
ป่าแอมะซอน มีมูลค่าเท่าไหร่?
ป่าแอมะซอน มีมูลค่าเท่าไหร่? / โดย ลงทุนแมน
หากพูดถึงชื่อของ “แอมะซอน” คนส่วนใหญ่อาจจะนึกถึงร้านกาแฟ
หรือบริษัท E-Commerce ยักษ์ใหญ่ของ เจฟฟ์ เบโซส บุคคลที่ร่ำรวยสุดในโลก
แต่ถ้าถามว่าเจ้าของชื่อนี้ตัวจริง อยู่ที่ไหน?
คำตอบก็คือ “ป่าดิบชื้นแอมะซอน” ที่มีอายุกว่า 50 ล้านปี
หรือบริษัท E-Commerce ยักษ์ใหญ่ของ เจฟฟ์ เบโซส บุคคลที่ร่ำรวยสุดในโลก
แต่ถ้าถามว่าเจ้าของชื่อนี้ตัวจริง อยู่ที่ไหน?
คำตอบก็คือ “ป่าดิบชื้นแอมะซอน” ที่มีอายุกว่า 50 ล้านปี
ทราบหรือไม่ว่า ป่าแห่งนี้ มีมูลค่าต่อโลกของเรามากน้อยเพียงใด
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
แอมะซอน เป็นป่าดิบชื้นขนาดใหญ่ที่สุดของโลก
มีพื้นที่ทั้งหมด 5,500,000 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมเขตแดนของ 9 ประเทศในทวีปอเมริกาใต้
โดยตั้งอยู่ในประเทศบราซิลมากที่สุด 60%
มีพื้นที่ทั้งหมด 5,500,000 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมเขตแดนของ 9 ประเทศในทวีปอเมริกาใต้
โดยตั้งอยู่ในประเทศบราซิลมากที่สุด 60%
ป่าแห่งนี้ ถูกยกย่องให้เป็นเสมือน ปอดของโลก
เนื่องจากมีต้นไม้อยู่ถึง 390,000 ล้านต้น ซึ่งช่วยผลิตออกซิเจนราว 6% ให้กับชั้นบรรยากาศโลก
เนื่องจากมีต้นไม้อยู่ถึง 390,000 ล้านต้น ซึ่งช่วยผลิตออกซิเจนราว 6% ให้กับชั้นบรรยากาศโลก
และจากการสำรวจพบว่า 1 ใน 10 ของสายพันธุ์สิ่งมีชีวิตที่มนุษย์รู้จัก อาศัยอยู่ในป่าแอมะซอน เช่น
สัตว์ป่าและนก 2,000 สายพันธุ์
ปลา 2,200 สายพันธุ์
ต้นไม้และพืชต่างๆ 40,000 สายพันธุ์
แมลง 2,500,000 สายพันธุ์
สัตว์ป่าและนก 2,000 สายพันธุ์
ปลา 2,200 สายพันธุ์
ต้นไม้และพืชต่างๆ 40,000 สายพันธุ์
แมลง 2,500,000 สายพันธุ์
ทำให้สถานที่นี้ เป็นระบบนิเวศที่มีความหลากหลายมากที่สุดในโลก
แต่อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา มนุษย์มีการถางป่าแอมะซอนกว่า 17% ของพื้นที่ ไปทำการเกษตร เลี้ยงสัตว์ และอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้
โดยมีการประเมินว่า ประเทศบราซิลได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการใช้พื้นที่ป่าแอมะซอน มูลค่าสูงถึง 250,000 ล้านบาทต่อปี
ซึ่งจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ที่บราซิลกำลังเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจ ทำให้ประธานาธิบดี นายฌาอีร์ โบลโซนารู มีนโยบายที่จะเพิ่มสัดส่วนการใช้พื้นที่ป่าแอมะซอน และลดกฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ เพื่อกระตุ้นภาคการผลิต
แต่ดูเหมือนว่า ผลประโยชน์ที่ได้ในระยะสั้น อาจไม่เท่ากับการสูญเสียในระยะยาว
มีการศึกษาชี้ว่า หากป่าแอมะซอน ถูกรุกรานไปจนถึง 25% ของพื้นที่ จะส่งผลให้สมดุลของระบบนิเวศเปลี่ยนแปลง จนไม่ใช่ลักษณะของป่าดิบชื้นอีกต่อไป
ผลที่ตามมาคือ สภาพอากาศที่แห้งแล้ง และปริมาณน้ำฝนที่น้อยลงในภูมิภาค
ที่น่าเป็นห่วงคือ การเปิดพื้นที่ใหม่ หรือทำลายไร่นาหลังเก็บเกี่ยว มักทำด้วยวิธีการเผา ซึ่งนำไปสู่เหตุการณ์ไฟไหม้ป่า
ถ้าหากมีการใช้พื้นที่มากขึ้น ประกอบกับน้ำฝนที่น้อยลง จะยิ่งทำให้ไฟป่ารุนแรงขึ้น ดังที่เพิ่งเกิดไปเมื่อไม่นานมานี้
ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2019 เกิดไฟไหม้ป่าแอมะซอนไม่ต่ำกว่า 80,000 ครั้ง เพิ่มขึ้น 77% จากปีก่อนหน้า
โดยสร้างความเสียหายไปกว่า 9,060 ตารางกิโลเมตร ซึ่งกว้างใหญ่กว่ากรุงเทพมหานคร ถึง 6 เท่า
โดยสร้างความเสียหายไปกว่า 9,060 ตารางกิโลเมตร ซึ่งกว้างใหญ่กว่ากรุงเทพมหานคร ถึง 6 เท่า
นอกจากนี้ การหายไปของต้นไม้ในป่าแอมะซอน จะมีผลทางอ้อมต่อภาวะโลกร้อน
ทุกวันนี้ ทั้งโลกปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นไปทำลายชั้นบรรยากาศอยู่ประมาณ 40,000 ล้านตันต่อปี
แต่ป่าแอมะซอน เป็นผู้ที่ดูดซับก๊าซนั้นเอาไว้ 2,000 ล้านตันต่อปี หรือราว 5% ของทั้งหมด
ทุกวันนี้ ทั้งโลกปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นไปทำลายชั้นบรรยากาศอยู่ประมาณ 40,000 ล้านตันต่อปี
แต่ป่าแอมะซอน เป็นผู้ที่ดูดซับก๊าซนั้นเอาไว้ 2,000 ล้านตันต่อปี หรือราว 5% ของทั้งหมด
ทั้งนี้มีการประเมินว่า ภายใน 30 ปีข้างหน้า
มนุษย์อาจได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น จากการมีพื้นที่ทำกิจกรรมทางด้านการเกษตร การประมง หรือคมนาคม สะสมไม่น้อยกว่า 14 ล้านล้านบาท ก็จริง
มนุษย์อาจได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น จากการมีพื้นที่ทำกิจกรรมทางด้านการเกษตร การประมง หรือคมนาคม สะสมไม่น้อยกว่า 14 ล้านล้านบาท ก็จริง
แต่สุดท้าย ปัญหาภัยแล้งและไฟป่า จะย้อนกลับมากระทบผลผลิตดังกล่าว ให้มีน้อยลง
รวมทั้งจะมีผลกระทบทางอ้อมต่อระบบนิเวศที่เสียไป และภาวะโลกร้อนต่างๆ ในวงกว้าง
รวมทั้งจะมีผลกระทบทางอ้อมต่อระบบนิเวศที่เสียไป และภาวะโลกร้อนต่างๆ ในวงกว้าง
ทำให้โดยสุทธิแล้ว มันจะสร้างความเสียหาย มูลค่าสะสมสูงถึง 110 ล้านล้านบาท แทน
ซึ่งการลงทุน เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ป่าที่หายไปในปัจจุบันนั้น อาจต้องใช้เงินถึง 2 ล้านล้านบาท แต่มันก็อาจคุ้มค่ากว่าในระยะยาว
ด้วยเหตุนี้ นานาชาติจึงเริ่มหันมาให้ความสนใจอย่างจริงจัง ก่อนที่มันจะสายเกินไป
ด้วยเหตุนี้ นานาชาติจึงเริ่มหันมาให้ความสนใจอย่างจริงจัง ก่อนที่มันจะสายเกินไป
จะเห็นได้ว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมนั้น ส่งผลรุนแรงกว่าที่หลายคนคิด
และมันอาจทำให้วิถีชีวิตของสิ่งมีชีวิตบนโลกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
และมันอาจทำให้วิถีชีวิตของสิ่งมีชีวิตบนโลกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ปิดท้ายด้วยเรื่องที่น่าสนใจ
ตอนที่ เจฟฟ์ เบโซส บุคคลรวยที่สุดในโลก ตั้งชื่อบริษัท
เขาต้องการให้ชื่อขึ้นต้นด้วยตัวอักษร A เพื่อให้มันขึ้นมาเป็นลำดับต้นๆ ในการค้นหา
จึงได้ไปไล่ศัพท์ในพจนานุกรม และถูกใจกับคำว่า “Amazon”
เพราะความหลากหลายทางระบบนิเวศของที่แห่งนี้ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ธุรกิจ E-Commerce ที่เขามองไว้นั่นเอง
เขาต้องการให้ชื่อขึ้นต้นด้วยตัวอักษร A เพื่อให้มันขึ้นมาเป็นลำดับต้นๆ ในการค้นหา
จึงได้ไปไล่ศัพท์ในพจนานุกรม และถูกใจกับคำว่า “Amazon”
เพราะความหลากหลายทางระบบนิเวศของที่แห่งนี้ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ธุรกิจ E-Commerce ที่เขามองไว้นั่นเอง
ซึ่งปัจจุบัน เขาก็สร้างบริษัท Amazon ได้ยิ่งใหญ่สมกับชื่อที่เขาเลือกขึ้นมา..
----------------------
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
http://www.blockdit.com
----------------------
References
-https://en.m.wikipedia.org/wiki/Amazon_rainforest
-https://en.m.wikipedia.org/wiki/2019_Amazon_rainforest_wildfires
-https://www.aljazeera.com/programmes/countingthecost/2019/09/amazon-rainforest-worth-190907121817405.html
-https://www.vice.com/en_us/article/bje7wd/the-amazon-is-worth-more-money-left-standing-study-shows
-https://www.pnas.org/content/pnas/115/46/11671.full.pdf
-https://www.apnews.com/384fdb5ee7654667b53ddb49efce8023
-https://en.m.wikipedia.org/wiki/History_of_Amazon#Choosing_a_name
----------------------
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
http://www.blockdit.com
----------------------
References
-https://en.m.wikipedia.org/wiki/Amazon_rainforest
-https://en.m.wikipedia.org/wiki/2019_Amazon_rainforest_wildfires
-https://www.aljazeera.com/programmes/countingthecost/2019/09/amazon-rainforest-worth-190907121817405.html
-https://www.vice.com/en_us/article/bje7wd/the-amazon-is-worth-more-money-left-standing-study-shows
-https://www.pnas.org/content/pnas/115/46/11671.full.pdf
-https://www.apnews.com/384fdb5ee7654667b53ddb49efce8023
-https://en.m.wikipedia.org/wiki/History_of_Amazon#Choosing_a_name