แบรนด์ภายใต้ ESTĒE LAUDER

แบรนด์ภายใต้ ESTĒE LAUDER

30 พ.ค. 2018
.estee {
font-family: 'Tahoma';
font-size: 17px;
}
แบรนด์ภายใต้ ESTĒE LAUDER / โดย ลงทุนแมน
รู้หรือไม่ว่า
M·A·C, BOBBI BROWN, CLINIQUE
เป็นแค่ตัวอย่างของแบรนด์ที่อยู่ภายใต้
บริษัท ESTĒE LAUDER
บริษัทนี้ใหญ่แค่ไหน?
แล้วมีแบรนด์อะไรอีกบ้าง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ESTĒE LAUDER เป็นบริษัทที่มาจากฝั่งอเมริกา เริ่มก่อตั้งในปี 1946 ตอนนั้นคุณ Estée Lauder และสามีของเธอ ได้เริ่มต้นจากการผลิตเครื่องสำอางอยู่ในเมืองนิวยอร์ก
โดยตอนแรกพวกเขาเริ่มจากการผลิตสินค้าทำความสะอาดผิวหน้าแบบน้ำมัน และครีมประเภทต่างๆ ได้รับความนิยม จนกระทั่ง 2 ปีต่อมาพวกเขาก็ได้เปิดเป็นห้างสรรพสินค้า
หลังจากนั้นคุณ Estée Lauder และสามี ก็ได้สร้างแบรนด์ใหม่ชื่อว่า Aramis เพื่อเจาะกลุ่มตลาดผู้ชาย
ในปี 1967 ธุรกิจของพวกเขาได้เสียงตอบรับอย่างดี จนทำให้ Ms. Estée Lauder ได้รับรางวัล Spirit of Achievement จาก Yeshiva University
พวกเขายังไม่หยุดที่จะพัฒนาร่วมกับ คุณหมอ Norman Orentreich จนออกแบบผลิตภัณฑ์ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมที่ยังได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบันก็คือ CLINIQUE
ถ้าเราได้เคยอ่านเรื่อง L’Oréal ก็จะพบว่าบริษัทนั้นเติบโตด้วยการซื้อกิจการอื่น
อีกเช่นเคย
ESTĒE LAUDER ก็ทำเหมือนกับ L’Oréal
ESTĒE LAUDER ได้ขยายกิจการโดยการซื้อกิจการเครื่องสำอางของแบรนด์อื่น ตามปี ดังต่อไปนี้
ปี 1993 TOMMY HILFIGER
ปี 1995 LA MER กับ M.A.C
ปี 1996 BOBBI BROWN
ปี 1997 Kiton
ปี 1998 DONNA KARAN, DKNY Fragrances และ AVEDA
ปี 2000 JO MALONE กับ Bumble and bumble.
ปี 2003 MICHAEL KORS กับ DARPHIN
ปี 2005 TOM FORD BEAUTY
ปี 2010 smashbox
ปี 2012 TORY BURCH Beauty กับ Ermenegildo Zegna
ปี 2013 AERIN
ปี 2015 GLAMGLOW, Editions de Parfums Frédéric Malle, Le Labo และ RODIN olio lusso
ปี 2016 Kilian
ปี 2017 Too Faced กับ BECCA
เราจะเห็นได้ว่า มีแต่แบรนด์ที่เราคุ้นเคยอยู่ภายใต้บริษัท ESTĒE LAUDER
ซึ่งถ้าถามว่า สัดส่วนของสินค้าประเภทไหน ทำรายได้ให้กับบริษัทสูงที่สุด?
เครื่องสำอาง 42.7%
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 38.3%
น้ำหอม 13.8%
ผลิตภัณฑ์บำรุงผม 4.6%
ผลิตภัณฑ์อื่นๆ 0.6%
ถึงแม้ว่าเครื่องสำอางจะทำรายได้เป็นสัดส่วนมากสุดของบริษัทนี้ แต่ถ้าถามถึงอัตราการทำกำไรแล้ว ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจะทำกำไรได้มากกว่า
รายได้ของบริษัท ESTĒE LAUDER
ปี 2015 รายได้รวม 346,360 ล้านบาท กำไร 32,770 ล้านบาท
ปี 2016 รายได้รวม 373,230 ล้านบาท กำไร 35,990 ล้านบาท
ปี 2017 รายได้รวม 379,870 ล้านบาท กำไร 61,690 ล้านบาท
ตอนนี้มูลค่าบริษัท ESTĒE LAUDER เท่ากับ 1.71 ล้านล้านบาท ใหญ่กว่า ปตท. ที่เป็นบริษัทที่ใหญ่สุดในประเทศไทย
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับบริษัท L’Oréal
รายได้ของบริษัท L’Oréal
ปี 2015 รายได้รวม 920,960 ล้านบาท กำไร 125,120 ล้านบาท
ปี 2016 รายได้รวม 944,840 ล้านบาท กำไร 117,920 ล้านบาท
ปี 2017 รายได้รวม 986,550 ล้านบาท กำไร 135,740 ล้านบาท
ตอนนี้มูลค่าบริษัท L’Oréal เท่ากับ 4.33 ล้านล้านบาท
จะเห็นได้ว่าบริษัท L’Oréal ยังใหญ่กว่า ESTĒE LAUDER อยู่ 2.5 เท่า
L’Oréal มีแบรนด์อะไรบ้าง?
ตัวอย่างแบรนด์ภายใต้ L’Oréal คือ Lancôme, Yves Saint Laurent, Biotherm, Shu Uemura, Urban Decay, NYX และ 3CE
ดูแล้ว ESTĒE LAUDER ก็มีแบรนด์ไม่ด้อยไปกว่า L’Oréal เลย
แต่สิ่งที่น่าสนใจ
ทั้งสองบริษัทนี้มีสิ่งที่เหมือนกัน ก็คือ
เขาจะพยายามหาช่องทางในการขยายกิจการโดยการซื้อบริษัทอื่นอยู่เสมอ
เขาไม่กลัวที่จะซื้อบริษัทอื่นมูลค่าเป็นพันล้าน หมื่นล้าน
ถ้ามันจะทำให้กิจการขยายต่อไปได้ สองบริษัทนี้ก็จะคว้าแบรนด์นั้นมาไว้ครอบครอง
ก็คงไม่ต่างจากผู้หญิงที่อยากจะครอบครองเครื่องสำอางหลายๆ แบรนด์มาไว้ในมือ
ลองเปิดกระเป๋าเครื่องสำอางของผู้หญิงดูสิ
มีแบรนด์อะไรที่กล่าวถึงในบทความนี้อยู่บ้าง
ก็คงเป็นเพราะ เครื่องสำอาง ยังเป็นสิ่งที่เคียงคู่กับคุณผู้หญิงได้เสมอ
เพราะคนเรา ถ้าเกิดมาเป็นผู้หญิงแล้ว ก็คงไม่มีวันไหน ที่อยากจะหยุดสวย..
----------------------
<ad> นอกจากเครื่องสำอางแบรนด์หรูแล้ว ลองมาดูเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์หรูมีคุณภาพกัน
ขอแนะนำ 'งานไม้ ที่เป็นได้มากกว่าเฟอร์นิเจอร์'
อุด-ทะ-ยาน [ut-tha-yan] เฟอร์นิเจอร์งานไม้ของกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าเป็น 'Wood Slab Enthusiasts' หรือ 'ผู้ที่รักในงานไม้แผ่นเดียว' โดยให้ความสําคัญและคุณค่าของการคงรูปทรงธรรมชาติ ผสมผสานกับการออกแบบที่ทันสมัย
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel: 09-242424-71 / Line ID: @utthayandesign / FB & IG: Utthayan / Website: www.utthayan.com
----------------------
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.