อฉาวเรื่องการตกแต่งบัญชี ต่อมาวอร์เรน บัฟเฟตต์ จึงได้ขายหุ้น TESCO ออกไปทั้งหมดในปี 2014 และยอมรับว่าการลงทุนใน TESCO เป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ของเขา
นักลงทุนชื่อดัง วอร์เรน บัฟเฟตต์ เคยซื้อหุ้นของ TESCO ในปี 2006 ถึง 2012 แต่ภายหลังบริษัทนี้ได้มีเรื่องอื้อฉาวเรื่องการตกแต่งบัญชี ต่อมาวอร์เรน บัฟเฟตต์ จึงได้ขายหุ้น TESCO ออกไปทั้งหมดในปี 2014 และยอมรับว่าการลงทุนใน TESCO เป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ของเขา
References
-https://www.reuters.com/article/us-tesco-thailand/britains-tesco-considers-asia-exit-idUSKBN1YC0CL
-https://www.theguardian.com/business/2015/mar/01/warren-buffett-admits-thumb-sucking-over-tesco-cost-him-444m
-https://www.tescoplc.com
-https://www.theguardian.com/business/2019/dec/08/tesco-weighs-up-sale-of-thai-and-malaysian-stores
-https://www.reuters.com/article/us-tesco-thailand/britains-tesco-considers-asia-exit-idUSKBN1YC0CL
-https://www.theguardian.com/business/2015/mar/01/warren-buffett-admits-thumb-sucking-over-tesco-cost-him-444m
-https://www.tescoplc.com
-https://www.theguardian.com/business/2019/dec/08/tesco-weighs-up-sale-of-thai-and-malaysian-stores