Kellogg’s อาหารเช้า ที่เกิดจากความบังเอิญ
Kellogg’s อาหารเช้า ที่เกิดจากความบังเอิญ / โดย ลงทุนแมน
จากความบังเอิญของ 2 พี่น้องคู่หนึ่งเมื่อ 113 ปีที่แล้ว
สุดท้ายก่อให้เกิดบริษัทซีเรียลยี่ห้อ Kellogg’s (เคลล็อกส์)
ซึ่งวันนี้มียอดขายกว่า 400,000 ล้านบาท
เรื่องนี้มีที่มาอย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
สุดท้ายก่อให้เกิดบริษัทซีเรียลยี่ห้อ Kellogg’s (เคลล็อกส์)
ซึ่งวันนี้มียอดขายกว่า 400,000 ล้านบาท
เรื่องนี้มีที่มาอย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
Kellogg’s ก่อตั้งในปี 1906 โดยพี่น้องตระกูล Kellogg คือ
Dr. John Harvey Kellogg แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพในรัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา
และ Will Keith Kellogg ซึ่งแต่เดิมเป็นนักธุรกิจขายไม้กวาด ก่อนที่จะย้ายไปทำงานร่วมกับพี่ชาย
Dr. John Harvey Kellogg แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพในรัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา
และ Will Keith Kellogg ซึ่งแต่เดิมเป็นนักธุรกิจขายไม้กวาด ก่อนที่จะย้ายไปทำงานร่วมกับพี่ชาย
ทั้งคู่ร่วมกันตั้งบริษัทผลิตอาหารสุขภาพที่ชื่อว่า Battle Creek Sanitarium Health Foods Company เพื่อผลิตอาหารมังสวิรัติแก่ผู้ป่วย
ในช่วงแรกพวกเขาได้นำธัญพืชหลายชนิดมาทดลองทำดู
แม้จะได้อาหารสุขภาพ แต่ด้วยความที่รสชาติอันจืดชืดทำให้อาหารของพวกเขาไม่ได้รับความนิยมเท่าไร
จนพวกเขาต้องกลับไปศึกษาวิธีการใหม่ๆ เพื่อปรับปรุงรสชาติให้ดีขึ้น
สุดท้ายเรื่องบังเอิญได้เกิดขึ้น..
ในวันหนึ่งขณะพี่น้องตระกูล Kellogg ได้ลืมเมล็ดข้าวสาลีไว้บนเตา แล้วพบว่าเมล็ดข้าวสาลีได้เหี่ยวย่นไปมาก ทำให้ทั้งคู่รู้สึกเสียดายวัตถุดิบชิ้นนี้
ในวันหนึ่งขณะพี่น้องตระกูล Kellogg ได้ลืมเมล็ดข้าวสาลีไว้บนเตา แล้วพบว่าเมล็ดข้าวสาลีได้เหี่ยวย่นไปมาก ทำให้ทั้งคู่รู้สึกเสียดายวัตถุดิบชิ้นนี้
พวกเขาจึงนำพวกมันลงไปในเครื่องบด เพื่อหวังยืดให้มันเป็นแผ่นอีก
แต่สิ่งที่พวกเขาได้รับกลับมาคือ เกล็ดข้าวสาลีกรอบๆ
หลังจากนั้น ทั้งคู่จึงนำไปเสิร์ฟพร้อมกับนม ให้แก่คนไข้ ปรากฏว่าคนไข้ชอบ..
Will Keith Kellogg น้องชาย จึงมีแนวคิดที่จะผลิตเกล็ดข้าวสาลีกรอบๆ เพื่อขายให้แก่คนภายนอกที่ไม่ใช่คนไข้ด้วย แต่ความคิดนี้กลับถูกคัดค้านโดย Dr. John Harvey Kellogg ผู้เป็นพี่ชาย
เมื่อความคิดเห็นไม่ตรงกัน การแยกทางของทั้งคู่จึงเกิดขึ้น..
Will Keith Kellogg จึงแยกตัวออกมาก่อตั้ง Battle Creek Toasted Corn Flake Company ในปี 1906
และธุรกิจก็ประสบความสำเร็จอย่างที่เขาคาดไว้ สุดท้ายบริษัทได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น The Kellogg Company ในปี 1922
ความโด่งดังในผลิตภัณฑ์ของ Kellogg’s ถึงขนาดว่า ในปี 1969 ยานอวกาศลำแรกของ NASA ที่ไปดวงจันทร์ ได้มีการนำผลิตภัณฑ์ของ Kellogg’s ไปเป็นอาหารเช้าระหว่างการเดินทางด้วย
วันนี้ผลิตภัณฑ์ของ Kellogg’s มีขายกว่า 180 ประเทศทั่วโลก
ซึ่งนอกจาก คอร์นเฟล็ก แล้ว Kellogg’s ยังเป็นเจ้าของสินค้าอีกหลายอย่าง
หนึ่งในนั้นคือ มันฝรั่ง Pringles ที่ Kellogg’s ไปซื้อกิจการมามูลค่ากว่า 86,400 ล้านบาทในปี 2012
หนึ่งในนั้นคือ มันฝรั่ง Pringles ที่ Kellogg’s ไปซื้อกิจการมามูลค่ากว่า 86,400 ล้านบาทในปี 2012
รายได้และกำไรของ The Kellogg Company
ปี 2016 รายได้ 409,000 ล้านบาท กำไร 22,200 ล้านบาท
ปี 2017 รายได้ 407,000 ล้านบาท กำไร 40,005 ล้านบาท
ปี 2016 รายได้ 409,000 ล้านบาท กำไร 22,200 ล้านบาท
ปี 2017 รายได้ 407,000 ล้านบาท กำไร 40,005 ล้านบาท
ถ้าเราแบ่งสัดส่วนรายได้ของ Kellogg’s เป็น 100 บาท
63 บาท มาจากตลาดในสหรัฐอเมริกา
37 บาท มาจากตลาดต่างประเทศ
63 บาท มาจากตลาดในสหรัฐอเมริกา
37 บาท มาจากตลาดต่างประเทศ
หมายความว่า ตลาดในสหรัฐอเมริกานับเป็นตลาดหลักของประเทศ
ซึ่งในสหรัฐอเมริกานั้น Kellogg’s มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 30%
ซึ่งในสหรัฐอเมริกานั้น Kellogg’s มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 30%
ขณะที่ Kellogg’s เข้ามาตั้งโรงงานในประเทศไทยตั้งแต่ปี 1995
เนื่องจากมองว่า พฤติกรรมการบริโภคอาหารเช้าของคนไทยจะหันมารับประทานแบบชาวตะวันตกมากขึ้น
เนื่องจากมองว่า พฤติกรรมการบริโภคอาหารเช้าของคนไทยจะหันมารับประทานแบบชาวตะวันตกมากขึ้น
รายได้และกำไรของ บริษัท เคลล็อก (ประเทศไทย) จำกัด
ปี 2016 รายได้ 1,784 ล้านบาท กำไร 29 ล้านบาท
ปี 2017 รายได้ 2,005 ล้านบาท กำไร 66 ล้านบาท
ปี 2016 รายได้ 1,784 ล้านบาท กำไร 29 ล้านบาท
ปี 2017 รายได้ 2,005 ล้านบาท กำไร 66 ล้านบาท
ที่น่าสนใจคือ โลโก้ของ Kellogg’s ที่เราเห็นบนกล่องเกิดขึ้นมาจากลายเซ็นของ Will Keith Kellogg นั่นเอง เพราะช่วงแรกที่ผลิตภัณฑ์ของ Kellogg’s ออกขายนั้น เขาจะเป็นผู้ที่เซ็นลายเซ็นลงในสินค้าทุกชิ้นด้วยตนเองแก่ลูกค้าที่ซื้อ
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้ไหมว่า Kellogg School of Management ของ Northwestern University ซึ่งถูกจัดลำดับให้เป็น Business School อันดับต้นๆ ของโลก ถูกตั้งชื่อเพื่อให้เป็นเกียรติแก่ John L. Kellogg ลูกชายของ Will Keith Kellogg หลังจากที่เขาบริจาคเงินให้แก่ Kellogg School of Management กว่า 300 ล้านบาทเมื่อปี 1979 นั่นเอง..
----------------------
อ่านเรื่อง Diamond Grains ซีเรียลสัญชาติไทย ได้ที่
https://www.blockdit.com/articles/5b30b124076e65512a686e97
----------------------
อ่านเรื่อง Diamond Grains ซีเรียลสัญชาติไทย ได้ที่
https://www.blockdit.com/articles/5b30b124076e65512a686e97
ติดตามเรื่องหลากหลาย จากผู้เขียนเก่งๆ หลายท่าน ในแอป blockdit โหลดได้ที่ http://www.blockdit.com
สั่งซื้อหนังสือลงทุนแมน 9.0 ได้ที่
Lazada: https://www.lazada.co.th/products/90-i293980783-s493954943.html
Lazada: https://www.lazada.co.th/products/90-i293980783-s493954943.html
Shopee: https://shopee.co.th/Longtunman-หนังสือ-ลงทุนแมน-9.0-i.116732911.1933827833
----------------------
References
-https://en.wikipedia.org/wiki/Kellogg%27s
-https://www.nasdaq.com/symbol/k/financials?query=income-statement
-https://www.statista.com/statistics/858562/cereal-company-market-share-us/
-https://blog.ketchupp.in/7-facts-kelloggs-will-astonished-know/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Apollo_11
-https://en.wikipedia.org/wiki/Kellogg_School_of_Management
----------------------
References
-https://en.wikipedia.org/wiki/Kellogg%27s
-https://www.nasdaq.com/symbol/k/financials?query=income-statement
-https://www.statista.com/statistics/858562/cereal-company-market-share-us/
-https://blog.ketchupp.in/7-facts-kelloggs-will-astonished-know/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Apollo_11
-https://en.wikipedia.org/wiki/Kellogg_School_of_Management