ผู้สนับสนุน.. ข้อดีของกองทุน LTF ที่จ่ายปันผลสูง
ผู้สนับสนุน..
ข้อดีของกองทุน LTF ที่จ่ายปันผลสูง / โดย ลงทุนแมน
ข้อดีของกองทุน LTF ที่จ่ายปันผลสูง / โดย ลงทุนแมน
“ใกล้สิ้นปีแล้ว ใครซื้อ LTF RMF แล้วบ้าง”
เป็นคำถามที่เรามักจะได้ยินจาก
เพื่อนรอบๆตัวของเราอยู่บ่อยครั้ง
เพื่อนรอบๆตัวของเราอยู่บ่อยครั้ง
แต่เราเคยทราบเหตุผลจริงๆหรือไม่ ว่าทำไมทุกคนนิยมที่จะลงทุนใน LTF RMF
มันมีข้อดีอย่างไร?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
มันมีข้อดีอย่างไร?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
เชื่อหรือไม่ว่า พอใกล้จะสิ้นปีแล้ว จะมีอยู่หนึ่งเรื่องที่คนไทยโดยเฉพาะคนวัยทำงานที่จะต้องคิดถึงอยู่เสมอ
นั่นก็คือการซื้อผลิตภัณฑ์ที่ลดหย่อนภาษี
เพราะเมื่อเราทำงานได้รายได้ในรอบปี เราก็จะต้องเสียภาษี และโอกาสสุดท้ายที่จะลดหย่อนภาษีได้ ก็คือการซื้อผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในช่วงท้ายของปี
ซึ่งหนึ่งในผลิตภัณฑ์ยอดนิยมของคนไทยก็คือ การซื้อกองทุน LTF หรือ RMF
แล้วกองทุน LTF และ RMF สามารถลดภาษีให้เราได้มากแค่ไหน?
เมื่อซื้อ LTF หรือ RMF เราจะสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ตามเงื่อนไขดังนี้
จำนวนเงินลงทุนสูงสุดต่อปีของ LTF ไม่เกิน 15% ของรายได้ที่ต้องเสียภาษีต่อปี และต้องไม่เกิน 500,000 บาท
จำนวนเงินลงทุนสูงสุดต่อปีของ RMF ไม่เกิน 15% ของรายได้ที่ต้องเสียภาษีต่อปี
และเมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)
กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
และเมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)
กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
และส่วนที่เราซื้อเกินจะไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้
เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น
สมมติว่า เรามีรายได้รวมทั้งปีอยู่ที่ 600,000 บาท
หลังจากหักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้วมีเงินได้สุทธิอยู่ที่ 440,000 บาท
เราจะต้องเสียภาษีที่ 21,500 บาท
หลังจากหักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้วมีเงินได้สุทธิอยู่ที่ 440,000 บาท
เราจะต้องเสียภาษีที่ 21,500 บาท
แต่ถ้าเราซื้อ LTF และ RMF ตามเงื่อนไขเพื่อลดภาษีคือไม่เกินประเภทละ 15%
ซึ่งก็คือการซื้อสูงสุดกองทุนละ 90,000 บาท
ซึ่งก็คือการซื้อสูงสุดกองทุนละ 90,000 บาท
หลังการซื้อ LTF และ RMF เต็มจำนวนจะทำให้เราเสียภาษี 5,500 บาท ลดลงไปมากถึง 16,000 บาท
หรือลองคำนวณภาษีและจำนวนที่ลงทุน LTF และ RMF ของเราได้ง่ายๆ ที่ https://bit.ly/2qT3d8F
อย่างไรก็ตาม การซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษีเองก็ไม่ได้เป็นเรื่องง่ายอย่างที่คิด เพราะกองทุนที่เราซื้อจะนำเงินไปลงทุน ซึ่งการลงทุนเองก็ไม่ได้หมายความว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับเราได้เสมอไป
เพราะขึ้นชื่อว่า “การลงทุน” ตามมาด้วยความเสี่ยงเสมอ
นั่นหมายความว่า การซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษี เราก็จำเป็นที่จะต้องเลือกกองทุนที่มีผลการดำเนินงานที่ดีในระยะยาว เพื่อที่จะไม่ให้มูลค่าเงินลงทุนของเราลดลง
แล้วด้วยในสภาวะที่ตลาดหุ้นผันผวนแบบนี้ กองทุนแบบไหนถึงจะน่าสนใจ?
