กรณีศึกษา Netflix ก่อหนี้ให้มีคุณค่า

กรณีศึกษา Netflix ก่อหนี้ให้มีคุณค่า

17 มิ.ย. 2018
กรณีศึกษา Netflix ก่อหนี้ให้มีคุณค่า / โดย ลงทุนแมน
ถ้าถามว่าบริษัทไหนกำลังร้อนแรงสุดในโลกตอนนี้
หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อนี้.. Netflix
แต่รู้ไหมว่าบริษัทนี้กำลังมีหนี้สินล้นพ้นตัว
ถ้าถามว่า Netflix มีหนี้เท่าไร
คำตอบคือ 5 แสนล้านบาท
ทั้งที่ปีที่แล้ว Netflix มีกำไรแค่ 1.8 หมื่นล้านบาทเท่านั้น
ถ้าพอเห็นตัวเลขนี้ทุกคนคงส่ายหัว เพราะถ้าคำนวณแล้วก็อีกประมาณ 27 ปีถึงจะใช้หนี้หมด ถ้ากำไรเท่าเดิม..
“ถ้ากำไรเท่าเดิม” คำนี้เป็นคำที่ดูเหมือนว่านักลงทุนจะไม่ได้คิดแบบนี้ เพราะดูจากราคาพรีเมียมที่พวกเขาให้กับหุ้นของบริษัทนี้กลับมีมูลค่ามากถึง 227 เท่าของกำไร
ตอนนี้บริษัท Netflix มีมูลค่า 5 ล้านล้านบาท แซงหน้าบริษัท Walt Disney ไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งที่บริษัท Disney กำไรมากกว่า 15 เท่า..
สรุปอีกทีให้ง่ายๆ
ถ้าให้ Netflix มีกำไร 1.8 บาท บริษัทนี้จะมีหนี้ 50 บาท และคนให้มูลค่าบริษัทนี้ 500 บาท
ทำไมนักลงทุนไม่คิดว่าบริษัทนี้จะเจ๊ง?
ทำไมนักลงทุนไม่กลัวว่าบริษัทนี้จะมีหนี้ท่วมหัว?
นักลงทุนเห็นอะไรในบริษัทนี้?
บริษัทนี้เคยเป็นบริษัทให้เช่า DVD มาก่อน
นาย Reed Hastings เคยโดนปรับเงิน 40 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่ไม่ได้คืนแผ่น DVD ของหนังเรื่อง Apollo 13 ได้ทันเวลา
ทำให้เขาเกิดไอเดีย ให้เช่าแผ่น DVD ทางไปรษณีย์ ให้กับคนที่ไม่สะดวกเดินทางไปร้านเช่า และก่อตั้งบริษัท Netflix ในปี 1997 หรือเมื่อ 21 ปีที่แล้ว ร่วมกับนาย Marc Randolph
แต่จุดเปลี่ยนที่สำคัญของบริษัทนี้กลับต้องรอในอีก 10 ปีต่อมา
หลังจากที่ทำธุรกิจแผ่นเช่า DVD มาจนถึงต้นปี 2007 Netflix เริ่มมาพัฒนาและให้บริการดู VDO ผ่าน Streaming หลังจากที่ธุรกิจการเช่าแผ่น DVD มีแนวโน้มชะลอตัว
จนกระทั่งปี 2011 ธุรกิจดูหนังผ่าน Streaming จึงกลายมาเป็นธุรกิจหลักแทน
ธุรกิจใหม่ของ Netflix ประสบความสำเร็จ โดยกลยุทธ์ที่สำคัญของ Netflix คือการทุ่มทุนสร้าง และ ซื้อ content มากมายให้อยู่ใน platform ของตัวเอง
เราจะได้เห็นซีรีส์ และภาพยนตร์ชื่อดังมากมาย ที่หลายเรื่องมีคุณภาพระดับฉายในโรงภาพยนตร์ แต่ตอนนี้มีให้ดูแค่ใน Netflix
ถ้าเราคิดว่าคู่แข่งของ Netflix คือ YouTube เราคงต้องคิดใหม่ เพราะดูเหมือนว่าคู่แข่งของ Netflix ในตอนนี้จะเป็นตลาดที่เราคิดไม่ถึงมาก่อน
นั่นก็คือ โรงภาพยนตร์ ทั้งหมดในโลกนี้..
Netflix ทำให้คนรู้สึกว่า platform นี้ไม่ใช่แค่หนังเก่าที่เคยฉายในโรง และเรามาดูย้อนหลัง แต่ Netflix ทำให้เรารู้สึกว่าเราสามารถดูภาพยนตร์ใหม่ๆได้ใน platform นี้แบบไม่ต้องออกนอกบ้าน
และ Netflix ยังวางแผนลงทุนในด้าน content แบบมหาศาล หลักแสนล้าน แบบต่อเนื่อง อย่างบ้าคลั่ง โดยไม่กลัวหนี้ที่บวมไปเรื่อยๆแต่อย่างใด
ก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจบลงเช่นไร รายได้ของ Netflix จะโตระเบิดตามที่นักลงทุนคาดหวัง ได้หรือไม่
สุดท้ายหนี้มหาศาลของ Netflix จะถูกใช้คืนอย่างไร
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า คนที่ได้กำไรมากที่สุดคือ ผู้บริโภค
เพราะสมาชิกของ Netflix จะได้เห็น content ดีๆอีกมาก เรียกได้ว่าค่าสมาชิกที่เริ่มต้นด้วยราคา 280 บาท เราอาจจะต้องลืม เคเบิลทีวีแบบเก่าที่เรารู้จักไปได้เลย
มีคำกล่าวที่ติดตลกว่า
ศัตรูของ Netflix ในตอนนี้ไม่ใช่คู่แข่งบริษัทต่างๆ
แต่ศัตรูของ Netflix ในตอนนี้คือ “เวลานอนของคน” นั่นเอง..
----------------------
ติดตามบทความลงทุนแมน ได้ที่
-แอปลงทุนแมน blockdit.com/app
-อินสตาแกรม instagram.com/longtunman
-ทวิตเตอร์ twitter.com/longtunman
-ไลน์ line.me/R/ti/p/%40longtunman
-หนังสือลงทุนแมน เล่ม 1-3 ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
----------------------
Tag: netflix
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.