การปล้นธนาคาร ครั้งใหญ่สุดในโลก

การปล้นธนาคาร ครั้งใหญ่สุดในโลก

การปล้นธนาคาร ครั้งใหญ่สุดในโลก / โดย ลงทุนแมน
หลายคนคิดว่าการปล้นธนาคารต้องใส่หน้ากาก ถือปืน
จริงๆ แล้วการปล้นในครั้งนี้ เป็นครั้งใหญ่สุดในโลก
ที่ผู้ปล้นใช้กระดาษเพียงใบเดียว..
เหตุการณ์ในวันนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
“เมื่อคุณได้รับคำสั่งจากเขา คุณเพียงแค่ต้องทำตาม ไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น”
คำพูดนี้มาจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางคนหนึ่งในประเทศอิรักเมื่อปี 2003 ที่ให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าว
หลังจากที่ต้องส่งมอบเงินหลักหมื่นล้านบาทไปให้ชายกลุ่มหนึ่งซึ่งมาปล้นธนาคาร
โดยชายกลุ่มนี้ยื่นกระดาษใบเดียวที่ลงนามโดย ซัดดัม ฮุสเซน..
ซัดดัม ฮุสเซน เป็นใคร ทำไมมีแค่ลายเซ็นถึงปล้นเงินได้?
ซัดดัม ฮุสเซน เกิดเมื่อวันที่ 28 เมษายน 1937 เป็นประธานาธิบดีคนที่ 5 ของอิรักในช่วงระหว่างปี 1979 - 2003
เขาปกครองอิรักแบบรัฐบาลเผด็จการ ซึ่งในฐานะที่เป็นประธานาธิบดี ซัดดัมได้พัฒนาลัทธินิยมตัวผู้นำอย่างบ้าคลั่งและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับประเทศไหนก็ได้
ในปี 1980 หรือ 1 ปี หลังจากรับตำแหน่งได้เกิดสงครามระหว่างอิรักและอิหร่านขึ้น เนื่องจากข้อพิพาททางชายแดนระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งความเสียหายจากสงครามนี้เป็นมูลค่ากว่า 30 ล้านล้านบาท
ในปี 1989 - 1990 ได้เกิดสงครามอ่าวเปอร์เซียขึ้นอีก ซึ่งสาเหตุมาจากความขัดแย้งระหว่างอิรักและคูเวต ซึ่งกองทัพอิรักนั้นเข้ามายึดครองคูเวต จนนำมาซึ่งสงครามของอิรัก กับอีก 34 ชาติ นำโดยสหรัฐอเมริกา
สงครามทั้ง 2 ครั้ง ทำให้อิรักได้รับความเสียหายและทรุดโทรมอย่างหนัก เศรษฐกิจของประเทศย่ำแย่ มาตรฐานการครองชีพของประชาชนชาวอิรักตกต่ำอย่างหนัก
ในปี 2003 ได้เกิดสงครามอิรักขึ้น นำโดยสหรัฐอเมริกาเพื่อโค่นรัฐบาลซัดดัม ฮุสเซน โดยปฏิบัติการนั้นเริ่มตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคมถึง 9 เมษายน 2003 แต่ก่อนที่จะเกิดสงครามขึ้น ดันมีการปล้นธนาคารครั้งใหญ่สุดในโลกเกิดขึ้นที่นี่
เหตุการณ์ปล้นธนาคารครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2003 หรือเพียง 1 วันก่อนที่สหรัฐอเมริกาจะเปิดฉากโจมตีอิรัก
ซัดดัม ฮุสเซน ประธานาธิบดีของอิรักในสมัยนั้น ได้สั่งให้ลูกชายของเขาเป็นผู้ลงมือปฏิบัติการ
โดยการปล้นธนาคารกลางของอิรักในครั้งนี้ ไม่มีการใช้ปืน โจรไม่ต้องสวมหน้ากาก ไม่มีการจับตัวประกัน อาวุธที่ใช้ในการปล้นในครั้งนี้ก็เป็นเพียงแค่ คำสั่งและลายเซ็นกำกับของซัดดัม ฮุสเซน ซึ่งส่งถึงผู้ว่าการธนาคารกลางอิรักเท่านั้น
ปฏิบัติการนี้ใช้เวลาทั้งหมด 5 ชั่วโมงตั้งแต่เวลา 19.00 - 24.00 น. ในการขนเงินที่ปล้นมาขึ้นรถบรรทุกจำนวน 3 คัน โดยจำนวนเงินที่ซัดดัมได้ไปนั้น มีจำนวนกว่า 30,000 ล้านบาท คิดเป็นจำนวน 1 ใน 4 ของทุนสำรองของประเทศในช่วงนั้น
เมื่อดูจากจำนวนเงินที่ถูกปล้นไปนั้น ก็น่าจะทำให้การปล้นในครั้งนี้ เป็นครั้งที่ใหญ่สุดในโลกไปอีกนาน
โดยซัดดัมอธิบายว่า เหตุผลที่ต้องเอาเงินออกจากธนาคารเพื่อเอาไว้ป้องกันการรุกรานของสหรัฐอเมริกา
ซึ่งตอนนั้นมีการคาดกันว่าเงินที่ซัดดัมขโมยไปบางส่วนถูกส่งไปยังซีเรีย ซึ่งเป็นที่ที่ครอบครัวของเขาหนีไปก่อนหน้าที่จะเกิดสงครามขึ้น
เมื่อสงครามจบ กองทัพของสหรัฐอเมริกาก็ได้ค้นพบเงินจำนวนกว่า 21,000 ล้านบาท ที่บ้านพักของซัดดัม
แต่ยังไม่มีการยืนยันว่าเงินที่บ้านพักของซัดดัมนี้ เป็นเงินที่ถูกขโมยมาจากธนาคารกลางหรือไม่
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้ไหมว่า ปัจจุบัน อิรักเป็นประเทศที่มีแหล่งน้ำมันดิบสูงสุดลำดับที่ 5 ของโลก โดยมีจำนวนกว่า 143,000 ล้านบาร์เรล
และอิรักเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดเป็นลำดับที่ 4 ของโลกอยู่ที่วันละ 4.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ในวันนี้สงครามอิรักจบลงมากว่า 10 ปี ความเสียหายจากสงครามค่อยๆ จางหายไป
หลายคนอาจคิดว่าอิรักกำลังแย่อยู่ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่แบบนั้น
ปี 2002 GDP ของอิรักอยู่ที่ประมาณ 627,000 ล้านบาทเท่านั้นเอง
มาวันนี้ GDP ของอิรักอยู่ที่ประมาณ 6,500,000 ล้านบาท
หรือเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าเลยทีเดียว..
----------------------
<ad> GDP ของอิรัก เพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่า แต่หนังสือ ‘ใช้ Facebook ถูกวิธี ยอดขายดีขึ้น 100 เท่า’ โดย "DIGITAL TIPS" จะทำให้เราเข้าใจ Facebook แบบทะลุทะลวง อ่านแล้วจะเข้าใจพี่มาร์คขึ้นอีกหลายเท่า ยิงแอดได้ปังๆ กว่าที่เคย อ่านสนุก เข้าใจง่าย แถมมีวีดีโอในเล่มแจกให้ไว้ไปทำตามกันได้
สามารถซื้อได้แล้วตามร้านหนังสือชั้นนำ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ราคาเพียง 249 บาทเท่านั้น
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon