ทุกคนคงรู้จัก บิ๊กซี และ โลตัส
และทุกคนน่าจะมีคำถามอยู่ในใจว่าใครใหญ่กว่ากัน?

บริษัท บิ๊กซี ซูปเปอร์เซ็นเตอร์ เป็นบริษัทลูกของ BJC ในเครือ Thai Bev ของเสี่ยเจริญ
บิ๊กซี มีผลประกอบการ ดังนี้
ปี 2557 มีรายได้ 135,000 ล้านบาท เหลือเป็นกำไรสุทธิ 7,214 ล้านบาท
ปี 2558 มีรายได้ 134,000 ล้านบาท เหลือเป็นกำไรสุทธิ 6,616 ล้านบาท
ปี 2559 มีรายได้ 120,000 ล้านบาท เหลือเป็นกำไรสุทธิ 5,213 ล้านบาท

ส่วน เทสโก้โลตัส เป็นแบรนด์ภายใต้บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม บริษัทลูกของบริษัทเทสโก้ประเทศอังกฤษ 99.9%
เทสโก้ โลตัส มีผลประกอบการ ดังนี้
ปี 2557 มีรายได้ 204,000 ล้านบาท เหลือเป็นกำไรสุทธิ 9,089 ล้านบาท
ปี 2558 มีรายได้ 208,000 ล้านบาท เหลือเป็นกำไรสุทธิ 4,695 ล้านบาท
ปี 2559 มีรายได้ 208,000 ล้านบาท เหลือเป็นกำไรสุทธิ 8,320 ล้านบาท

จะเห็นได้ว่า ทั้งรายได้และกำไร เทสโก้โลตัส จะใหญ่กว่าบิ๊กซีประมาณ 30%-40%

รายได้ต่อตารางเมตร

ปัจจุบัน บิ๊กซี มีสาขาอยู่รวมกว่า 797 สาขา รวมพื้นที่ 1,899,000 ตารางเมตร
เทสโก้ โลตัส มีสาขารวม 1,815 สาขา แต่พื้นที่รวมกันกลับต่ำกว่าอยู่ที่ 1,443,000 ตารางเมตร

หากเราพิจารณารายได้ต่อสาขาคงจะไม่ยุติธรรมสักเท่าไหร่ เพราะมวยคู่นี้มีขนาดร้านหลายประเภท
แต่เมื่อเราพิจารณาการสร้างรายได้ต่อการเปิดพื้นที่ร้าน ต่อ 1 ตารางเมตร เราจะพบว่า

บิ๊กซี สร้างรายได้ จำนวน 64,000 บาท เหลือเป็นกำไร 3,355 บาท

แต่กลับกัน ใน 1 ตารางเมตร เทสโก้ โลตัส สามารถสร้างรายได้ อยู่ที่ 143,000 บาท เหลือเป็นกำไรถึง 5,800 บาท

สรุปแล้วพื้นที่ขาย 1 ตารางเมตร เทสโก้ โลตัส สามารถสร้างรายได้ และมีกำไร มากกว่า บิ๊กซี ถึง 2 เท่า

มีหลายคนเข้าใจผิดว่าซีพีถือหุ้นเทสโก้โลตัสอยู่ และมีบางเว็บไซต์ให้ข้อมูลว่าคนถือหุ้นเทสโก้โลตัสเป็นนอมินีของซีพี แต่จริงๆแล้วคนนั้นเป็นนอมินีของเทสโก้ ไม่ใช่ซีพี

ซีพีเคยขายหุ้นเทสโก้โลตัส และ แมคโครไป ตอนวิกฤติต้มยำกุ้งที่ต้องนำเงินมาหมุนเวียนในกลุ่มซีพี ซึ่งเจ้าสัวธนินทร์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า หาก Tesco อยากขายกิจการ ตนก็สนใจที่จะเข้าไปรับซื้อคืน เหมือนกับที่ซื้อหุ้น แมคโคร คืนมา

ส่วนบิ๊กซี ตอนนี้เป็นบริษัทในเครือของเสี่ยเจริญแล้ว คงมีอะไรที่หวือหวากว่าเดิม

เราคงต้องรอดูกันต่อไปว่า บิ๊กซี ภายใต้การขับเคลื่อนของกลุ่มเสี่ยเจริญ จะสามารถขึ้นมาตีตื้นคู่แข่งอย่าง เทสโก้ โลตัส ได้หรือไม่..