
ผู้สนับสนุน.. ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของ SENA
ผู้สนับสนุน..
ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของ SENA / โดย ลงทุนแมน
ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของ SENA / โดย ลงทุนแมน
“ปีที่ผ่านมา SENA เปิดตัวคอนโดมิเนียม มากเป็นอันดับที่ 2 ในวงการอสังหาริมทรัพย์”
เรื่องนี้ทำให้เราได้รู้ว่า
บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA
ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งใน “ผู้นำ” ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย
บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA
ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งใน “ผู้นำ” ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย
SENA ทำอย่างไร ถึงมีวันนี้ได้
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2536 เพื่อประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ถ้าเราไปดูสถิติการเปิดตัวของคอนโดมิเนียม 3 ปีย้อนหลังของบริษัท
ปี 2559 เปิดตัวคอนโดมิเนียม 3 โครงการ 789 ยูนิต มูลค่ารวม 1,312 ล้านบาท
ปี 2560 เปิดตัวคอนโดมิเนียม 7 โครงการ 4,189 ยูนิต มูลค่ารวม 8,479 ล้านบาท
ปี 2561 เปิดตัวคอนโดมิเนียม 9 โครงการ 6,397 ยูนิต มูลค่ารวม 22,030 ล้านบาท
ปี 2560 เปิดตัวคอนโดมิเนียม 7 โครงการ 4,189 ยูนิต มูลค่ารวม 8,479 ล้านบาท
ปี 2561 เปิดตัวคอนโดมิเนียม 9 โครงการ 6,397 ยูนิต มูลค่ารวม 22,030 ล้านบาท
เราจะเห็นว่า SENA เปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงที่ผ่านมา
และสะท้อนไปถึงแนวโน้มการเติบโตของบริษัทแบบก้าวกระโดด
และสะท้อนไปถึงแนวโน้มการเติบโตของบริษัทแบบก้าวกระโดด
แล้วการเติบโตครั้งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
เคล็ดลับก็คือความร่วมมือกับพันธมิตร
ถ้าลำพังเพียงแค่ SENA บริษัทเดียวก็คงเติบโตได้ระดับหนึ่ง แต่การร่วมมือกันระหว่างบริษัท ทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้
ในปี 2560 บริษัท SENA ได้มีการจับมือกับ ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป ซึ่งเป็นพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมลงทุนในการเปิดโครงการ 6 แห่ง รวมมูลค่ากว่า 20,846 ล้านบาท
นอกจากการเติบโตในส่วนของการเปิดโครงการแล้ว
ทาง SENA ยังได้มีการรุกตลาดต่างประเทศโดยร่วมมือกับบริษัท แอคคิวท์ เรียลตี้ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความชำนาญในด้านของการขายอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 20 ปี
หมายความว่า ลูกค้าของ SENA ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่คนไทย
แต่รวมไปถึงคนชาติอื่นๆ อย่างจีน, มาเลเซีย, กัมพูชา, เวียดนาม, สิงคโปร์ และญี่ปุ่น นั่นเอง
แต่รวมไปถึงคนชาติอื่นๆ อย่างจีน, มาเลเซีย, กัมพูชา, เวียดนาม, สิงคโปร์ และญี่ปุ่น นั่นเอง
ซึ่งจากข้อมูลที่เกิดขึ้นก็เป็นไปตามที่ SENA คาดการณ์
มูลค่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของลูกค้าต่างประเทศ โดยเฉพาะคนจีน คิดเป็นสัดส่วนเกินกว่าครึ่งหนึ่งของมูลค่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดในประเทศไทย
มูลค่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของลูกค้าต่างประเทศ โดยเฉพาะคนจีน คิดเป็นสัดส่วนเกินกว่าครึ่งหนึ่งของมูลค่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดในประเทศไทย
อย่างไรก็ตามแม้ว่า SENA จะมีการร่วมมือกับบริษัทอื่นๆ แต่บริษัทก็ยังคงมีการลงทุนเพิ่มเติมด้วยตนเองอีกเช่นกัน
ช่วงปลายปีที่แล้ว ทางบริษัท SENA ได้มีแผนที่จะขยายฐานลูกค้าในต่างจังหวัด
โดยเฉพาะกลุ่ม EEC ที่คาดว่าจะมีการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์สูง
โดยเฉพาะกลุ่ม EEC ที่คาดว่าจะมีการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์สูง
EEC ย่อมาจาก Eastern Economic Corridor หรือ ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก เป็นหนึ่งในโครงการระดับเมกะโปรเจกต์ภายใต้นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่ต้องการจะพัฒนาพื้นที่และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ของเขตเศรษฐกิจบริเวณภาคตะวันออกของไทยให้มีความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น
โดยถือเป็นโครงการต่อยอดจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Seaboard) ที่ดำเนินการมานานกว่า 30 ปีแล้ว
เมื่อเป็นแบบนี้แล้วทาง SENA จึงได้เข้าซื้อหุ้นบริษัท พราว วานิจ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความเชี่ยวชาญในต่างจังหวัด เช่น ชลบุรี ระยอง สระบุรี ด้วยมูลค่าเงินลงทุนกว่า 403 ล้านบาท
และเมื่อต้นปีนี้ SENA ยังได้ทำการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมด ของ บจก.ท่าพระพร็อพเพอร์ตี้ ด้วยงบ 300 ล้านบาทเพื่อเตรียมที่ดินให้พร้อมกับการขยายตัวในอนาคตอีกด้วย
ที่น่าสนใจก็คือ นอกจากในเรื่องของการเติบโตแล้ว
SENA ยังได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้เข้ากับยุคสมัยอีกด้วย
SENA ยังได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้เข้ากับยุคสมัยอีกด้วย
ถ้าพูดถึงเทรนด์ของโลกในขณะนี้ ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของสิ่งแวดล้อม
แล้วอสังหาริมทรัพย์จะเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร?
ปกติแล้วที่อยู่อาศัยมักจะต้องมาคู่กับโครงสร้างพื้นฐานอย่างไฟฟ้า
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วพลังงานไฟฟ้ามักจะถูกผลิตมาจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
พอเป็นแบบนี้แล้วทาง SENA จึงทำการติดตั้งพลังงานสะอาดไว้ในโครงการของตัวเอง
การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) ให้บ้านทุกหลัง พร้อมกับมีระบบ Solar Scale-Up ที่จะทำให้เรารู้ว่าควรจะติดตั้งโซลาร์กี่แผงจึงจะเพียงพอกับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย
นอกจากนี้ยังมีเครื่องชาร์จรถพลังงานไฟฟ้าภายใต้ชื่อว่า EV Ready ไว้ในบางโครงการของ SENA เพื่อรองรับการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตที่จะถึงนี้
ด้านบริการ SENA ก็ยังใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย โดยได้มีการจัดทำแอปพลิเคชันสำหรับให้บริการหลังการขายแบบครบวงจร
ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ
บริการที่จะช่วยดูแลรักษา และซ่อมแซมบ้านจากมืออาชีพ
ระบบตรวจสอบเส้นทางการเดินรถ และสภาพการจราจรด้วยระบบ GPS
บริการที่จะช่วยดูแลรักษา และซ่อมแซมบ้านจากมืออาชีพ
ระบบตรวจสอบเส้นทางการเดินรถ และสภาพการจราจรด้วยระบบ GPS
และที่น่าสนใจสุดก็คงจะเป็นแคมเปญ MADE FROM HER ของบริษัทซึ่งถูกปล่อยออกมาเมื่อต้นปีที่แล้ว
MADE FROM HER เป็นแคมเปญเพื่อตอบโจทย์ทุกรายละเอียด ความต้องการในทุกเรื่องของผู้หญิง
เรื่องนี้จึงสะท้อนให้เราเห็นถึงการเอาใจใส่ลูกค้าของทางบริษัท SENA ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
สรุปแล้วเราจะเห็นได้ว่าการก้าวกระโดดของ SENA ในครั้งนี้
ไม่ได้เป็นเพียงแค่เฉพาะในเรื่องของการขยายธุรกิจเท่านั้น
แต่รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงที่เข้ากับยุคสมัยอีกด้วย
ไม่ได้เป็นเพียงแค่เฉพาะในเรื่องของการขยายธุรกิจเท่านั้น
แต่รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงที่เข้ากับยุคสมัยอีกด้วย
หลายคนคิดเฉพาะเรื่องพัฒนาเทคโนโลยี แต่กลับไม่สนใจสิ่งแวดล้อม
แต่สำหรับ SENA พัฒนาเทคโนโลยี ควบคู่กับการใส่ใจในสิ่งแวดล้อม
เพราะในที่สุดแล้ว อนาคตของการอยู่อาศัยที่ดี ก็คือการมีชีวิตที่สะดวกสบาย ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่น่าอยู่
และทั้งหมดนี้คงเป็นเหตุผลที่ทำให้ SENA ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ในเวลานี้..