เงินบนโลกใบนี้ มีอยู่เท่าไร?

เงินบนโลกใบนี้ มีอยู่เท่าไร?

เงินบนโลกใบนี้ มีอยู่เท่าไร? / โดย ลงทุนแมน

นิยามของสิ่งที่สำคัญในชีวิตนั้น อาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน
แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า มนุษย์ หนึ่งในปัจจัยที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ก็คือ “เงิน”
เงินเป็นสิ่งที่ถูกสร้างมาเพื่อใช้วัดมูลค่า และเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าที่เราต้องการ
ระบบการเงินของโลกนั้น ได้ถือกำเนิดมาตั้งแต่หลายพันปีก่อน และวิวัฒนาการมาต่อเนื่อง จนมีความซับซ้อนอย่างมากในปัจจุบัน
ประวัติศาสตร์ของเงินเป็นอย่างไร
แล้วเงินในโลกมีเยอะแค่ไหน?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

ในอดีตกาล ราว 11,000 ปีที่แล้ว ก่อนที่เงินจะถูกคิดค้นขึ้น มนุษย์ซื้อขายสินค้า ด้วยวิธีการแลกเปลี่ยนกันโดยตรง (เรียกว่าระบบ Bartering) แต่จะแลกกันที่จำนวนเท่าไรนั้น เป็นเรื่องของการเจรจา
Bartering ถูกบันทึกไว้ครั้งแรก ในประวัติศาสตร์ประเทศอียิปต์ โดยสินค้าส่วนใหญ่ในยุคนั้น คือผลผลิตทางการเกษตร และสัตว์ต่างๆ
หลายพันปีถัดมา สินค้าในตลาดมีหลากหลายขึ้น โดยเฉพาะอาวุธยุทโธปกรณ์ มนุษย์จึงเริ่มคิดค้น ตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าขึ้น
ในประเทศจีน มีการหลอมโลหะ เป็นรูปร่างสินค้าขนาดเล็ก ใช้เป็นตัวแทนการซื้อขาย ซึ่งต่อมามันถูกพัฒนาให้เป็นทรงกลม เพื่อความสะดวกในการใช้งาน
จนกระทั่งราว 2,600 ปีที่แล้ว เงินเหรียญ ก็ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาใช้เป็นครั้งแรกของโลก ที่อาณาจักรลิเดีย ซึ่งอยู่บริเวณประเทศตุรกีในปัจจุบัน
การเกิดขึ้นของเงินเหรียญ ทำให้การค้าขายของอาณาจักรลิเดียรุ่งเรืองมาก จนกลายเป็นหนึ่งในเมืองที่ร่ำรวยที่สุดของเอเชียในขณะนั้น
ต่อมาราว 700 ปีที่แล้ว มาร์โค โปโล นักเดินทางสำรวจ ได้เดินเรือไปค้าขายกับจีน และค้นพบว่า มีการใช้เงินในรูปแบบกระดาษแทนเหรียญ ซึ่งผลิตได้ง่ายและจำนวนมากกว่า ทำให้เขากลับไปเผยแพร่แนวคิดนี้ในยุโรป
การเข้ามาของเงินกระดาษ ยิ่งทำให้การค้าขายระหว่างประเทศในยุโรป เติบโตอย่างก้าวกระโดด มีความต้องการซื้อเงินของประเทศอื่น จนเกิดเป็นตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราขึ้นมา
ผ่านมาถึงปัจจุบัน ตลาดการเงินมีการพัฒนาความซับซ้อนมากขึ้น ตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป จนเงินอาจจะอยู่ในรูปแบบที่ไม่มีตัวตนเลยก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น การซื้อขายล่วงหน้าผ่านบัตรเครดิต แล้วค่อยจ่ายทีหลัง การชำระเงินออนไลน์ผ่านตัวเลขในบัญชี หรือแม้แต่ การใช้เงินสกุลดิจิทัลที่เป็นระบบบล็อกเชน
ยิ่งเศรษฐกิจเติบโต และระบบการเงินที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ทำให้จำนวนเงิน ย่อมเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แล้วสงสัยกันหรือไม่ว่า ในปัจจุบัน เงินในโลกมีอยู่ทั้งหมดเท่าไร?
หากนับเฉพาะ เหรียญและธนบัตร ที่หมุนเวียนอยู่ในระบบนั้น ทั้งหมดมีมูลค่าราว 250 ล้านล้านบาท
ขณะที่ เงินฝาก ทั้งกระแสรายวัน, ออมทรัพย์, ฝากประจำ และตลาดเงิน นั้นมีมูลค่าราว 2,700 ล้านล้านบาท
ทำให้ ทั้งโลกมีสิ่งที่เรียกว่าเงิน รวมอยู่เกือบ 3,000 ล้านล้านบาท
แต่จะเห็นได้ว่า เงินที่เราจับต้องได้จริงๆ มีเพียง 8% เท่านั้น ที่เหลือเป็นเพียงตัวเลขทางบัญชีธนาคาร ดังนั้นถ้าวันพรุ่งนี้ ทุกคนในโลก แห่ไปถอนเงินออกกันหมด ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้เงินคืนครบ..
ที่น่าสนใจคือ นอกจากตัวเงินแล้ว สิ่งที่สามารถแลกเป็นเงินได้คือสินทรัพย์
หากไปดูข้อมูลสินทรัพย์ที่น่าสนใจ จะพบว่า
อสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดบนโลกมีมูลค่า 7,600 ล้านล้านบาท
ตลาดหุ้นทั่วโลกมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 2,400 ล้านล้านบาท
ทองคำที่ขุดมาแล้วทั้งหมดบนโลกมีมูลค่าอยู่ที่ 210 ล้านล้านบาท
ขณะที่เงินดิจิทัล ที่ถูกมองว่าเป็นรูปแบบเงินแห่งอนาคต ล่าสุดมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 4 ล้านล้านบาท
ในโลกนี้มีประชากร 7,700 ล้านคน ทุกคนย่อมมีฐานะที่แตกต่างกันออกไป
ถ้าให้วัดกันว่าใครมีสินทรัพย์มาก คำนิยามก็คือคนรวย
หากเรามีทรัพย์สินสุทธิมากกว่า 1.4 แสนบาท เราจะเป็นคนรวยสุด 50% ของโลก
หากเรามีทรัพย์สินสุทธิมากกว่า 3 ล้านบาท เราจะเป็นคนรวยสุด 10% ของโลก
หากเรามีทรัพย์สินสุทธิมากกว่า 28 ล้านบาท เราจะเป็นคนรวยสุด 1% ของโลก
นอกจากสินทรัพย์แล้ว ยังมีสิ่งที่น่าสนใจที่สามารถวัดเป็นมูลค่าได้ก็คือ หนี้สิน..
หนี้สินทั้งหมดในโลกนี้มีมูลค่า 7,000 ล้านล้านบาท ซึ่งมากกว่า มูลค่าของเงินและหุ้นทั่วโลกรวมกันเสียอีก..
ในขณะที่ตราสารอนุพันธ์ ซึ่งไม่มีตัวตน แต่อ้างอิงมูลค่ากับสินทรัพย์อื่น เช่น สัญญาซื้อขาย Futures และ Options มีมูลค่าตลาดราว 18,000 - 39,000 ล้านล้านบาท มากกว่าเงินและหุ้นทั่วโลกรวมกันหลายเท่า
บ่งชี้ให้เห็นว่า แม้เงินในโลก จะมีอยู่มากมายมหาศาล แต่มันอาจจะน้อยนิดเมื่อเทียบกับหนี้สิน หรืออนุพันธ์
ซึ่งหากเกิดปัญหาในตลาดดังกล่าวขึ้นมา ผลกระทบของมันอาจใหญ่กว่าที่เราคิด จนถึงขนาดที่มีเงินเท่าไร ก็ไม่เพียงพอที่จะรับมือกับความเสียหายได้

เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า
มนุษย์ในยุคสมัยเรา ได้สร้างสรรค์ ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ออกมามากมาย ซึ่งในมุมหนึ่ง คงสร้างความมั่งคั่งได้รวดเร็วกว่า คนยุคสมัยก่อน
แต่อีกมุมหนึ่ง มันก็มาพร้อมกับสิ่งแปลกใหม่ เช่น หนี้สินหรือสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนอย่างอนุพันธ์ หรือ เงินดิจิทัล
สุดท้าย ในขณะที่ทุกคนคิดว่ายิ่งมีเงินมากยิ่งดี
แต่ถ้าให้ถามคนยุคสมัยก่อน เรื่องราวอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้น
ถ้าให้เอาเงินมากองรวมกันร้อยล้าน คนในสมัยนั้นอาจเลือกที่จะไม่สนใจ เพราะมันไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไรได้
แล้วคนในสมัยก่อน กับ คนสมัยนี้ ใครมีความสุขมากกว่ากัน?
เรื่องนี้อาจจะไม่มีใครตอบได้นอกจากตัวเราเอง
ในวันที่เราคิดว่าต้องเก็บสะสมเงินให้มากๆ เข้าไว้ เพื่ออนาคตของชีวิต
ทุกอย่างในชีวิตเราต้องดีกว่านี้ เราต้องได้เงินมากขึ้นเพื่อให้ดีกว่านี้
แต่จริงๆ แล้ว
บางเรื่องในชีวิตเราในตอนนี้ อาจจะดีอยู่แล้ว และไม่จำเป็นต้องใช้เงินมาก ก็มีความสุขได้เช่นกัน..
Facts:
เปรียบเทียบมูลค่าของทุกอย่างบนโลกนี้
คนรวยสุด 50% ของโลก มีทรัพย์สิน 1.4 แสนบาทต่อคน
คนรวยสุด 10% ของโลก มีทรัพย์สิน 3 ล้านบาทต่อคน
คนรวยสุด 1% ของโลก มีทรัพย์สิน 28 ล้านบาทต่อคน
ทรัพย์สินของ นักฟุตบอล เมสซี 12,000 ล้านบาท
ทรัพย์สินของ ตระกูลเจียรวนนท์ 1,000,000 ล้านบาท
เงินดิจิทัล มีมูลค่าตลาดรวม 4,000,000 ล้านบาท
เงินฝากธนาคารทั้งหมดของคนไทย 16,000,000 ล้านบาท
ทองคำที่ขุดมาแล้วทั้งหมดบนโลกมีมูลค่า 210,000,000 ล้านบาท
ตลาดหุ้นทั่วโลกมีมูลค่าตลาด 2,400,000,000 ล้านบาท
เงินบนโลกนี้ มีทั้งหมดประมาณ 3,000,000,000 ล้านบาท
หนี้สินทั้งหมดบนโลกนี้ 7,000,000,000 ล้านบาท
อสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดบนโลก 7,600,000,000 ล้านบาท
สัญญาอนุพันธ์ทั้งหมดบนโลกมีมูลค่าตลาด 18,000,000,000 - 39,000,000,000 ล้านบาท
----------------------
แล้วรู้มั๊ยว่า สินทรัพย์ทางการเงิน คืออะไร อ่านได้ที่ https://www.blockdit.com/articles/5badebfa8f6d4574ddaf2a8b
ติดตามเรื่องการเงินและเศรษฐกิจ ได้ที่เพจลงทุนแมน ในแอปพลิเคชัน blockdit โหลดเลยที่ blockdit.com
----------------------

References
-https://www.investopedia.com/articles/07/roots_of_money.asp
-https://www.telegraph.co.uk/finance/businessclub/money/11174013/The-history-of-money-from-barter-to-bitcoin.html
-http://money.visualcapitalist.com/worlds-money-markets-one-visualization-2017/
-https://www.cnbc.com/2018/11/01/how-much-money-you-need-to-be-part-of-the-1-percent-worldwide.html
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon