10 ปีที่แล้ว ไอโฟน 1 ได้เปิดตัว
นั่นคือจุดเริ่มต้นของ การเปลี่ยนโลกไปตลอดกาล
วันนี้ ไอโฟน 10 ได้เปิดตัวเป็นครั้งแรก
แอ๊ปเปิ้ลมั่นใจว่า จะเปลี่ยนโลกได้อีกครั้ง
ไอโฟน 10 มีอะไรดีบ้าง?

จบกันไปหมาดๆ สำหรับงาน Apple Special Event 2017
งานที่สาวก Apple รวมถึงผู้ที่หลงใหลในเทคโนโลยีทุกคนรอคอย
สำหรับปีนี้ Apple ได้ย้ายมาจัดที่ Steve Jobs Theater ใน Apple Park เป็นครั้งแรก
ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ Apple ในรัฐแคลิฟอร์เนีย

ทุกคนคงรอคอยว่า iPhone รุ่นใหม่จะมีอะไรให้เราแปลกใจ
วันนี้ลงทุนแมนขอสรุปรายละเอียดงานให้ทุกคนฟัง
ต้อนรับเช้าวันใหม่กันครับ

เริ่มต้นด้วย Apple Watch

Tim Cook ได้ประกาศว่า ปัจจุบัน Apple Watch เป็นนาฬิกาที่มียอดขายขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลก นั่นหมายความว่าได้โค่น Rolex นาฬิกาสุดหรูลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับปีนี้ Apple Watch จะออกรุ่นใหม่คือ Series 3 ซึ่งมาพร้อมกับซิมการ์ด ทำให้สามารถทำกิจกรรมต่างๆโดยไม่ต้องพึ่งพา iPhone

Apple Watch ยังคงชูโรงเรื่องสุขภาพผ่านการพัฒนาเซ็นเซอร์ตรวจชีพจร สามารถวัดได้เมื่อผู้ใส่มีการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคหลอดเลือดในสมอง ที่จะส่งผลให้พิการหรือเสียชีวิตได้นั่นเอง

สำหรับ iPhone ซึ่งเป็นที่จับตามองในงานนี้

Apple ได้ออก iPhone 8 และ 8 plus ตามที่ทุกคนคาดการณ์ โดยมีรูปลักษณ์หน้าตาคล้ายคลึงกับรุ่นเก่า

และยังมีรุ่นพิเศษนั่นก็คือ Iphone X หรือเรียกว่า ไอโฟน 10 (Tim Cook เรียก ไอโฟนเท็น ไม่ใช่ ไอโฟนเอ็กซ์)

โดย Iphone X นั้นเป็นครั้งแรกที่ Apple ออกแบบ Iphone แบบจอเต็มเครื่อง และที่สำคัญ “ไม่มีปุ่ม home”

นอกจากการพัฒนาตัวระบบให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และฟีเจอร์ของกล้องที่มีลูกเล่นแปลกใหม่แล้วนั้น

เทคโนโลยีที่น่าสนใจจริงๆสำหรับปีนี้ก็คือ Wireless Charging และ Face ID

“The Future is wireless”

สำหรับ Wireless Charging ถือเป็นก้าวสำคัญของ Apple ถึงแม้ว่าการชาร์จไร้สายจะไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับวงการเทคโนโลยี

แต่การชาร์จอุปกรณ์ไร้สายครั้งนี้ถือเป็นอีกจุดเปลี่ยน ที่จะทำให้ผู้ใช้งาน Apple devices ทั่วโลกได้รับประสบการณ์ที่แปลกใหม่

Apple ทำงานร่วมกับ Qi ซึ่งเป็นระบบชาร์จไร้สายมาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลก ร่วมกันพัฒนาแท่นชาร์จไร้สาย ซึ่งจะสามารถชาร์จอุปกรณ์ต่างๆของ Apple ไม่ว่าจะเป็น Iphone, Apple Watch หรือแม้กระทั่ง Ear Pods ได้ในเวลาเดียวกัน

“Face ID is the new game changer”

Face ID เป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เข้ามาแทนระบบ Touch ID สแกนลายนิ้วมือของ Apple เมื่อไม่ต้องสแกนนิ้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีปุ่ม Home อีกต่อไป

ปัจจุบันระบบสแกนลายนิ้วมือเปรียบเสมือนมาตรฐานทั่วไปของ Smartphone ทุกยี่ห้อ ตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกโดย iPhone 5s เมื่อ 4 ปีที่แล้ว

Face ID ดีกว่า สแกนลายนิ้วมืออย่างไร?

การสแกนลายนิ้วมือนั้นมีโอกาสผิดพลาดอยู่ที่ 1 ใน 50,000 นั่นหมายความว่าอาจมีคนสแกนลายนิ้วมือ บนโทรศัพท์ของเราและสามารถปลดล็อคได้ 1 ใน 50,000 ครั้ง

แต่ Face ID นั้นมีโอกาสผิดพลาดอยู่ที่ 1 ใน 1,000,000 (1ในล้าน) ถือว่าเป็นระบบความปลอดภัยที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด

Face ID ทำงานโดยเซ็นเซอร์ True-depth camera system ซึ่งจะสแกนใบหน้าของเราและส่งสัญญาณผ่าน neural network สามารถจับใบหน้าของเราได้ไม่ว่าจะใส่แว่นหรือมีการเปลี่ยนแปลงตามอายุ

หลายคนอาจคิดว่า แล้วสามารถใช้รูปถ่ายของเราเพื่อปลดล็อค Face ID ได้หรือไม่

คำตอบคือ “ไม่”

Apple ได้ทดลองแม้กระทั่งกับหน้ากาก special effect จาก Hollywood เพื่อทดสอบความปลอดภัยสูงสุดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Face ID ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการปลดล็อคหน้าจอเพียงเท่านั้น หากแต่ยังสามารถใช้งานร่วมกับเทคโนโลยี AR และ Apple Pay ได้อีกด้วย

นี่เป็นอีกครั้งที่ Artificial Intelligence หรือ AI เข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงโลก

ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้คนเสียเวลากับการ unlock โทรศัพท์มาก แน่นอนว่าในอนาคตเราจะเห็น Face ID ทำอะไรได้อีกหลากหลาย

การทำธุรกรรมทางการเงินในอนาคตก็น่าจะได้ประโยชน์จากส่วนนี้ เหมือนกับตอนที่ Mobile Banking ทั้งหลายเปลี่ยนจากการใช้ username และ password ในการ Log in มาเป็นการแสกนลายนิ้วมือ ทั้งหมดก็เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง

ถึงตรงนี้หลายคนอาจอยากทราบราคาเปิดตัวของ Iphone กันแล้ว

สำหรับ iPhone 8 และ 8 plus เปิดตัวที่ 699 เหรียญ หรือคิดเป็นเงินไทยที่ประมาณ 23,150 บาท เริ่มเปิดจองวันแรก 15 กันยายนนี้ และเริ่มส่งของ 1 อาทิตย์ถัดไป

ส่วน iPhone X ราคาอยู่ที่ 999 เหรียญตามคาด คิดเป็นเงินไทยประมาณ 33,000 บาท เปิดจองวันที่ 27 ตุลาคม และส่งของ 1 อาทิตย์ถัดไปเช่นกัน

ในประเทศไทยก็ยังคงต้องรอต่อไป อย่างไม่มีกำหนด

สำหรับหุ้นของ Apple ในวันนี้

เปิดตัวที่ 162.74 เหรียญต่อหุ้น และขึ้นจุดสูงสุดที่ 163.54 เหรียญเมื่อเปิดตัว Iphone 8 ตอน 0.55 น. ตามเวลาไทย

และปิดตลาดที่ 160.56 เหรียญ ปรับตัวลดลงประมาณ 0.4%

หมายความว่านักลงทุนอาจไม่เชื่อมั่นเท่าไหร่ว่าสินค้าใหม่ของ Tim Cook จะเป็นตัวสร้างกำไรให้แก่ Apple ในรอบนี้ แต่เราก็ต้องรอดูกันต่อไป

Apple เคยเปลี่ยนโลกมาแล้วครั้งหนึ่ง และ ตอนนี้กำลังจะเปลี่ยนอีกครั้งได้หรือไม่..