การที่ตลาดหุ้นผันผวน ส่วนใหญ่แล้วมักเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ เศรษฐกิจทั่วโลก สถานการณ์บ้านเมือง หรือแม้แต่ภัยธรรมชาติ ซึ่งปัจจัยทั้งหมดนี้ หลายๆครั้งเองไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้อย่างถูกต้องทุกครั้ง
เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน การมองหากองทุนที่ลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่และมีพื้นฐานดีจึงเป็นทางออกที่ดี
แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุน LTF หรือ RMF เองก็ยังมีข้อจำกัดสำคัญอยู่ ซึ่งก็คือ ระยะเวลาในการลงทุน
สำหรับ LTF เราจะต้องถือหน่วยการลงทุนจนครบระยะเวลา 7 ปีปฏิทินจึงจะสามารถถอนออกมาได้
ส่วน RMF เราจะต้องถือหน่วยการลงทุนต่อเนื่อง 5 ปีจนถึงอายุ 55 ปีจึงจะสามารถถอนออกมาได้
ส่วน RMF เราจะต้องถือหน่วยการลงทุนต่อเนื่อง 5 ปีจนถึงอายุ 55 ปีจึงจะสามารถถอนออกมาได้
แปลว่า เงินที่เราซื้อกองทุนจะไม่สามารถถอนออกมาใช้ได้เลย ซึ่งระหว่างนั้นเองเราก็จะไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆ จนกระทั่งครบระยะเวลาแล้วเราขายหน่วยลงทุนออกไป
แล้วจะมีกองทุนไหน? ที่การลงทุนที่มีโอกาสจะได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอเข้าบัญชีของเราในทุกๆปี พร้อมกับสิทธิประโยชน์ในเรื่องของภาษี
ทางออกของเรื่องนี้จึงจบที่ ถ้าอยากลงทุน LTF ก็ต้องเลือกกองทุนทีมีนโยบายจ่ายปันผลนั่นเอง
กองทุนที่มีการจ่ายปันผลดีอย่างไร?
ถ้ากองทุนที่เราเลือก มีนโยบายการจ่ายเงินปันผล (Dividend)
เราก็จะมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอในทุกๆปีโดยไม่ต้องขายหน่วยลงทุน
หมายความว่า ถ้ากองทุนไหนจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ เราก็จะมีกำไรเข้ามาในบัญชีนั่นเอง
แล้วตอนนี้มีกองทุน LTF ไหนที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลและน่าสนใจบ้าง?
KDLTF เป็นกองทุนของ บลจ.กสิกรไทย ที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล โดยเป็นกองทุนปันผลสูงสุดเมื่อเทียบกับกอง LTF อื่นๆ ของบลจ.กสิกรไทย
มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเป็นจำนวนทั้งสิ้น 22 ครั้ง รวมเป็นเงิน 9.83 บาทต่อหน่วย และเลือกลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ กระจายหลายอุตสาหกรรมซึ่งยังคงแข็งแกร่ง แม้ในภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวน
ผลการดำเนินงาน 3 ปีย้อนหลังเฉลี่ยอยู่ที่ 8.28% ต่อปี (ที่มา: บลจ.กสิกรไทย ณ 31 ต.ค. 61)
แต่สำหรับใครที่วางแผนการลงทุนเพื่อวัยเกษียณ ก็ควรลงทุนใน RMF ด้วย
และถึงแม้จะไม่มีกองทุนไหนที่มีนโยบายจ่ายปันผล แต่ผลตอบแทนที่ได้ในแต่ละปี จะถูกนำไปลงทุนต่อเพื่อสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น
แนะนำ KEQRMF เป็นกองทุนของ บลจ.กสิกรไทยที่สร้างผลตอบแทนติด 1 ใน 10 อันดับแรกเมื่อเทียบกับกองทุน RMF ที่เน้นลงทุนหุ้นไทยทั้งหมด 48 กองทุนในช่วง 3 ปี และ 5 ปีที่ผ่านมา (ที่มา: Morningstar ณ 31 ต.ค. 61)
ซึ่งแสดงถึงว่า KEQRMF มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นนั่นเอง
ผลการดำเนินงานของกองทุน 3 ปีย้อนหลังเฉลี่ยอยู่ที่ 10.29% ต่อปี (ที่มา: บลจ.กสิกรไทย ณ 31 ต.ค. 61)
สำหรับใครที่กำลังมองหา โอกาสในการลงทุนที่ดีในกองทุนประเภท LTF หรือ RMF และยังได้ลดหย่อนภาษี
KDLTF และ KEQRMF ของบลจ.กสิกรไทย ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจ..
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://bit.ly/2yU7cpS
คำเตือน:
- ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้าเงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาข้อมูลภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน
- ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลงานในอนาคต
- เงินปันผลจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% หรือสามารถเลือกให้ไม่หัก ณ ที่จ่ายก็ได้ แต่จะต้องนำเงินปันผลไปรวมเป็นรายได้ เพื่อคำนวณภาษีเงินได้สิ้นปี
- ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้าเงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาข้อมูลภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน
- ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลงานในอนาคต
- เงินปันผลจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% หรือสามารถเลือกให้ไม่หัก ณ ที่จ่ายก็ได้ แต่จะต้องนำเงินปันผลไปรวมเป็นรายได้ เพื่อคำนวณภาษีเงินได้สิ้นปี