ไปเที่ยวยังต้องแลกเงินอยู่ไหม?
Sponsored by Visa
ไปเที่ยวยังต้องแลกเงินอยู่ไหม? / โดย ลงทุนแมน
ไปเที่ยวยังต้องแลกเงินอยู่ไหม? / โดย ลงทุนแมน
ช่วงนี้เงินบาทแข็งค่ามากที่สุดในรอบหลายปี..
เงินบาทแข็งค่า แปลว่า ถ้าเราใช้เงินบาทจำนวนเท่าเดิมไปแลกเงินต่างประเทศ เราจะได้เงินต่างประเทศจำนวนมากกว่าเดิม
และหากเปรียบเทียบเงินบาทไทยกับสกุลต่างชาติตั้งแต่ต้นปี
เงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ 6.1%
เงินบาทแข็งค่าขึ้นเทียบกับยูโร 9.3%
เงินบาทแข็งค่าขึ้นเทียบกับปอนด์อังกฤษ 5.8%
เงินบาทแข็งค่าขึ้นเทียบกับเยนญี่ปุ่น 5.6%
เงินบาทแข็งค่าขึ้นเทียบกับยูโร 9.3%
เงินบาทแข็งค่าขึ้นเทียบกับปอนด์อังกฤษ 5.8%
เงินบาทแข็งค่าขึ้นเทียบกับเยนญี่ปุ่น 5.6%
แล้วเรื่องนี้ มีข้อดีอย่างไรสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเรา?
เวลาที่เงินบาทแข็ง ก็เหมือนกับเราได้ซื้อของต่างประเทศในราคาถูกลง
เรื่องนี้จึงถือเป็นโอกาสในการเดินทางไปต่างประเทศ สั่งซื้อของมาจากต่างประเทศ หรือใครที่ยังไม่มีแผนจะเดินทางเร็วๆ นี้ ก็สามารถแลกเงินต่างประเทศเก็บไว้ก่อนได้
โดยปกติแล้วเวลาเราจะแลกเงิน ต้องเดินทางไปที่ธนาคาร หรือร้านแลกเงิน
หรือถ้าอยากได้ความสะดวกสบาย หลายคนก็เลือกใช้เป็น บัตรเครดิต เพราะนอกจากจะไม่ต้องพกเงินสดติดตัวแล้ว ยังมีการสะสมคะแนน เพื่อนำไปแลกรับสิทธิพิเศษต่างๆ ตั้งแต่ ส่วนลดร้านค้า ไปจนถึงตั๋วเครื่องบิน แต่เวลารูดบัตรเครดิต อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ส่วนใหญ่จะรวมค่าความเสี่ยงการแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตามความยุ่งยากเหล่านี้กำลังจะกลายเป็นอดีต..
เพราะตอนนี้หลายธนาคารออกบัตรประเภท Travel Card กับทาง Visa ซึ่งเป็นบัตรที่เหมาะกับการเดินทางไปต่างประเทศ และเป็นทางเลือกเพื่อมาแก้ไขความวุ่นวายเหล่านั้น
Travel Card คืออะไร?
Travel Card มี 2 ประเภท
ประเภทแรก คือ บัตรแบบที่แลกเงินต่างประเทศเก็บไว้ก่อน พูดง่ายๆ ก็คือ มีลักษณะเหมือนกับบัตร Prepaid ที่เราจะแลกเงินมาเก็บเอาไว้ในบัตรก่อน พอถึงเวลาที่จะใช้ ก็นำไปรูดได้เหมือนกับบัตรเดบิตตามวงเงินที่เราแลกมาก่อนล่วงหน้า
ข้อดีของบัตรรูปแบบนี้ คือ ทำให้เราได้เรตในวันที่แลก ไม่ต้องกังวลว่าในอนาคตตอนเราใช้จริง เรตอัตราแลกเปลี่ยนจะเป็นเท่าไร
อีกทางเลือกคือ บัตรเดบิตบางประเภทที่มีสิทธิประโยชน์พิเศษสำหรับกลุ่มนักเดินทาง ซึ่งจะมียกเว้นค่าความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ และใช้อัตราแลกเปลี่ยนในวันที่เราใช้จ่าย
ที่น่าสนใจคือ อัตราแลกเปลี่ยนของ Travel Card ยังถูกพอๆ กับร้านแลกเงิน โดยเราสามารถถอนเงินสดหรือรูดใช้จ่ายบัตรได้ทุกที่ทั่วโลกที่มีสัญลักษณ์ Visa รวมทั้งสามารถใช้ซื้อของออนไลน์บนเว็บไซต์ต่างประเทศ แล้วชำระด้วยสกุลเงินนั้นได้เลย
เรียกได้ว่า ใครกำลังวางแผนไปเที่ยวต่างประเทศ หรือกำลังจะสั่งซื้อสินค้าออนไลน์จากเว็บไซต์ต่างประเทศ
การชำระเงินผ่านบัตร Travel Card ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทั้งประหยัด สะดวก และปลอดภัยกว่า
การชำระเงินผ่านบัตร Travel Card ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทั้งประหยัด สะดวก และปลอดภัยกว่า
ถึงจะไม่มีคะแนนให้สะสมเหมือนกับบัตรเครดิต แต่จุดเด่นของ Travel Card ก็คืออัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่าเดิม
ทั้งสะดวกสบายไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปร้านแลกเงิน
ไม่ต้องพกเงินสดไปเยอะๆ ซึ่งเสี่ยงต่อความไม่ปลอดภัย หรือถ้าจำเป็นต้องใช้ ก็แค่ไปถอนจากตู้เอทีเอ็มที่มีสัญลักษณ์ Visa ได้เลย
ที่สำคัญคือ สกุลเงินหลักๆ ของที่เที่ยวยอดนิยมก็รองรับหมดแล้วทั้ง เยน ยูโร ดอลลาร์ ปอนด์
แต่ถ้าไปที่อื่นๆ พกบัตรเครดิตวีซ่าไปด้วยก็รองรับทั่วโลก
ไม่ต้องพกเงินสดไปเยอะๆ ซึ่งเสี่ยงต่อความไม่ปลอดภัย หรือถ้าจำเป็นต้องใช้ ก็แค่ไปถอนจากตู้เอทีเอ็มที่มีสัญลักษณ์ Visa ได้เลย
ที่สำคัญคือ สกุลเงินหลักๆ ของที่เที่ยวยอดนิยมก็รองรับหมดแล้วทั้ง เยน ยูโร ดอลลาร์ ปอนด์
แต่ถ้าไปที่อื่นๆ พกบัตรเครดิตวีซ่าไปด้วยก็รองรับทั่วโลก
เมื่อโลกทุกวันนี้เชื่อมถึงกันจนแทบไร้ขอบเขต
เราเดินทางไปต่างประเทศกันง่ายขึ้น
เราสามารถสั่งซื้อสินค้าจากอีกซีกโลกได้ภายในไม่กี่นาที
เราสามารถสั่งซื้อสินค้าจากอีกซีกโลกได้ภายในไม่กี่นาที
ดังนั้นการมี Travel Card จึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้เราเชื่อมต่อกับโลกได้อย่างไร้รอยต่อมากขึ้น..