วุฒิศักดิ์ หายไปไหน
10 ปีที่แล้ว ถ้าพูดถึงชื่อ วุฒิศักดิ์ ทุกคนคงรู้จัก
ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป เราอาจจะได้ยินชื่อนี้น้อยลง
กรณีศึกษาของวุฒิศักดิ์เป็นบทเรียนที่ดีให้แก่เรา
ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป เราอาจจะได้ยินชื่อนี้น้อยลง
กรณีศึกษาของวุฒิศักดิ์เป็นบทเรียนที่ดีให้แก่เรา
วุฒิศักดิ์คลินิก เป็นบริษัทย่อยของบริษัท EFORL
แต่เดิมบริษัท EFORL ทำธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์มีกำไรที่ดี
ปี 2557 มีข่าวใหญ่ว่าบริษัท EFORL ซื้อกิจการวุฒิศักดิ์คลินิก 4,500 ล้านบาท
แต่บริษัท EFORL ไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น..
สิ่งที่บริษัท EFORL ทำ คือ กู้เงินจากธนาคารมากว่า 3,000 ล้านบาท ผ่านทั้งบริษัทตัวเอง และบริษัทลูกชื่อ WCIH และเอา WCIH มาถือวุฒิศักดิ์อีกที ตอนนั้น EFORL ตั้งใจจะให้ วุฒิศักดิ์ IPO เข้าตลาดหุ้น และเอาเงินที่ได้จาก IPO มาใช้หนี้
การทำแบบนี้เป็นการ leverage ที่หนักมาก การ leverage เยอะขนาดนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดีคือถ้าผลออกมาดีก็จะช่วยเร่งผลตอบแทนได้มาก ส่วนข้อเสียก็คือถ้าซื้อแล้วกิจการไม่เป็นไปตามที่คาด นอกจากจะขาดทุนที่ตัวกิจการเองแล้ว ยังไม่มีเงินพอจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้อีกด้วย
เวลาผ่านไป 3 ปี
ผลลัพธ์ออกมาดูเหมือนจะเป็นแบบหลัง คือสภาพธุรกิจเปลี่ยนไปแล้วจากการแข่งขันมากมาย
ปี 2560
ในไตรมาสที่ 2 EFORL ขาดทุน 133 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วอีก 10%
ในงวดครึ่งปีแรก EFORL ขาดทุน 247 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วอีก 32%
สำหรับงวดครึ่งปีแรกนั้น วุฒิศักดิ์คลินิก มีรายได้ 720 ล้านบาท ลดลง 17% จากปีก่อน เป็นกำไรขั้นต้น -45 ล้านบาท หรือคือ ยอดขายหลังหักต้นทุนขายแล้ว ขาดทุนไป 45 ล้านบาท ซึ่งหมายความว่า ขาดทุน ตั้งแต่ยังไม่ได้หักค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมไปถึงดอกเบี้ยเงินกู้
ทางบริษัทให้เหตุผลไว้ว่า เกิดจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา รวมไปถึงการแข่งขันที่มากขึ้น ที่เน้นการแข่งขันด้านราคาและการลดแลก แจก แถม และการที่ธุรกิจมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง จึงส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทโดยตรง
และจากการที่บริษัทขาดสภาพคล่องอย่างมาก จนผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงินกับกองทุนของ บลจ. โซลาริส ทำให้เกิดเป็นคดีฟ้องร้อง 2 คดี จำนวนทุนทรัพย์รวมกว่า 250 ล้านบาท ที่กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาไกล่เกลี่ยนอกชั้นศาล
ในปัจจุบัน บริษัท EFORL มีภาระหนี้สินมากมาย โดย ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2560 รวมแล้วบริษัทมีหนี้เงินกู้ประมาณ 2,000 ล้านบาท
ราคาหุ้น EFORL ในปัจจุบัน (25 สิงหา 2560) อยู่ที่ 0.11 บาท ซึ่งตกจากจุดสูงสุดที่ 1.98 บาท มาแล้ว 94.4% หรือถ้า
เราซื้อหุ้น EFORL ไปเมื่อตอนนั้น 1,000,000 บาท วันนี้จะเหลือเงินแค่ 55,556 บาท ขาดทุน 944,444 บาท
และล่าสุด EFORL ตัดสินใจลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท WCIH จาก 50.17% เป็น 33.45% รวมถึงแผนที่จะให้ วุฒิศักดิ์คลินิก เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็ต้องเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากต้องรอการตัดสินใจของผู้ถือหุ้นใหม่
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เราอย่าทำอะไรเกินตัว
เพราะถ้ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด จากเรื่องเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เกินตัวเช่นกัน..
เพราะถ้ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด จากเรื่องเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เกินตัวเช่นกัน..