โอสถสภา แบรนด์เครื่องดื่มบำรุงกำลังอันดับ 1 ของคนไทย

โอสถสภา แบรนด์เครื่องดื่มบำรุงกำลังอันดับ 1 ของคนไทย

โอสถสภา แบรนด์เครื่องดื่มบำรุงกำลังอันดับ 1 ของคนไทย / โดย ลงทุนแมน
การจัดอันดับ The Most Valuable Brands of the Year 2019 เป็นโปรเจ็กต์ที่รวบรวมแบรนด์ไทยที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมต่างๆ
เพื่อเป็นตัวอย่างในการศึกษาว่า แบรนด์เหล่านั้น เริ่มต้นอย่างไร มีกลยุทธ์อย่างไร ถึงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดนั้นได้
สำหรับบทความนี้ จะเป็น แบรนด์เครื่องดื่มบำรุงกำลังที่มีคุณค่ามากสุดในประเทศไทย ซึ่งผู้ได้รับรางวัลนี้ก็คือ โอสถสภา
รู้ไหมว่า โอสถสภา เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่กำเนิดและเก่าแก่สุดในประเทศไทย
เรามาดูอายุบริษัทต่างๆ ในประเทศไทย
เครือเจริญโภคภัณฑ์ 98 ปี
ปูนซิเมนต์ไทย 105 ปี
ธนาคารไทยพาณิชย์ 112 ปี
ในขณะที่ โอสถสภา ก่อตั้งบริษัทมาแล้วกว่า 128 ปี
แล้วนอกจาก เอ็ม-150 โอสถสภาทำอะไรอีกบ้าง?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
“เต๊กเฮงหยู” เป็นชื่อดั้งเดิมของ โอสถสภา เริ่มต้นทำธุรกิจจากร้านยาเล็กๆ
บริษัทริเริ่มผลิตแบรนด์ยาสามัญประจำบ้าน
ภายใต้แบรนด์ยาทัมใจ ยาอมโบตัน อุทัยทิพย์ และอื่นๆ อีกมากมาย
หลังจากนั้น บริษัทได้รับสิทธิ์การผลิตและจำหน่าย เครื่องดื่มบำรุงกำลัง ลิโพ จากประเทศญี่ปุ่น
จนกระทั่งในปี 2528 บริษัท โอสถสภา
สามารถผลิตแบรนด์เครื่องดื่มบำรุงกำลัง เอ็ม-150 ได้สำเร็จ
แล้วเครื่องดื่มบำรุงกำลังของโอสถสภาขายดีขนาดไหน?
คนไทยที่ดื่มเครื่องดื่มบำรุงกำลังทุกๆ 100 คนจะมี
54 คนเลือก แบรนด์ของโอสถสภา เช่น เอ็ม-150 ลิโพวิตัน-ดี ฉลาม โสมอิน-ซัม เอ็ม-สตอร์ม ชาร์ค และชาร์คคูลไบท์ โดยมี เอ็ม-150 เป็นแบรนด์หลัก
23 คนเลือก แบรนด์คาราบาวแดง
15 คนเลือก แบรนด์กระทิงแดง
และที่เหลือ เลือกแบรนด์อื่น
แสดงให้เห็นว่า สินค้าเครื่องดื่มบำรุงกำลังในเครือโอสถสภาครองตลาดเกินกว่าครึ่งของตลาดในประเทศ
แล้วผลประกอบการบริษัท โอสถสภา เป็นอย่างไร?
ปี 2559 รายได้จากการขายสินค้า 32,267 ล้านบาท กำไร 2,812 ล้านบาท
ปี 2560 รายได้จากการขายสินค้า 25,027 ล้านบาท กำไร 2,834 ล้านบาท
ปี 2561 รายได้จากการขายสินค้า 24,297 ล้านบาท กำไร 3,005 ล้านบาท
จะเห็นว่าแม้รายได้จะลดลง แต่บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น ซึ่งเกิดจากการยกเลิกการจำหน่ายสินค้าของยูนิชาร์ม และสินค้าอื่นๆ ที่ทำกำไรได้น้อย รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากรายได้จากผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ซึ่งรวมถึงเครื่องดื่มบำรุงกำลังแล้ว ยังมีรายได้จากธุรกิจอื่นๆ ด้วย
โดยสัดส่วนรายได้ของบริษัท โอสถสภา แบ่งออกเป็น
ธุรกิจเครื่องดื่ม 84%
ประกอบด้วย เครื่องดื่มบำรุงกำลัง เครื่องดื่มเกลือแร่ กาแฟพร้อมดื่ม และ Functional Drinks แบรนด์ต่างๆ เช่น เอ็ม-150, ฉลาม, โสมอิน-ซัม, ชาร์คคูลไบท์, ซี-วิต, เปปทีน และคาลพิส
ธุรกิจของใช้ส่วนบุคคล 10%
ประกอบด้วยแบรนด์ Babi Mild Twelve Plus และ Exit
ธุรกิจซัพพลายเชน 6%
ประกอบด้วยธุรกิจการผลิตและจำหน่ายขวดแก้วและของใช้ส่วนบุคคลให้แก่บุคคลภายนอก ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและลูกอม และอื่นๆ
ก็เรียกได้ว่า โอสถสภา เป็นหนึ่งในบริษัทที่ผลิตเครื่องดื่ม ของใช้ประจำวันที่เรารู้จักกันดี
และอยู่คู่คนไทยมาแล้วหลักร้อยปี
นอกจากนี้ กลยุทธ์การขยายธุรกิจในอนาคตของโอสถสภา ถือว่าน่าสนใจ
โอสถสภา ขยายธุรกิจใหม่โดยเน้นการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่า ต่อยอดผลิตภัณฑ์ เช่น การผสมสมุนไพรในเครื่องดื่มบำรุงกำลังอย่าง ฉลามกระชายดำ
นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนการรุกตลาดระยะยาวกับประเทศกลุ่ม CLMV
แบรนด์เครื่องดื่มบำรุงกำลังของโอสถสภาครองตำแหน่งเบอร์ 1 ในพม่า และกำลังจะเปิดโรงงานที่พม่าด้วย
สิ่งเหล่านี้ถูกสะท้อนไปยังมูลค่าบริษัทของ โอสถสภา ที่ปัจจุบันสูงถึง 1 แสนล้านบาท และขึ้นทำเนียบดัชนี SET50 และ FTSE แม้จะเพิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ไม่นาน
จากเรื่องราวทั้งหมดเป็นเหตุผลที่ทำให้แบรนด์ โอสถสภา ถือว่าเป็นแบรนด์ที่มีคุณค่าที่สุดในหมวดอุตสาหกรรมเครื่องดื่มบำรุงกำลัง ของประเทศไทยในขณะนี้..
----------------------
Blockdit แอปที่เป็นเหมือน คลังความรู้ขนาดใหญ่
อ่านฟรี โหลดเลย Blockdit.com/download
----------------------
References
-Osotspa 56-1, 2561
-Osotspa Annual Report 2018
-Osotspa Opportunity Day Q1’ 19
-http://www.thansettakij.com/content/324929
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon